โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนนี้

นิยาย Dek-D

อัพเดต 01 ต.ค. 2566 เวลา 11.46 น. • เผยแพร่ 01 ต.ค. 2566 เวลา 11.46 น. • ผืนแพร
รักแรก แฟนเก่า เจ้านาย เมื่อคืนนี้ฉันนอนกับใคร?!

ข้อมูลเบื้องต้น

‘อึก! น่ารำคาญฉิบ!’

‘เมามากแล้วนะ กลับกันเถอะ เดี๋ยว…ไปส่ง’

‘เห้อ! พูดอะไรอยู่ได้วะ!’

‘พอสักที! อย่าให้…ต้องใช้แรงนะ! เป็นบ้าอะไรถึงต้องดื่มให้เมาหนักขนาดนี้?!’

‘โอ๊ย! พูดพล่ามอยู่ได้! หนวกหู! เดี๋ยวแม่ก็จับจูบซะเลย!’

‘ว่าไงนะ?!’

‘ก็บอกว่าถ้าไม่ยังไม่เงียบ! ถ้ายังไม่เลิกเดินตามมา! เจอจับจูบแน่ไอ้…!’

‘ก็จะพากลับไปส่งที่บ้าน เมาหนักขนาดนี้จะกลับเองยังไง?’

‘ยุ่งน่ะ!’

‘อชิรญา! มีสติหน่อย! …เป็นเพื่อนเล่น…หรือไง?’

‘พูดมากฉิบ! นี่อยากโดนจูบจริง ๆ ใช่ไหม?’

‘กล้าเหรอ?’

‘มีอะไรให้ไม่กล้า?’

‘ก็ลองสิ ลองจูบ…สิ แต่รู้ว่าไม่กล้าหรอก…อื้อ!’

และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของปริศนาค่ะคุณผู้โช๊มมม

จะบอกว่าเรื่องนี้หาจุดสปอยล์ยากมาก

เพราะจะหยิบจับตรงไหนมาก็เฉลยหมดเลยว่าเขาคนนั้นที่นางเอกของเราลากขึ้นเตียงไปจ้ำจี้ด้วยเป็นใคร

ที่จริงคิดว่าอ่านแค่เปิดเรื่องก็น่าจะเดาออกกันแล้วแหละใช่ไหมคะ?

แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนนะคะว่ามันไม่ได้เป็นปริศนาอะไรขนาดนั้น

เพราะหลักใหญ่ใจความของเรื่องนี้ไม่ใช่การหาคำตอบว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครค่ะ

อ่านไปไม่กี่ตอนก็เฉลยแล้วเอาจริง ๆ 555555

เรื่องนี้ไม่แน่ใจว่าพอจะเป็นนิยาย Feel Good ได้ไหม แต่บอกได้เลยว่าเนื้อหาไม่หนัก

ดราม่าแทบจะไม่มี ปมก็น้อยนิด ไม่มีนอกกายนอกใจแน่นอน

อ่านแบบเพลิน ๆ อ่านแบบไม่เครียด อ่านกันแบบสบายใจ มีจุดให้ยิ้มเขิน

มีจุดให้ฟินจนต้องกัดหมอน ต้องมีบิดตัวม้วนกันบ้างแหละ

ฝากนิยายเรื่องใหม่ของผืนแพรไว้ในอ้อมกอดอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ

หมายเหตุ

ไรท์ขอแจ้งว่าได้ลงขายอีบุคทาง MEB แล้วนะคะ กำลังรออนุมัติวางขาย

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็คงจะได้วางขายวันพรุ่งนี้ (20/09/66)

ซึ่งนิยายจะมีทั้งหมด 32 ตอน ไรท์อยากจะบอกว่าเรื่องนี้ไรท์ช้าไปหน่อย ทุกคนอ่านกันมาเกือบจะจบเรื่องแล้วอีบุคเพิ่งออก

และยังไงไรท์ก็จะลงให้อ่านจนจบอยู่ดี เพราะอย่างนั้นอีบุคจึงมีไว้สำหรับนักอ่านที่ยังไม่เคยอ่าน หรือคนที่อยากเก็บไว้อ่านซ้ำ

และ และ และคนที่อยากสนุบสนุนกำลังใจ ค่าเน็ต ค่าไฟ ค่ากาแฟให้ไรท์ ฮิฮิ

ขอทิ้งท้ายเอาไว้ว่าเดี๋ยว (20/09/66) ไรท์จะมาทะยอยติดเหรียญในส่วน 70% ของเรื่อง

ใครที่ดองไว้รีบอ่านด่วนค่ะ

EP.1/1 รักแรก แฟนเก่า เจ้านาย

1

รักแรก แฟนเก่า เจ้านาย

หญิงสาวและชายหนุ่มปริศนายืนสบตากันอยู่ภายในห้องสวีทของโรงแรมหรูซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน ใบหน้าของฝ่ายหญิงนั้นแดงก่ำเพราะความเมามาย ก่อนหน้านี้เธอดื่มไปมาก ก็เพื่อนรักแต่งงานทั้งทีไม่ให้ดื่มฉลองแล้วจะให้เธอนั่งร้องไห้หรืออย่างไร น้ำเมาหลากชนิดกำลังทำปฏิกิริยากับร่างกายของเธออย่างรุนแรง จนไม่อาจแยกแยะได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเพียงภาพหลอน หากจะบอกว่าภาพเธอตัดไปตั้งแต่เมื่อยี่สิบนาทีก่อนแล้วก็คงไม่ผิดนัก เพราะเวลานี้อชิรญานั้นขนาดสติโดยสิ้นเชิง

“คิดดีแล้วเหรอ?” คนตัวสูงในชุดสูทสีแดงเข้มซึ่งเป็นชุดของเพื่อนเจ้าบ่าวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เขานั้นมีสติครบถ้วน ถึงจะดื่มไปแก้วสองแก้วแต่ก็ไม่ทำให้เมาได้เลยแม้แต่น้อย เขาอุตส่าห์จะตามมาคอยดูแลเธอแท้ ๆ ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายเธอจะพูดประโยคบ้า ๆ กับเขาแล้วจู่โจมจูบรุนแรงพร้อมลากเขาเข้ามาในห้องสวีทที่ทางเจ้าภาพเตรียมไว้ให้แขกที่เมาหนักจนกลับบ้านเองไม่ไหวแบบนี้

