โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“จาง อีหมิง” ผู้ก่อตั้ง ByteDance เจ้าของ TikTok ขึ้นแท่น “คนที่รวยที่สุดในจีน” เป็นครั้งแรก

Thairath Money

อัพเดต 27 มี.ค. เวลา 10.03 น. • เผยแพร่ 27 มี.ค. เวลา 10.03 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

จาง อีหมิง (Zhang Yiming) ผู้ก่อตั้ง ByteDance Ltd. บริษัทแม่ของแอปพลิเคชัน TikTok ขึ้นแท่นเป็น "มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของจีน" เป็นครั้งแรก หลังจากมูลค่าทรัพย์สินทะยานแตะระดับ 57,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 2 ล้านล้านบาท

มูลค่าทรัพย์สินของ จาง อีหมิง ได้แซงหน้า จง ซานซาน (Zhong Shanshan) เจ้าพ่อน้ำดื่มแบรนด์ Nongfu Spring รายใหญ่ในจีนที่ครองอันดับ 1 มาอย่างยาวนาน และ หม่า ฮั่วเถิง (Ma Huateng) ผู้ร่วมก่อตั้ง Tencent Holdings ไปเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้มีผลมาจากการที่ความมั่งคั่งของ จง ซานซาน ลดลงตามรายได้ที่ชะลอตัวของ Nongfu Spring ส่งผลให้ จาง อีหมิง ที่เคยอยู่อันดับรอง ๆ ผงาดขึ้นมาแทนที่ พร้อมติดอันดับ "บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียเป็นลำดับที่ 3" รองจาก มูเกช อัมบานี (Mukesh Ambani) เจ้าของอาณาจักร Reliance Industries บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย และ โกตัม อดานิ (Gautam Adani) อีกหนึ่งมหาเศรษฐีชาวอินเดีย

นอกจากนี้ ความมั่งคั่งของ จาง อีหมิง ยังได้เพิ่มขึ้นมากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ Bloomberg พบว่า มูลค่ากิจการของ ByteDance จากเงินทุนของ BlackRock Inc., Fidelity Investments และ T. Rowe Price Group Inc. บวกกับแผนที่ ByteDance จะซื้อหุ้นคืนที่มูลค่ากว่า 312,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยอดรวมทั้งหมดจะทำให้บริษัทอาจมีมูลค่าสูงถึง 365,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

มหาเศรษฐีสายเทคฯ ที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์

จาง อีหมิง เป็นชายชาวจีนผู้ก่อตั้ง ByteDance บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากจีนที่อยู่เบื้องหลังแอปพลิเคชัน TikTok ซึ่ง จาง อีหมิง เกิดเมื่อปี 1983 ที่มณฑลฝูเจี้ยน หนึ่งในพื้นที่แรก ๆ ของจีนที่เปิดประเทศรับโลกภายนอก เขาเป็นหนึ่งในคนรุ่นมิลเลนเนียลจีนที่เติบโตในยุคเศรษฐกิจเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว

เขาเริ่มต้นเส้นทางสายเทคฯ ด้วยการเรียนที่ Nankai University โดยเปลี่ยนสายการเรียนจากไมโครอิเล็กทรอนิกส์มาสู่วิศวกรรมซอฟต์แวร์ และหลังจบการศึกษาก็ได้เข้าทำงานกับสตาร์ทอัพชื่อ Kuxun ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เขาเรียนรู้ทั้งเทคโนโลยีและการบริหารทีมอย่างลึกซึ้ง

ก่อนที่จะไต่เต้าขึ้นมารับหน้าที่บริหารทีมกว่า 50 คนภายในเวลาเพียงปีเดียว จุดเปลี่ยนสำคัญคือความตั้งใจเรียนรู้รอบด้าน ทั้งเทคโนโลยี การขาย และการบริหาร ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญของอาณาจักร ByteDance ในเวลาต่อมา

