โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ชงล็อกดาวน์สีแดงเข้ม 14 วัน ห้าง-ร้านอาหารกระชับเวลา

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 29 เม.ย. 2564 เวลา 11.25 น. • เผยแพร่ 28 เม.ย. 2564 เวลา 02.52 น.

รัฐเตรียมยกระดับควบคุมพื้นที่ โฟกัสจังหวัดสีแดงเข้ม สั่งล็อกดาวน์ ปิดกิจการ กิจกรรมรวมคน 14 วันรวด สภาอุตสาหกรรมฯหนุนเต็มสูบคุมเข้มพื้นที่ระบาดหนัก สภาหอการค้าฯหวั่นซ้ำรอยปี’63 เศรษฐกิจเสียหาย 6 แสนล้าน ห้าง-ร้านอาหารประสานเสียงค้าน ชี้ใช้ยาแรงผู้บริโภคผวาแห่กักตุนสินค้า ธุรกิจโรงแรม-ภาคท่องเที่ยวจี้เร่งกระจายวัคซีน ภูเก็ตเดินหน้าทัวริซึ่มแซนด์บอกซ์ 1 ก.ค.

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ที่กระจายไปทั่วประเทศ และยอดผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาโดยปรับระบบบริหารจัดการด้านสาธารณสุข ควบคู่กับเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่ม ล่าสุดมีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการวัคซีนแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เพื่อจัดหาและกระจายวัคซีนให้มีประสิทธิภาพ ขณะที่หลายจังหวัดที่โควิดระบาดรุนแรง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร(กทม.) นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ชลบุรี เชียงใหม่ ฯลฯ ต่างออกมาตรการคุมเข้มมากขึ้น

ชงล็อกดาวน์ จว.แดงเข้ม 14 วัน

แหล่งข่าวจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า เตรียมพิจารณายกระดับการควบคุมพื้นที่จากสีแดง เป็นสีแดงเข้ม ในจังหวัดที่สถานการณ์รุนแรง ส่วนพื้นที่ควบคุม สีส้ม ให้ยกเป็นสีแดง เช่น ห้ามรับประทานอาหารในร้าน ให้ซื้อกลับบ้านได้อย่างเดียว ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข ที่เสนอให้ใช้มาตรการทาร์เก็ตล็อกดาวน์ (target lock down) ปิดกิจการ และกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการรวมตัวของคนจำนวนมาก โดยมีระยะเวลาในการ lock down 14 วัน

“ให้ปรับระดับสีจังหวัดจากเดิม 2 สี ให้เพิ่มเป็น 3 พื้นที่ คือ สีแดงเข้ม ให้เป็นจังหวัดควบคุมสูงสุดเป็นกรณีพิเศษ สีแดง และสีส้มที่มีจำนวนไม่มาก เนื่องจากจังหวัดส่วนใหญ่จะให้กลายเป็นพื้นที่สีแดงเข้มและสีแดง”

สภาหอฯค้านล็อกดาวน์

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากที่นายกฯได้นัดหารือร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วันที่ 28 เม.ย. วาระแรก สภาพัฒน์จะรายงานสถานการณ์โควิด และการดำเนินมาตรการจัดการโควิดของรัฐบาล วาระที่ 2 จะหารือถึงประเด็นการทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน ว่าจะดำเนินการจัดหาและกระจายวัคซีนอย่างไร จะมีมาตรการเพิ่มเติมอย่างไร

โดยหอการค้าฯจะไม่เสนอให้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพราะขณะนี้กึ่งใช้มาตรการล็อคดาวน์อยู่แล้ว จากที่ให้ล็อกดาวน์สถานที่ 31 แห่ง ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร โรงแรม แทบไม่มีคนไปแล้ว และมีมาตรการอื่น ๆ ด้วย ซึ่งน่าจะเพียงพอ แต่ต้องบังคับใช้กฎหมายเข้มข้น ประชาชนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และ work from home ด้วย

“ผมว่าเราอย่าไปคอมพลีตที่มาตรการล็อกดาวน์ ที่ผ่านมาเคยใช้แล้วสร้างความเสียหายถึง 6 แสนล้านบาท ประเด็นสำคัญคือ อุตสาหกรรมกำลังขับเคลื่อน ภาคส่งออกเติบโต เดือน มี.ค.ขยายตัวกว่า 8% ถ้าล็อกดาวน์ภาคผลิตสะดุด ไม่สามารถผลิตและส่งมอบสินค้าได้ทัน สิ่งสำคัญคือการจัดหา และกระจายวัคซีนให้ได้ตามแผนการฉีด ให้ได้ทันเวลาเปิดภูเก็ต แซนด์บอกซ์ 1 ก.ค.”