“อึก!” อชิรญาไม่คิดจะตอบอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ทำก็คือการปลดสายชุดสายเดี่ยวผ้ามันวาวพลิ้วไหวสีแดงเข้มออก เช่นกัน…เป็นชุดของเพื่อนเจ้าสาว

“จะถามอีกครั้งนะ คิดดีแล้วใช่ไหม?” หนุ่มปริศนาขบฟันกรามแน่นเมื่อชุดสายเดี่ยวหลุดไปกองอยู่ที่พื้น จนในเวลานี้ร่างบางนั้นแทบจะเปลือยเปล่า มีเพียงมีแผ่นซิลิโคนสำหรับปิดจุดบดบังเอาไว้ในท่อนบน ส่วนท่อนล่างก็มีเพียงชั้นในจีสตริงจิ๋วเท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสาวตรงหน้าจะเลือกสวมชั้นในเย้ายวนแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าภาพนอกที่ดูเหมือนเป็นสาวเท่ ๆ ลุย ๆ จะแฝงไว้ด้วยความเซ็กซี่ เขาเลื่อนสายตาสอดส่องไปทั่วทุกสัดส่วนของความงาม เขาก็ผู้ชายคนหนึ่ง…มีของดีมาโชว์อยู่ตรงหน้า ไม่มองเลยสิแปลก ก่อนหน้าที่เธอจูบเขาแบบรุนแรงทว่าไม่ประสีประสาก็ว่าน่าตกใจแล้ว แต่ที่มาลากเข้าห้องพร้อมแก้ผ้าโชว์กันแบบนี้มันยิ่งน่าตกใจกว่ามาก ก็รู้ว่าเธอเมา รู้ดีว่าที่กล้าทำแบบนี้ก็เพราะไม่มีสติยั้งคิดอะไรทั้งนั้น แต่ที่ไม่รู้ก็คือ…ทำไมต้องเป็นเขา? เธอรู้หรือเปล่าว่าทำกำลังเล่นอยู่กับใคร?

จุ๊บ!

หญิงสาวผู้เมามายไม่ได้ตอบเป็นคำพูด แต่การที่เธอเขย่งยกปลายเท้าขึ้นไปจูบที่กลีบปากล่างของชายหนุ่มก็ถือว่ามันคือการยินยอม ไม่มีทางคิดเป็นอย่างอื่นได้ หากจูบนี้ถือเป็นการปฏิเสธแล้วล่ะก็…ทั้งโลกคงแปรปรวนกันไปหมดแล้วแน่

“ถ้าจะยั่วกันขนาดนี้…”

“อื้อ!” ไม่ทันที่หนุ่มปริศนาจะได้พูดจนจบประโยค อชิรญาผู้ไร้สติก็โน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาประกบปากจูบอีกครั้ง เป็นเธอที่รุกเข้าหาเขาก่อน เป็นเธอที่จู่โจมรสจูบนุ่มนิ่มไม่เป็นงานใส่เขา แล้วเขาก็ไม่รอช้าจับคนตัวเล็กขึ้นอุ้ม โอบก้นของเธอไว้ เอาสองขามาเกี่ยวเอวสอบ จูบเธอกลับด้วยจังหวะที่เร็วรัว เมื่อเขาผันตัวเองมาฝ่ายรุก จูบไม่ประสีประสาก็แปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนรุนแรง โอบอุ้มเธอมาวางบนเตียงคิงไซซ์ เข้าไปทาบทับคร่อมไว้โดยไม่ละจูบแม้เพียงเสี้ยววินาที

ขณะที่บดเบียดริมฝีปากจูบเธอ ชายหนุ่มนิรนามก็ถอดสูทตัวนอกโยนทิ้งลงที่พื้น ยังไงคืนนี้เขาก็ว่างมากพอที่จะสนุกกับเธอทั้งคืน ยังไงพรุ่งนี้เขาก็ไม่มีงานที่ไหนอยู่แล้ว จะอยู่กับเธอยันเช้าเลยก็ได้ ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายเชื้อเชิญมาก่อน เขาก็พร้อมที่จะตอบสนองความต้องการให้เธอ พร้อมมานานมากแล้วด้วย เขาเป็นผู้ชายที่ไม่ได้มีความคิดซับซ้อนอะไรนัก อยากได้ก็บอกว่าอยากได้ ต้องการก็บอกว่าต้องการ

และวินาทีนี้เขาก็ต้องการและอยากได้เธอคนนี้มาก มากถึงมากที่สุด

“จะให้โอกาสอีกครั้ง ถ้าไม่ต้องการก็ลุกออกไปจากเตียง” แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพอที่จะมีความเป็นสุภาพบุรุษเหลืออยู่บ้าง ถอนจูบออกมาเอ่ยบอก สบตาอชิรญาไม่วาง “จะถามอีกครั้งนะ คิดดีแล้วใช่ไหม?”

“…” เป็นอีกครั้งที่ไม่มีคำตอบจากเธอ ไม่บอกว่ายินยอมแต่ก็ไม่ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น

“ก็ได้ แล้วอย่ามาโวยวายทีหลังก็แล้วกัน”

แล้วเขาก็จูบเธออีกครั้งในห้วงจังหวะที่หนักหน่วงเร่าร้อนยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้…คนหนึ่งทำไปโดยไม่รู้ตัว ไม่มีสติแยกแยะอะไรทั้งนั้น ส่วนอีกคนรู้ตัวดี แยกแยะได้และมีสติครบถ้วนดีทุกอย่าง ที่ทำก็เพราะอยากทำไม่ใช่เพราะเมา ไม่คิดจะแอบอ้างเรื่องแอลกอฮอล์อะไรทั้งนั้น ทำเพราะอยากรู้ว่าต่อไปเธอจะทำหน้ายังไงเวลาที่ได้เจอเขา ทำเพราะถูกอีกฝ่ายรุกเข้าใส่แล้วยั่วเขาไม่หยุด ทั้งหมดที่ทำมันมาจากความต้องการของเขาล้วน ๆ

“อื้อ!”