และหลังจากลองผิดลองถูกกับสตาร์ทอัพตัวแรกอย่าง “99fang.com” เว็บไซต์ค้นหาอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นตัวจุดชนวนให้เขารู้ตัวว่ามีหัวใจของผู้ประกอบการเต็มตัว จาง อีหมิง ก็ได้ก่อตั้ง “ByteDance” ขึ้นมาในปี 2012 ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่า “คอนเทนต์ต้องหาเรา ไม่ใช่ให้ผู้ใช้เป็นฝ่ายค้นหา” เนื่องจากเขาเล็งเห็นว่า Baidu ยักษ์ใหญ่ด้านเสิร์ชเอนจินของจีนในขณะนั้นใส่โฆษณาแฝงในผลการค้นหา จึงควรจะเปิดโอกาสให้คนได้เจอคอนเทนต์ที่ถูกใจเอง จึงใช้ AI ในการคัดกรองข้อมูลให้ตรงใจผู้ใช้ จน Toutiao แอปพลิเคชันสื่อนำเสนอข่าวและเรื่องราวของจีน มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 13 ล้านรายภายใน 2 ปี ก่อนจะเปิดตัว TikTok ในปี 2015 ซึ่งกลายเป็นไวรัลระดับโลก โดยเฉพาะในหมู่คนวัยรุ่นการรุกตลาดสหรัฐอเมริกา

โดย จาง อีหมิง เคยกล่าวไว้ว่า เขาอยากให้ ByteDance กลายเป็นบริษัทระดับโลกที่ไร้พรมแดนเหมือน Google และขับเคลื่อนด้วยความพยายามและความสมบูรณ์แบบ เพราะโลกยุคใหม่ก็มี “Division of Labor” ที่แต่ละประเทศควรใช้ทรัพยากรของตน ให้สามารถผลิตสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดแบบเดียวกับยุคอุตสาหกรรม

ก่อนที่ปี 2021 ทาง จาง อีหมิง ได้ประกาศลงจากตำแหน่งซีอีโอและตำแหน่งประธานบริษัทด้วย โดยเดินรอยตามเพื่อนมหาเศรษฐีอย่าง แจ็ค หม่า (Jack Ma) แห่ง Alibaba และ คอลิน หวง (Colin Huang) แห่ง PDD Holdings ที่ตัดสินใจลดบทบาทตัวเองลงเช่นกัน

ในฝั่งจีน ByteDance ไม่ได้มีดีแค่ TikTok เพราะยังเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้าน AI โดยเฉพาะ “Doubao” แชทบอตที่มียอดผู้ใช้งานประจำกว่า 75 ล้านคน และยังพัฒนาโมเดลด้านการประมวลผลภาพที่มีต้นทุนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมถึง 85% ซึ่งคล้ายกับเทคโนโลยีจาก DeepSeek

จากแอปฯ เพียงไม่กี่ตัวของ ByteDance ก็ได้สร้างเป็นอาณาจักรเทคโนโลยีที่มีหลากหลายแพลตฟอร์ม ครอบคลุมทั้งวิดีโอ ตลก ข่าวดารา ไปจนถึงเทคโนโลยี AI

แต่อนาคตของ TikTok ยังไม่แน่นอน

แม้ว่า TikTok จะยังคงเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก แต่อนาคตของบริษัทในสหรัฐฯ ก็ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้ขยายเส้นตายให้ ByteDance ในการหาผู้ซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ให้ได้ภายในวันที่ 5 เมษายน มิฉะนั้นอาจเจอคำสั่งแบน

และสำหรับ จาง อีหมิง ในวัย 41 ปี ที่ได้ขึ้นมาครองบัลลังก์ในครั้งนี้ก็เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา หลังจากได้เผชิญช่วงเวลาที่ท้าทายจากความเสี่ยงที่ TikTok จะถูกแบนในสหรัฐฯ นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานออกมาว่า Oracle กำลังอยู่ในช่วงพิจารณาเข้าซื้อกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลสำคัญของ TikTok ที่ดำเนินการอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งทาง Oracle ให้คำมั่นเรื่องความมั่นคงของข้อมูล ซึ่ง Bloomberg ได้ออกมารายงานว่า อัลกอริธึมหลักของ TikTok อาจยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของจีน

นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังได้ออกมากล่าวอีกว่า อาจจะมีการลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อแลกกับการสนับสนุนของรัฐบาลปักกิ่งต่อการขายกิจการ TikTok ให้บริษัทในอเมริกา โดยเขาคาดว่าจะสามารถปิดดีล หรืออย่างน้อยได้ร่างข้อตกลงเบื้องต้นภายในสัปดาห์หน้า และหากไม่สำเร็จอาจพิจารณาขยายเส้นตายเพิ่มเติม

ที่มา: Bloomberg, Global Leaders

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “จาง อีหมิง” ผู้ก่อตั้ง ByteDance เจ้าของ TikTok ขึ้นแท่น “คนที่รวยที่สุดในจีน” เป็นครั้งแรก

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : Thairath Money
- LINE Official : Thairath