สำหรับความต้องการวัคซีนจากการประสานกับสมาชิกทั่วประเทศ คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นจากที่ลงทะเบียนไว้ 1 ล้านโดส ซึ่งภาคเอกชนยินดีจ่ายค่าวัคซีนเองทั้งหมด

ส.อ.ท.ชง “ล็อกดาวน์โซนสีแดง”

ส่วน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประเมินว่า โควิด-19 รอบ 3 รุนแรงกว่าทุกครั้ง ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ และมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจอาจสูงถึง 1 แสนล้านบาท/เดือน โดยเฉพาะผลกระทบกับภาคบริการ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องรัฐต้องประกาศล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ที่มีการระบาดสูง

รวมถึงบางประเภทธุรกิจ ขั้นต่ำ 15 วัน ธุรกิจที่เสี่ยงกว่านั้นให้ปิดยาวกว่านั้น อาจต้องใช้มาตรการที่มากกว่าการล็อกดาวน์ หากเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงมาก แม้การล็อกดาวน์ยิ่งแย่ แต่ถ้าไม่ล็อกเลยจะเสียหายระยะยาว ส่วนความต้องการวัคซีนจากที่ได้สำรวจจากสมาชิก 100 กว่าบริษัท ยังต้องการที่ 1 แสนโดส นอกจากนี้ได้ติดต่อนิคมอุตสาหกรรมทั้งรัฐและเอกชน ให้เป็นพื้นที่รองรับการฉีดวัคซีน มีปั๊มบางจากที่เสนอตัวสนับสนุนด้านพื้นที่ด้วย

สอดคล้องที่พลอากาศโท นายแพทย์อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย มองว่า การแพร่ระบาดของโควิดที่ทวีความรุนแรงขึ้น มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก หากไม่มีมาตรการที่เข้มข้นจะยืดเยื้อไม่ต่ำกว่า 3 เดือน รัฐจึงต้องดำเนินมาตรการเข้มงวดกว่านี้ เบื้องต้นควรล็อกดาวน์ 14 วัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง อาทิ กทม. นนทบุรี ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่มีการระบาดสูงมาก ควรล็อกดาวน์เป็นพื้นที่ ๆ ควบคู่กับทำแผนกระจายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ

ค้าปลีกร้านอาหารปรับเวลา

แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการค้าปลีกกล่าวในเรื่องนี้ว่า จากการหารือร่วมกันของผู้ประกอบการค้าปลีกถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงขณะนี้ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยหากทางการจะประกาศล็อกดาวน์ในส่วนของศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ เกรงว่าจะเกิดความโกลาหลซื้อสินค้ากักตุน ควรใช้มาตรการปรับกระชับเวลาปิด-ปิดตามสถานการณ์แทน ให้ธุรกิจยังเดินต่อไปได้

“หลังการแพร่ระบาดเริ่มรุนแรงเมื่อกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ศูนย์การค้า-ร้านสะดวกซื้อก็ปรับเปลี่ยนเวลาให้บริการจากเดิมปิด 22.00 น. ปรับมาเป็นปิด 20.00 น. ร้านสะดวกซื้อปิด 04.00-23.00 น. เป็นต้น หากระบาดหนักขึ้นอีกก็พร้อมลดเวลาเปิดให้บริการให้กระชับขึ้นอีก”

ให้ตรวจเข้มฝ่าฝืนลงดาบ

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า สำหรับกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร สมาคมขอความร่วมมือลดเวลาจำหน่ายหน้าร้านลง เน้นการ take away อย่างเดียว หากจะให้ล็อกดาวน์ ปิดให้บริการเลยไม่เห็นด้วย นอกจากนี้ ควรเพิ่มความเข้มงวดตรวจร้านค้า ร้านอาหาร หากรายใดหละหลวม ไม่ทำตามมาตรการก็ให้สั่งปิดได้ ที่สำคัญควรหาวัคซีนมาให้เร็วที่สุด

“เราเป็นเอกชน ทำมาค้าขาย หากต้องปิดจะไม่มีเม็ดเงินหมุนเวียน ทั้งค่าจ้างพนักงาน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ถ้าค้าปลีกรายใหญ่ทั้งแม็คโคร โลตัส บิ๊กซี เปิดได้ ร้านอาหารที่มีมาตรฐานก็ต้องเปิดได้”

เช่นเดียวกับ นายสุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ล็อกซเล่ย์ ที่ระบุว่าไม่เห็นด้วยหากนำมาตรการล็อกดาวน์มาใช้ เนื่องจากเศรษฐกิจและธุรกิจจะไปต่อไม่ได้ ต้องหยุดชะงักชั่วคราว เศรษฐกิจยิ่งจะถดถอย รัฐควรเร่งกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงเร็วขึ้นจะดีกว่า