แสงสว่างจากด้านนอกสาดส่องผ่านช่องผ้าม่านปลุกให้อชิรญาตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันใหม่ สิ่งแรกที่หญิงสาวสัมผัสได้คืออาการเมาค้าง ต่อมาก็คือความปวดเมื่อยตามตัว พอลืมตาขึ้นมาเห็นว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนที่บ้านดวงตากลมโตก็เบิกขึ้นทันที กรอกสายตามองไปทั่วทุกทิศ ที่นี่คือที่ไหนเธอก็ไม่รู้ แต่หากจะให้เดาก็คงไม่พ้นโรงแรม

โรงแรม?!

เพียงแค่คิดว่าที่นี่คงเป็นห้องสวีทในโรงแรม อชิรญาก็ยิ่งตกใจหนักกว่าเก่า ดีดตัวเองลุกขึ้นนั่ง…หัวใจดวงน้อยหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มในทันทีที่เห็นชุดราตรีสีแดงเข้มของเธอกองอยู่กับพื้น ไม่เพียงเท่านั้น…ถัดออกมาคือชั้นในตัวจิ๋ว! และถัดออกมาอีกก็คือที่ปิดจุกสองชิ้น!

ฉิบหาย!

ก้มลงมองสภาพเปลือยเปล่าของตัวเองที่อยู่ใต้ผ้าห่มสีขาว อชิรญาก็เบะปากอยากจะร้องไห้ พลันเวลานั้นเสียงน้ำจากฝักบัวให้ห้องน้ำก็ดังขึ้น เธอไม่รอช้า ยังไม่มีเวลาให้คิดหาคำตอบอะไรทั้งนั้น คลานลงจากเตียงแล้วคว้าเอาชั้นในจีสตริงมาสวมตามด้วยชุดราตรี เวลานั้นเองคิ้วสวยได้รูปก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเหลือบไปเห็นสูทสีแดงเข้มพื้นห้อง

เอาไว้ก่อน!

เวลาแบบนี้เธอต้องหนี ต้องหาที่ตั้งหลักแล้วค่อยคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ วิ่งมาจนถึงประตูห้องพัก หันไปเห็นกระเป๋าครัชของตัวเองก็รีบคว้าเอาไว้ก่อนจะวิ่งออกมาทันที ขณะที่วิ่งก็คิดสรตะไปมั่ว เมื่อคืนคือวันงานแต่งงานของปัณณดา หนึ่งในเพื่อนรักของเธอที่แต่งงานกับนราธิป รุ่นพี่ที่คณะนิเทศศาสตร์แถมยังเป็นเจ้านายเธอด้วย อชิรญาจำได้ดีว่าเธอสนุกกับงานแต่งงานมากจนกระทั่งได้เจอกับกันต์ดนัย แฟนเก่าเฮงซวยที่มาร่วมงานในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว ต่อมาก็ได้เจอกับจิณณ์ รักแรกที่เป็นได้เพียงการแอบรักข้างเดียว แถมยังทำให้ต้องอับอายขายขี้หน้าทุกคนในคณะ จิณณ์เองก็เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเช่นกัน เจอสองคนที่ทำให้เธอเสียน้ำตาแถมยังมีเรื่องที่ทำให้ต้องหัวเสีย เลยคว้าแชมเปญมาดื่มแบบที่นับจำนวนแก้วไม่ได้ เธอกะจะดื่มจนเมาหัวทิ่มบ่อเพื่อสลัดความคับข้องใจให้พ้นไป แต่แล้วเพื่อนเจ้าบ่าวคนสุดท้ายโผล่มา…สิปปกรหรือเซฟ ลุงรหัสที่ตามติดชีวิตเธอเหมือนเป็นเจ้ากรรมนายเวร แถมยังเป็นเจ้านายอีกคนของเธอ! เขาคือคนที่เข้ามาคว้าแย่งเครื่องดื่มไปจากมือเธอแล้วสั่งให้เลิกกิน เจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตเธอแม้กระทั่งนอกเวลางาน แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนจะจำอะไรไม่ได้อีก

เรื่องก็คือนราธิป จิณณ์ กันต์ดนัยและสิปปกร ทั้งสี่คนเป็นเพื่อนกัน และใช่…หากสูทสีแดงเข้มตัวนั้นคือสูทของเพื่อนเจ้าบ่าว มันก็แปลว่าคนที่อชิรญานอนด้วยเมื่อคืนคือใครสักคน หนึ่งในสามของเพื่อนเจ้าบ่าว! ซึ่งก็คือรักแรก แฟนเก่าและเจ้านาย

“เวรแล้วไอ้อชิ…งานนี้ฉิบหายแล้วไอ้อชิ!” เพราะจำอะไรไม่ได้เลย พยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเมื่อคืนหลังจากที่ดื่มแล้วดื่มอีกจนเมา มีอะไรบ้างที่เกิดขึ้นกับเธอ อชิรญาพาตัวเองมาถึงรถ พอขึ้นมานั่งได้ก็แหกปากพร้อมยีหัวตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด “เวรเอ๊ย!!! นี่มันเรื่องอะไรกันวะ?!”

เปิดเรื่องมาแบบมีเงี่ยนงำ

เอ้ย!

เงื่อนงำ ฮ่าาาา

จริงๆ ไม่ได้อยากเล่นมุกเลย แต่เล่นไปแล้วอะ 555555

อย่างที่บอกกันไปตั้งแต่ตอนหน้าแรกของนิยายว่าเรื่องนี้ไรท์มีความตั้งใจว่าจะไม่ดราม่าน้ำตาแตก

เพราะถ้าใครได้อ่านเรื่องก่อนหน้า ก็คือกระอักเลือดกันมามากพอแล้ว เรื่องนี้เลยอยากพักปอด พักตับ พักไตทุกคน

แล้วมาชุ่มฉ่ำไปพร้อมกันนะคะ เพราะว่าเรื่องนี้ก็คือนางเอกเราสวยมาก มากถึงมากที่สุด

ผู้ชายมารุมตอมพร้อมกันสามคน!

