แม้ว่าธุรกิจโลจิสติกส์เมืองไทยจะแข่งขันดุเดือดเลือดพล่านขนาดไหน แต่ก็ยังเป็นธุรกิจหอมหวานที่มีรายใหญ่โดดเข้ามาชิงเค้กกันอย่างต่อเนื่อง อย่างรายล่าสุด คือ เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ทุนจีนที่ไปปักหลักเริ่มต้นธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนที่ประเทศอินโดนีเซีย ก็เข้ามาร่วมวงตลาดไทยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา
นายบรูซ หลิว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเข้ามาจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศไทยเมื่อเดือนกรกฏาคม 2561 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 10 ล้านบาท ล่าสุดได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 100 ล้านบาทแล้ว และลงทุนในธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนในไทยแล้วเบื้องต้น 2,500 ล้านบาท วางเป้าหมายคืนทุนภายใน 5 ปีจากนี้
ทั้งนี้ ได้วางเป้าหมายในปีนี้จะสามารถขยายสาขาให้บริการได้ครบทุกอำเภอทั่วประเทศไทย ด้วยการขยายสาขาให้ครบ 1,000 สาขา มีศูนย์กระจายสินค้า 15 แห่งทั่วทุกภูมิภาค รวมทั้งมีจำนวนรถขนส่ง 1,000 คัน และจำนวนพนักงาน 10,000 คน พร้อมทั้งวางเป้าหมายเป็นผู้นำธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนในธุรกิจอีคอมเมิร์ซเมืองไทยในระยะอันใกล้ด้วยจำนวนสาขาที่มากกว่าคู่แข่งรายอื่น
นอกจากนี้ เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ยังวางเป้าหมายเป็นผู้นำด้านขนส่งพัสดุด่วนในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใน 5 ปีนับจากนี้ โดยปัจจุบัน ขยายธุรกิจไปแล้วในประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศแรกและเป็นสำนักงานใหญ่เมื่อปี 2558 จากกลุ่มทุนชาวจีนในฮ่องกง จากนั้นได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศเวียดนาม, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, กัมพูชาและประเทศไทย โดยสามารถเป็นผู้นำในตลาดอินโดนีเซียได้ภายใน 4 ปี ด้วยจำนวนขนส่ง2 ล้านชิ้นต่อวัน
ปัจจุบันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส สามารถขยายสาขาได้แล้วกว่า 4,000 สาขา มีศูนย์กระจายสินค้ารวม 200 แห่ง และมีพนักงานในทุกประเทศที่เข้าไปทำตลาดรวม 50,000 คน
สำหรับการเข้ามาขยายธุรกิจในประเทศไทย เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ขยายตัวต่อเนื่อง และมีโอกาสเติบโตอีกมาก แม้จะมีการแข่งขันรุนแรง แต่บริษัทมองว่า การแข่งขันจะดีต่อธุรกิจในการช่วยให้ภาพรวมธุรกิจขยายตัวได้เพิ่มขึ้น และเป็นโอกาสดีสำหรับลูกค้าคนไทยที่มีทางเลือกมากขึ้น โดยปัจจุบันนับแต่เปิดให้บริการมาแล้ว 1 ปี บริษัทมียอดจัดส่งพัสดุด่วนแล้ววันละ 1 แสนชิ้น พร้อมทั้งตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 3 แสนชิ้นต่อวันภายในปีนี้
จุดเด่นที่เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรสจะนำมาใช้ทำตลาดและดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการได้แก่ 1.การเปิดให้บริการ 365 วัน ตามความต้องการของลูกค้าขายสินค้าออนไลน์ ที่ขายทุกวันไม่มีวันหยุด ทำให้ต้องการบริการจัดส่งสินค้าด่วนทุกวันเช่นกัน บริษัทจึงมองเห็นโอกาสจากช่องทางตลาดดังกล่าว 2. การเข้าถึงพื้นที่ห่างไกล ด้วยการขยายครอบคลุมทุกอำเภอ รวมกว่า 1,000 สาขา ในรูปแบบการลงทุนเองและจะพิจารณาขยายรูปแบบแฟรนไชส์ในอนาคต 3.มีระบบคัดแยกพัสดุที่มีประสิทธิภาพสูง ทันสมัย และ 4.มีระบบติดตามพัสดุและคอลเซ็นเตอร์ 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ บริษัทยังได้วางเป้าหมายการเป็นผู้นำด้านภาพลักษณ์แบรนด์ที่สามารถให้บริการได้สะดวก รวดเร็ว ทันใจธุรกิจออนไลน์ และตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ด้วยการดึง “มาริโอ้ เมาเร่อ” มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของประเทศไทย พร้อมทั้งร่วมมือกับ ช้อปปี้ ให้ลูกค้าสามารถใช้ช่องทางออนไลน์ของช้อปปี้ ทั้งแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์ในการตอบสนองความต้องการด้านการจัดส่งพัสดุของลูกค้า และจะขยายความร่วมมือไปยังมาร์เก็ตเพลสรายอื่นๆ ต่อไป
ความเห็น 0