แนะล็อกดาวน์คู่ฉีดวัคซีน

ด้านแหล่งข่าวจากสมาคมท่องเที่ยวมองว่า แนวทางการหยุดการแพร่ระบาดของโควิดนั้น รัฐควรขอความร่วมมือภาคเอกชน ภาคธุรกิจ กำหนดมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดรุนแรงแบบเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะในที่เป็นห้องปรับอากาศ และเร่งฉีดวัคซีนควบคู่ไปด้วย โดยใช้เวลา 15 วัน หรือ 1 เดือน หยุดการแพร่เชื้อเนื่องจากการแพร่ระบาดวันนี้รุนแรงเกินจะควบคุมตามหลักของสาธารณสุขได้

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวว่า ส่วนตัวไม่อยากให้รัฐใช้แนวทางล็อกดาวน์พื้นที่ เพราะล็อกดาวน์อย่างเดียวไม่ช่วยแก้ปัญหา แต่รัฐควรเร่งระดมการฉีดวัคซีนควบคู่กันไปด้วย หากปริมาณวัคซีนมีปริมาณไม่เพียงพอ ล็อกดาวน์ไปก็ไม่เป็นผล

สำหรับธุรกิจโรงแรมในขณะนี้แม้รัฐไม่ได้ล็อกดาวน์ แต่สภาพโดยรวมเหมือนถูกล็อกดาวน์โดยปริยาย เนื่องจากไม่มีคนเดินทาง ห้องพักไม่มีแขก ขณะที่ห้องอาหาร ห้องประชุมสัมมนา ซึ่งเคยทำธุรกิจได้บ้าง ก็ออกมาตรการมาควบคุมเรียบร้อยแล้ว แต่หากล็อกดาวน์และมีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการจะเป็นผลดีกับธุรกิจโรงแรม

ภูเก็ตยันตั้งเป้าเปิดเมือง 1 ก.ค.

นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จุดมุ่งหมายเปิดจังหวัดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจุดหมายปลายทางที่ยังตั้งไว้อยู่แล้ว ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่อยู่ที่ความเหมาะสม สิ่งที่เตรียมไว้คือ ฉีดวัคซีนชาวภูเก็ตให้ได้ 60-70% ตามเป้า ชาวต่างชาติที่จะเข้ามาก็ต้องผ่านกระบวนการวัคซีน หรือกระบวนการตรวจโรคยืนยันได้ว่าไม่นำเชื้อโรคเข้ามา

นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตอนนี้ภูเก็ตแบ่งเป็นสองทีม คือ ทีมควบคุมระบาดและทีมเปิดเมืองวันที่ 1 ก.ค. 64 ยังเดินทำงานต่อเนื่อง ขณะนี้ภูเก็ตกำลังเร่งฉีดวัคซีนตามนัดให้สามารถเปิดรับต่างชาติได้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้

แต่ที่ค่อนข้างเป็นห่วงคือ กำหนดการจัดสรรวัคซีนจะมาตามแผนที่วางไว้หรือไม่ เพราะรัฐบาลประกาศแล้วว่าจะทำภูเก็ตทัวริซึ่มแซนด์บอกซ์ 1 ก.ค.นี้ ทั่วโลกจับตาอยู่การส่งสัญญาณว่าทำไม่ได้จะส่งผลเสีย

อุตฯยานยนต์ชี้รอถึงกลาง พ.ค.

นายองอาจ พงศ์กิจวรสิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยังไม่เห็นด้วยหากจะนำมาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นเข้ามาใช้ ควรแก้ปัญหาและควบคุมอย่างเต็มที่ก่อน ล็อกดาวน์ควรนำมาใช้เป็นสิ่งสุดท้าย

ส่วนผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์เป็นภาพที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ประกอบกับสถานการณ์การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ยิ่งทำให้สถานการณ์การผลิตอ่อนไหว คาดเดาได้ยาก เชื่อว่าสถานการณ์การผลิตจะเป็นไปในลักษณะ on-off ไปตลอดทั้งปี

คลังพร้อมมาตรการเศรษฐกิจ

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมออกมาตรการบรรเทาผลกระทบของโควิดรอบใหม่ ซึ่งขณะนี้มีงบประมาณกว่า 3.8 แสนล้านบาท ที่ใช้ดูแลและบรรเทาผลกระทบโควิดระลอกใหม่ แบ่งเป็น งบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท วงเงินเหลืออยู่ 2.4 แสนล้านบาท และงบฯรายจ่ายประจำปี 2564 มีวงเงินทั้งหมด 1.39 แสนล้านบาท ได้แก่ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น 9.9 หมื่นล้านบาท ใช้ไปเพียง 500 ล้านบาท งบฯค่าใช้จ่ายที่บรรเทาเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) วงเงินรวม 4 หมื่นล้านบาท ใช้ไปเพียง 3.2 พันล้านบาท

แนวทางการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคด้วยการจูงใจให้ประชาชนที่มีเงินออมออกมาใช้จ่าย จะเป็นไปตามนโยบายของรองนายกฯ และ รมว.พลังงาน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ จะพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง เน้นในกลุ่มมีกำลังซื้อ จะสรุปปลายเดือน พ.ค. 64 ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 ด้วย จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 2.8%

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...