ใช้คำว่าตอม…ไม่รู้จริงๆ ว่าอชิของเราเป็นขรี้หรือดอกไม้ 555555

ฝากด้วยนะคะทุกคน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ

EP.1/2 รักแรก แฟนเก่า เจ้านาย

แก๊งเพื่อนรักจากโรงเรียนมัธยมเจริญรุ่งศึกษานั้นมีกันอยู่สี่คนซึ่งก็คือปัณณดาหรือปันปัน ที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานไปเมื่อคืน ต่อมาคือเมธาวีหรือหมอเมย์ คุณหมอคนเก่งที่ต่อให้เมื่อคืนจะสนุกกับงานแต่งงานของเพื่อนรักมากแค่ไหน แต่พอเช้าขึ้นมาก็ยังต้องเข้าเวรอยู่ดี คนที่สามของแก๊งก็คืออรุณพงษ์หรืออัลมอนด์ เกย์สายรับที่เทผู้ชายเก่งพอ ๆ กับเทเหล้าเข้าปาก และคนสุดท้ายก็คืออชิรญา…หญิงสาวผู้ที่เพื่อน ๆ ตั้งชื่อที่สองให้ว่าอีลำยอง

สวยสุดในสามโลก (4)

Dr.May : ไอ้อชิมันหายไปไหนวะ ไม่รับสายเลย

SweetAlmond : อ้าว ฉันคิดว่ามันอยู่กับแกซะอีก

Dr.May : บ้าเหรอ มันจะอยู่กับฉันได้ไง ตอนแรกคิดว่าเมื่อคืนมันกลับกับแกนะไอ้มอนด์

SweetAlmond : เปล่านะ เมื่อคืนฉันหิ้วผู้ในงานแต่งกลับ มันจะมากับฉันได้ไง แล้วมันเมาขนาดนั้นถ้าไม่กลับกับแกแล้วจะกลับกับใครวะ

Dr.May : เรื่องแกหิ้วผู้กลับด้วย ขอยกไว้ก่อนนะ แล้วนี่ไอ้อชิมันหายไปไหนวะ สรุปเมื่อคืนมันกลับกับใคร?

SweetAlmond : หรือมันไม่ได้กลับ? เพราะตอนฉันออกมาจากงานยังเห็นรถมันจอดอยู่เลยนะ ไม่แน่มันอาจจะไปนอนบนห้องที่ไอ้ปันปันมันเตรียมไว้ให้แขกเมากลับไม่ไหวหรือเปล่า

PunPun : คุยอะไรกันแต่เช้าวะ เจ้าสาวจะนอน

SweetAlmond : นี่ไง ไอ้ปันปันมาแล้ว ตกลงไอ้อชิมันหายไปไหน

PunPun : ไม่รู้ มันหายเหรออีกแล้วเหรอ ลองไปหาข้างถังขยะหรือยัง มันชอบเมาแล้วไปนอนตรงนั้น

Dr.May : ไม่ใช่เวลาเล่นตลกไอ้ปันปัน ไอ้อชิมันหายจริง ๆ ฉันติดต่อมันไม่ได้เลย

PunPun : อะ ๆ ไม่ตลกก็ได้ ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นมันก็ตอนที่ไอ้พี่กันต์เข้าไปวอแวกับมันอะ หรือมันไปกับพี่กันต์วะ

Dr.May : ไม่มีทางอะ ไอ้อชิมันเกลียดพี่กันต์อย่างกับขี้ ถ้าเป็นพี่จิณณ์อะไม่แน่ เพราะถ้าจำไม่ผิดครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นมัน มันคุยอยู่กับพี่จิณณ์

SweetAlmond : พี่จิณณ์ไม่น่าใช่ว่ะ เพราะฉันเห็นว่าพี่อัญมาด้วย ก็รู้กันอยู่ว่าพี่อัญไม่ยอมให้พี่จิณณ์เข้าใกล้ไอ้อชิเลย

PunPun : งานหยาบแล้วไหมล่ะ ถ้าไม่ใช่ไอ้พี่กันต์กับพี่จิณณ์ แล้วอชิมันจะหายไปไหนได้ หายไปกับพี่เซฟเหรอ คนนี้ยิ่งไม่น่าใช่เข้าไปใหญ่

Achi : ฉันอยู่นี่

SweetAlmond : มาสักทีอีลำยอง หายไปกอดไหเหล้าที่ไหนมาคะ

Dr.May : เกือบจะไปแจ้งความคนหายอยู่แล้วเชียว

PunPun : อะ นังตัวดีมาแล้ว งั้นเจ้าสาวขอไปนอนต่อนะคะเพื่อน ๆ คืนนี้ต้องบินไปฮันนิมูนต่อ อิอิ

Achi : พวกแก

Dr.May : กลิ่นแปลก ๆ

Achi : พวกแกช่วยฉันด้วย เมื่อคืนนี้ฉันนอนกับใครก็ไม่รู้

Dr.May : นอนยังไง?

Achi : ก็หลับนอนอะ มีเซ็กส์! แก้ผ้าหมดตัว! แล้วก็จำไม่ได้ว่าเป็นใคร!

SweetAlmond : เหี้ย!!! ใครก็ไม่รู้!!! ใครก็ไม่รู้คือเหี้ยอะไรวะ?!!

Achi : ก็ฉันไม่รู้ไง ฉันจำเหี้ยอะไรไม่ได้เลยอะ ทำยังไงดี ฉันจะท้องไหมวะ แล้วถ้าติดโรคขึ้นมา เหี้ยเอ๊ย! ยาย แม่แล้วก็ป้าเอาฉันตายแน่

PunPun : หลับต่อไม่ลงเลยว่ะ เสียคนตอนเกือบจะแก่เหรอวะไอ้อชิ?!

Dr.May : ตั้งสติอชิ ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน

Achi : บ้าน

Dr.May : ทำตามที่ฉันบอกนะ ไปที่ร้านขายยาซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน แล้วมาหาฉันที่โรงพยาบาล แกต้องรับยาป้องกันเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ฉันจะจัดการให้

Achi : โอเค

Dr.May : ไม่ต้องตอบแล้ว วางมือถือแล้วไปทำตามที่ฉันบอกเดี๋ยวนี้

แก๊งสวยสุดในสามโลกมารวมตัวกันที่ร้านกาแฟในโรงพยาบาลที่เมธาวีทำงาน อชิรญาได้แต่นั่งกัดเล็บตัวเองหลังจากที่ออกมาจากห้องรับยาป้องกันเชื้อที่สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ ไม่มีเพื่อนคนไหนเริ่มปริปากพูดอะไรก่อน ปัณณดาที่ต้องเตรียมตัวไปฮันนิมูนกับสามีอย่างนราธิป เวลานี้ได้ลืมเรื่องเที่ยวไปหมดแล้วเพราะมัวแต่คิดเรื่องเพื่อนรัก

“สรุปก็คือแกไม่ได้เก็บซิงไว้ชิงโชค แต่เก็บไว้ให้ใครก็ไม่รู้สินะ คนที่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร” อัลมอนด์คิดไม่ออกว่าจะต้องด่าหรือปลอบใจเพื่อนดี ก็เลยจบที่คำถามประชดประชันแทน

“กะไว้แล้วว่ามันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้สักวัน ถึงได้บอกไงว่าให้เบาเรื่องเหล้าหน่อย แกเมาได้ไม่เว้นวันจริง ๆ นะอชิ”

“แล้วมันใช่เวลาที่พวกแกจะมานั่งด่ามันไหม?” เมธาวีส่งสัญญาณให้อัลมอนด์และปัณณดาเลิกต่อว่าเพื่อน เพราะเวลานี้อชิรญากำลังเบะปากเหมือนคนจะร้องไห้

“ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลยวะ? ไอ้บ้าที่ฉันนอนด้วย…แม่งเป็นใครวะ?”

“แล้วมันสำคัญยังไง? คนที่แกนอนด้วยจะเป็นใครมันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย จำไม่ได้ช่างแม่งไปดิ ยังไงมันก็ทิ้งแกไว้คนเดียวหลังเสร็จกิจไม่ใช่เหรอ?”

“ฮะ?” อชิรญาทำหน้าเหลอหลาเพื่อเมธาวีกำลังเข้าใจผิด “เขาไม่ได้ทิ้งฉัน ฉันต่างหากที่หนีออกมา”

“อะไรวะเนี่ย?! ก็แล้วทำไมแกไม่หันไปดูหน้ามันสักหน่อยล่ะ? หนีออกมาเพื่อ?!” ได้ยินแบบนั้นอัลมอนด์ก็อดจะหัวเสียไม่ได้

“ก็เพราะเขาไม่ได้นอนอยู่ข้าง ๆ ไง! เขาอยู่ในห้องน้ำ! แล้วพอฉันเห็นสูท…ก็คิดได้แค่ว่าต้องหนีเท่านั้น ผู้ชายคนนั้นใส่สูทเพื่อนเจ้าบ่าว! เขาเป็นใครสักคนในเพื่อนเจ้าบ่าว!”

“เหี้ย!!!” คำตอบที่ได้จากอชิรญาทำเอาเพื่อนทั้งสามคนร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

“เพื่อนเจ้าบ่าวแม่งมีแค่สามคนไง มีพี่จิณณ์ ไอ้เหี้ยพี่กันต์แล้วก็พี่เซฟเจ้านายแก! ถามจริงอชิ…สูทที่เขาใส่มันใช่สูทเพื่อนเจ้าบ่าวจริงเหรอวะ?!” แค่คิดว่าคนที่อชิรญานอนด้วยเมื่อคืนเป็นใครสักคนในสามคนนี้ ปัณณดาก็อยากจะบ้าตายขึ้นมาแล้ว

“ในงานมีแค่เพื่อนบ่าวสาวที่ใส่สีแดง ยังไงก็ใช่” อชิรญาทำหน้าอยากลาโลกมากขึ้นทุกที

“ขอให้ไม่ใช่พี่จิณณ์ก็พอ แบบนั้นคือชู้เลยนะเว้ย…ถึงจะมีข่าวว่าพี่จิณณ์เตรียมจะหย่ากับพี่อัญก็เถอะ แต่ถ้ายังไม่ได้หย่า นอนกับเขาก็เท่ากับว่าแกคือชู้” จิณณ์ ผู้ชายที่ถือว่าเป็นรักแรกของอชิรญาแต่งงานกับอัญรินทร์มาแล้วสามปี และเป็นอย่างที่ปัณณดาบอก ช่วงหลังมานี้มีข่าวว่าฝ่ายชายเตรียมตัวจะทำเรื่องหย่าหลุดออกถึงหูเพื่อน ๆ รุ่นพี่ รุ่นน้องจากคณะนิเทศศาสตร์ สถาบันเดียวกัน

“มันจะเมาอะไรขนาดนั้นวะ? ขนาดที่จำหน้าคนที่นอนด้วยไม่ได้เลยเหรอ? เอาจริงดิ? คิดไหมว่าถ้าคนที่แกนอนด้วยเมื่อคืนคือไอ้พี่กันต์ งานนี้แกไม่มีทางสลัดเขาออกไปจากชีวิตได้แน่” เมธาวีกำลังพูดถึงกันต์ดนัย แฟนคนแรกและคนเดียวของอชิรญา แม้จะเลิกรากับเขาไปแล้วนานถึงห้าปี แต่เธอก็ยังไม่สามารถสลัดเขาออกไปได้ จนถึงทุกวันนี้เธอยังโดนเขาตามมาง้อขอคืนดีอยู่

“ขอให้เป็นพี่เซฟแล้วกัน ให้เป็นพี่เซฟเถอะว่ะ รูปหล่อ บ้านโคตรรวย เพอร์เฟคทุกกระเบียดนิ้วขนาดนั้น…ต้องเป็นเขาแล้วล่ะ” อัลมอนด์ทำหน้าเพ้อฝัน เพราะนอกจากสิปปกรจะเป็นทั้งรุ่นพี่และเจ้านายของอชิรญาแล้ว ก็ยังเป็นเจ้านายของอัลมอนด์ด้วยเช่นกัน

“จะเป็นใครก็ฉิบหายเหมือนกันทั้งนั้นแหละ! ฉิบหายที่สุดก็คือพี่เซฟ! เขาเป็นคนที่ฉันต้องเจอหน้าทุกวันนะไอ้มอนด์! ลองคิดดูสิว่าถ้าเป็นเขาขึ้นมาจริง ๆ ฉันจะทำหน้ายังไง? คิด ๆ ดูแล้วถ้าเป็นพี่จิณณ์ ฉันก็พอจะเลี่ยงได้ แค่แกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็น่าจะโอเคแล้วไม่ใช่เหรอ? บอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันภาวนาขอให้คนที่ฉันนอนด้วยคือไอ้พี่กันต์! อย่างน้อยก็เคยเป็นแฟนกัน แล้วมันก็ครองฉายาฟันแล้วทิ้งมาตลอดนี่ คราวนี้มันได้ฟันฉันแล้ว ก็ไม่แน่ว่ามันอาจจะเลิกมาตามตอแยฉันได้สักที”

“ก็เผชิญหน้ากับความจริงไปเลย ไปถามให้มันรู้แล้วรู้รอดซะ อย่างน้อยถ้าได้รู้ว่าเป็นใคร…แกจะได้รู้ตัวว่าจะต้องจัดการยังไง” เมธาวีเป็นคนสรุปให้ หน้าที่นี้เป็นของคุณหมอสาวมาโดยตลอด

“หรืออยากให้ฉันลองไปถามพี่ธิปให้? เผื่อว่าพวกผู้ชายเขาจะคุยกัน”

“ไม่ต้องเลยไอ้ปันปัน! เรื่องนี้ห้ามถึงหูผัวแกเด็ดขาด! แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าผู้ชายแก๊งนี้เขาไม่คุยเรื่องผู้หญิงกันอะ” อัลมอนด์ส่งสัญญาณให้ปัณณดาหันมองหน้าอชิรญา อย่างที่รู้กันดี…รู้กันมาตั้งแต่สมัยเรียนที่คณะนิเทศศาสตร์แล้วว่าผู้ชายแก๊งนี้ ยกเว้นเพียงนราธิปสามีของปัณณดา อีกสามคนที่เหลือนั้นพัวพันกับอชิรญาแบบแปลก ๆ มาตั้งนานแล้ว และมันช่างคลุมเครือเสียเหลือเกิน

ทายสิใครเอ่ย…?

เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้ยากนะคะ คิดว่ารี๊ดคงมีในใจกันอยู่แล้ว

แค่จะบอกว่าคนไหนทายถูกไรท์ไม่มีรางวัลให้นะ

55555

SPOIL NEXT EP.

“เหี้ย!!!”

“เหี้ยอะไร?! อะไรเหี้ย?!”

“แกดูนี่!” อชิรญาหันหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้อัลมอนด์อ่านข้อความ มันคือข้อความจากจิณณ์ที่ส่งมาว่า ‘เย็นนี้ว่างไหม พี่อยากคุยเรื่องคืนนั้น’

EP.2/1 เรื่องคืนนั้น

2

เรื่องคืนนั้น

อชิรญาคือครีเอทีฟวัยยี่สิบแปด ทำงานกินเงินเดือนครึ่งแสนที่ธิงค์ ฮับ เอเจนซี่โฆษณาซึ่งมีสิปปกรและนราธิปเป็นเจ้าของ เธอทำงานที่นี่มาสี่ปีนับตั้งแต่วันที่มันเปิดตัว โดยมีนราธิปเป็นคนทาบทามให้เธอมาร่วมงานด้วย รุ่นพี่ให้เหตุผลว่าเพราะเธอเป็นคนเก่ง ฝีมือด้านครีเอทีฟของเธอนั้นโดดเด่นมาตั้งแต่สมัยเรียน พอเขามาร่วมหุ้นทำบริษัทกับเพื่อนรักอย่างสิปปกร ก็นึกถึงอชิรญาเป็นคนแรก แน่นอนว่าเมื่อได้รุ่นน้องคนเก่งมาเป็นครีเอทีฟแล้ว นราธิปก็ยังดึงตัวอัลมอนด์มาทำงานเป็น AE คอยประสานให้อีกด้วย ธิงค์ ฮับ เริ่มจากการเป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่รับงานโฆษณาทุกชนิด เริ่มจากงานเล็ก ๆ เก็บประสบการณ์มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งสี่ปีผ่านไปก็ได้กลายเป็นเอเจนซี่ขนาดใหญ่ที่มีชื่อติดอยู่ในอันดับท็อป และสิปปกรกับนราธิปก็กลายเป็นบุคคลที่น่าจับตามองในวงการโฆษณาของไทยไปโดยปริยาย

อชิรญาอยากลางานในเช้าวันจันทร์แทบใจจะขาด แต่เพราะเธอใช้วันลาของปีนี้หมดไปแล้วแถมยังมีงานใหญ่ที่ต้องเข้าประชุม คิดแล้วก็อยากเอานิ้วบีบจมูกตัวเอง กลั้นหายใจตายไปให้รู้แล้วรู้รอด เพราะประชุมวันนี้เธอจะต้องเจอกับสิปปกร เจ้านายที่จะเป็นคนพรูฟงานครีเอทีฟขั้นตอนสุดท้าย ที่จริงเธอก็แปลกใจมาตลอดว่าทำไมเจ้าของบริษัทอย่างเขาถึงไม่สนใจแต่เรื่องบริหารไปซะ ทำไมจะต้องมาวุ่นวายกับงานสตอรี่บอร์ดของเธอ แต่สงสัยไปก็เท่านั้น ใช่ว่าจะไม่เคยถาม ถามไปแล้วหลายครั้งแต่คำตอบที่ได้นั้นเหมือนเดิมตลอด คือเพราะเขาไม่ไว้ใจให้เธอทำงานเอง เขาบอกว่าอชิรญานั้นขี้เมาจนสติเสีย กลัวจะทำงานพลาดก็เลยต้องมาคอยคุมเป็นพิเศษ

ถึงจะอยากตาย ถึงจะขี้เมาแถมยังขี้เกียจสุด ๆ แต่อชิรญาก็ยังความรับผิดชอบเหลืออยู่บ้าง แม้จะน้อยนิดมากก็ตาม ยังไงวันนี้เธอก็ต้องแบกหน้าไปทำงาน คิดได้แบบนั้นก็คลานลงจากเตียง เข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวก่อนจะลงมาชั้นล่างของบ้านในชุดสูทสีชมพู ด้านในเป็นเสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยกางเกงยีนสีซีด ปล่อยผมที่ยาวประบ่าดัดลอนคลาย ๆ แต่งหน้าให้พอมีสีสัน ก่อนไปทำงานทุกเช้าเธอจะต้องได้กินของอร่อยที่แม่ทำไว้ให้ พอลงมาก็ได้เจอแม่ ป้า แม่แล้วก็พี่สาวที่นั่งป้อนข้าวหลานสาวอยู่

ครอบครัวของอชิรญานั้นเป็นครอบครัวหญิงล้วน เคยคุยกันเล่น ๆ ว่าผู้หญิงบ้านนี้นั้นถูกสาป ผู้ชายคนไหนก็เข้ามาอยู่ร่วมด้วยไม่ได้ ไม่หนีหายสาบสูญก็ต้องล้มตาย เริ่มด้วยคุณตาที่จากไปด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ ทิ้งให้ยายกลายเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว ต่อมาคือป้าที่ครองโสดเป็นสาวแก่ พยายามยังไงก็หาสามีไม่ได้ ส่วนแม่ของเธอก็หย่าขาดจากพ่อด้วยสาเหตุมากมายนับไม่ถ้วน จนพ่อออกไปสร้างครอบครัวใหม่เป็นที่เรียบร้อย สุดท้ายก็คือพี่สาวของเธอที่อยู่ ๆ ก็ท้องโตกลับมาอยู่บ้าน ถามว่าพ่อเด็กเป็นใครก็ไม่เคยคิดจะปริปากตอบ ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุให้ทุกคนในบ้านคาดหวังและตั้งความหวังเอาไว้เป็นอย่างมากว่าอชิรญาจะต้องไม่ถูกสาปไปด้วย ทุกคนพร่ำสอนว่าลูกสาวคนเล็กของบ้านจะต้องไปชิงสุกก่อนห่าม ถ้าไม่มั่นใจว่าจะแต่งงานอยู่กับคนนี้ก็ห้ามให้เขาย่างกรายเข้ามาถึงเนื้อถึงตัวได้ กรอกหูเธออยู่ทุกวันว่าผู้ชายดี ๆ น่ะมี เพียงแต่หายากมากก็เท่านั้น แล้วถ้าอายุสามสิบเมื่อไรยังหาไม่ได้ เดี๋ยวยาย แม่ ป้าและพี่สาวจะหาให้เอง

“ดูสภาพแกสิ เมาค้างมากี่วันแล้วฮะ?” ญาณีผู้เป็นแม่เอ่ยถามในทันทีที่ได้เห็นหน้าลูกสาว ขณะเดียวกันก็ลุกจากโซฟาหน้าทีวีมาที่โต๊ะอาหารเพื่อจัดมื้อเช้าให้ “เมื่อวันก่อนที่ไปงานแต่งงานปันปันมาเป็นยังไงบ้าง?”

“ก็ดีค่ะ ป้านิ่มกับยายกินด้วยกันไหม?” อชิรญาเดินมานั่งที่โต๊ะ ตักซุปไก่เข้าปากไปหนึ่งคำก็เอ่ยชวนยายกับป้าที่นั่งดูข่าวเช้าอยู่

“ยายกินแล้ว อชิกินเถอะ กินเยอะ ๆ”

“ป้าก็กินแล้ว ว่าแต่เมื่อวานป้าเห็นอชิกลับบ้านตอนสาย ๆ งานแต่งของเพื่อนเลิกเช้าเลยเหรอ?”

“คะ?” ซุปไก่แทบพุ่งออกจากปาก อชิรญาทำหน้าไม่ถูกเมื่อทุกสายตากำลังเพ่งมองมาที่เธอ ทั้งยาย ทั้งแม่ ทั้งป้าและพี่สาว แม้แต่น้องเอวาหลานสาวก็ไม่เว้น “ก็…ค่ะ งานเลิกเช้าเลย มีอาฟเตอร์ ปาร์ตี้น่ะ”

“เข้ามาบ้านแล้วก็ออกไป ท่าทางลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ ป้าเห็นก็ตกใจ กลัวว่าจะมีเรื่องอะไรไม่ดี” นฤมลผู้เป็นป้ายังไม่หยุดจี้

“โตแล้วนะอชิ ทั้งยาย ทั้งแม่ ทั้งป้าก็สอนมาเยอะแล้ว ตัวอย่างก็มีให้เห็นกันอยู่ จะทำอะไรก็คิดให้มันเยอะ ๆ จะกินเหล้าน่ะแม่ไม่ว่าหรอก แต่ก็ต้องรู้ลิมิตตัวเอง”

“อชิรู้น่ะแม่”

“ตัวอย่างที่ว่าคือใครนะ ใช่เราสองคนแม่ลูกหรือเปล่าคะน้องเอวา?” อมิตาพี่สาวแกล้งทำเป็นประชดประชันคุยเล่นกับน้องเอวา รู้อยู่แก่ใจว่าแม่นั้นหมายถึงเธออยู่แล้ว

“คิกคิก” น้องเอวาวัยสามขวบตอบด้วยเสียงหัวเราะ หยอกล้อกับแม่ คุณยายเห็นท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวของลูกสาวคนโตแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

“รีบกินซะ จะได้รีบไปทำงาน ออกสายเดี๋ยวรถจะติด” ญาณีตักผัดผักให้ลูกสาวคนเล็กก่อนจะหันกลับไปมองลูกสาวคนโต “มิตา เลิกป้อนข้าวลูกแล้วไปเตรียมตัว วันนี้ที่โรงงานมีงานเยอะ”

“ค่ะคุณยาย ไหนเอวาพูดสิลูก ค่ะคุณยาย…” แม้จะแอบเบะปากใส่แต่อมิตาก็รับคำคนเป็นแม่อย่างว่านอนสอนง่าย ตั้งแต่ที่ท้องจนต้องกลับมาอยู่บ้าน เธอก็รับหน้าที่เข้าไปช่วยทำบัญชีที่โรงงานขนมปังที่เป็นธุรกิจของครอบครัวกับแม่ เวลาไปทำงานก็จะทิ้งลูกสาวไว้ให้ป้ากับยายคอยดูแล ครอบครัวนี้อยู่กันอย่างดี เป็นผู้หญิงแกร่งกันทั้งบ้าน เปลี่ยนหลอดไฟกันเองได้ งานซ่อมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำกันเองมาตลอด อยู่กันแบบนี้โดยไม่เคยต้องพึ่งผู้ชาย ก็ถ้าผู้ชายดี ๆ ที่ไม่นอกใจ ไม่ไข่ไว้แล้วทิ้งไปมันหายากนัก ไม่มีก็ไม่ตาย

อชิรญาขับโฟล์คเต่าสีเขียวรุ่นเก่าแบบสุดแสนจะเก่าเข้ามาจอดที่หน้าออฟฟิศ ธิงค์ ฮับ เห็นหน้าออฟฟิศแล้วก็ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด เรื่องคืนนั้นผ่านมาสองวันแล้วแต่ไม่มีใครสักคนในบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวติดต่อมาเลย แสดงว่าเขาคนนั้นก็คงอยากจะทำเป็นว่าเรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเหมือนกัน อดคิดไม่ได้ว่าบางทีคนที่เธอนอนด้วยอาจเป็นจิณณ์ เขามีภรรยาอยู่แล้ว คงไม่อยากสร้างปัญหาเลยหายเงียบไปเฉย ๆ

หรือถ้าเป็นกันต์ดนัยก็ไม่แน่อีกเหมือนกัน แฟนเก่าเฮงซวยคนนั้นของเธอ ตามตอแยมาตลอดห้าปีที่เลิกรากันไป สาเหตุไม่ใช่เพราะเขายังรักและอาวรณ์ แต่มันเป็นเพราะเขายังไม่ได้ฟันเธอต่างหาก แล้วที่เงียบไปแบบนี้ก็อาจเป็นไปได้ว่าคืนนั้นเป็นเขา ตามสไตล์ฟันแล้วทิ้งสมฉายาที่เขาถือครองมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นใครในสองคนนี้ ก็ไม่ได้ทำให้อชิรญารู้สึกดีขึ้นมา คนหนึ่งเธออาจได้ชื่อว่าเป็นชู้ อีกคน…ก็เกลียดแสนเกลียด

แต่แล้วถ้าเกิดเป็นเจ้านายเธอล่ะ?

ถ้าไม่ใช่ทั้งจิณณ์และกันต์ดนัยแต่เป็นสิปปกร…?

“ไม่หรอก…ไม่ใช่พี่เซฟ เขาทำเหมือนไม่อยากจะแตะตัวเราด้วยซ้ำ ไม่มีทางมานอนกับเราหรอก อีกอย่างถ้าเป็นเขา รับรองได้เลยว่าเขาต้องโทรมาเยอะเย้ยเราแล้วแน่ ๆ ก็นั่นมันนิสัยเขานี่ นิ่งไว้อชิ ของแบบนี้ถ้าเราไม่พูด เขาไม่พูด ไม่มีใครพูด ก็เท่ากับว่าเรื่องเฮงซวยนั่นไม่เคยเกิดขึ้นจริง”

บอกตัวเองให้มีสติก็คว้ากระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์โน้ตบุคลงมาจากรถแล้วเดินเข้ามาในออฟฟิศที่เป็นตึกสองชั้นสไตล์ลอฟท์ผสมผสานด้วยสไตล์อินดัสเทรียล ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง มีความดิบ ๆ เพราะผนังทั้งหมดเป็นปูเปลือย โครงสร้างส่วนใหญ่ก็ใช้เป็นโครงเหล็กสีดำ ตกแต่งด้วยต้นไม้สีเขียวทั่วทุกมุม ถือว่าเป็นออฟฟิศที่มีสไตล์สมกับเป็นองค์การที่ถนัดเรื่องครีเอทีฟ อีกทั้งยังบริหารองค์กรในสไตล์ที่เหมาะกับยุคสมัยและคนทำงานรุ่นใหม่ ธิงค์ ฮับ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการนับเวลาทำงานของพนักงานในออฟฟิศ แต่ให้ความสำคัญกับผลงานเป็นที่หนึ่ง การทำงานที่ต้องใช้ความคิดและความสร้างสรรค์นั้น พนักงานจะต้องรู้สึกผ่อนคลาย เพราะอย่างนั้นที่ออฟฟิศแห่งนี้จึงมีสิ่งบันเทิงมากมายเพื่อให้ความสะดวกสบายกับพนักงาน มีโซนเล่นเกม มีมุมพักผ่อนหย่อนใจ มุมขนมและเครื่องดื่ม แม้กระทั่งเบียร์ก็มีให้ดื่ม ที่สำคัญคือมีห้องนอนสำหรับพนักงานที่ต้องการการพักผ่อน พนักงานจะเอาเวลาที่มีทั้งหมดไปทำอะไรก็ได้ตามต้องการ แต่เมื่อถึงเวลาจะต้องมีงานซึ่งครบครันด้วยคุณภาพมานำเสนอ แน่นอนว่าคนทำงานที่โต ๆ กันแล้ว ย่อมมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และจัดสรรเวลาของตัวเองได้

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...