โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

เปิดประวัติลูกหนัง ตำนานแข้งอัจฉริยะ ดิเอโก้ มาราโดน่า

MATICHON ONLINE

อัพเดต 26 พ.ย. 2563 เวลา 03.31 น. • เผยแพร่ 25 พ.ย. 2563 เวลา 17.37 น.
มาราโดน่าพาทีมชาติอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกปี 1986 (Photo by STAFF / AFP)

เปิดประวัติลูกหนัง ตำนานแข้งอัจฉริยะ ดิเอโก้ มาราโดน่า

ดิเอโก้ มาราโดน่า เกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ปี 1960 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ชื่อเต็มคือ ดิเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า ฟรังโก้ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย จนมีคนเห็นแววทาบทามไปเล่นทีมระดับเยาวชนของท้องถิ่นขณะอายุ 8 ขวบ

พออายุ 12 มาราโดน่าเข้าสังกัดทีมเยาวชนของสโมสรอาร์เจนตินอส จูเนียร์ส และขยับขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1976 ก่อนวันเกิดอายุครบ 16 ปี 10 วัน โดยแม้จะมีส่วนสูงเพียง 165 เซนติเมตร และรูปร่างค่อนข้างหนา แต่มาราโดน่าก็มีความคล่องตัวและทักษะเฉพาะตัวสูง ในตำแหน่งกองกลางตัวรุก

หลังจากแจ้งเกิดกับอาร์เจนตินอส จูเนียร์ส มาราโดน่าก็ย้ายร่วมทีมโบค่า จูเนียร์ส ทีมดังของอาร์เจนตินา เล่นอยู่ 2 ปี ในปี 1981-1982 ร่วมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในปี 1981 จากนั้นข้ามทวีปไปค้าแข้งกับบารเซโลน่า ยอดทีมแห่งสเปน ระหว่างปี 1982-1984 ได้แชมป์โกปา เดล เรย์, โกปา เด ลาลีก้า และซุปเปอร์โกปา เด เอสปันญ่า ในปี 1983

หลังจากนั้นก็ได้รับการทาบทามจากนาโปลีในลีกกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี ซึ่งเขากลายเป็นตำนานสโมสร พาทีมคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย ในปี 1987 และ 1990 รวมถึงถ้วยโคปปา อิตาเลีย ปี 1987 และถ้วยยูฟ่าคัพ ปี 1989

มาราโดน่าเล่นให้นาโปลีระหว่างปี 1984-1991 ก่อนย้ายไปเซบีย่า ปี 1992-1993, นีเวลส์ โอลด์ บอยส์ ปี 1993-1994 และกลับโบค่า จูเนียร์ส ปี 1995-1997 ก่อนแขวนสตั๊ด

ในระดับทีมชาติ มาราโดน่าติดทีมชาติ 91 นัด ยิงไป 34 ประตู พาทีมฟ้า-ขาว คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1986 และเข้าชิงปี 1990 ก่อนพ่ายให้เยอรมนีตะวันตกในรอบชิงชนะเลิศ

มาราโดน่าได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังโลก เคียงคู่เปเล่ ตำนาน “ไข่มุกดำ” ชาวบราซิล โดยฝากผลงานยอดเยี่ยมกับ 2 ประตูประวัติศาสตร์ในฟุตบอลโลก 1986 รอบก่อนรองชนะเลิศกับอังกฤษ

หัตถ์พระเจ้า

หนึ่งในนั้นคือ “หัตถ์พระเจ้า” ซึ่งเขาพยายามกระโดดโหม่งบอลหน้าประตูแต่กลายเป็นการใช้มือชกลูกข้ามตัวปีเตอร์ ชิลตัน นายทวารสิงโตคำรามเข้าประตูไป ส่วนอีกประตูในนัดดังกล่าว คือการเลี้ยงเดี่ยวฝ่าผู้เล่นอังกฤษถึง 5 คน และนายทวาร ชิลตัน ก่อนส่งลูกตุงตาข่าย จนได้รับการโหวตจากแฟนๆ ให้เป็น “ประตูแห่งศตวรรษ”

“ประตูแห่งศตวรรษ”

หลังจากแขวนสตั๊ดแล้ว เขาผันตัวไปเป็นโค้ชให้กับหลายสโมสรในอเมริกาใต้และตะวันออกกลาง ที่โดดเด่นที่สุดคือการคุมทีมชาติอาร์เจนตินาระหว่างปี 2008-2010 และงานสุดท้ายก่อนเสียชีวิตคือการคุมทีมกิมเนเซีย เด ลา พลาตา ที่บ้านเกิด

ในด้านชีวิตส่วนตัว มาราโดน่าสมรสกับคลอเดีย วียาฟาเญ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 1984 ก่อนจะหย่าร้างกันในปี 2004 แต่ยังคงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

มาราโดน่ามีลูกที่เกิดกับคลอเดีย 2 คน คือ ดัลม่า เนเรีย (เกิดปี 1987) และจานินน่า ดิโนราห์ (เกิดปี 1989) อีกทั้งยังรับเป็นพ่อให้กับบุตรนอกสมรสอีกหลายคน ได้แก่ ดิเอโก้ จูเนียร์, ฮาน่า, ดิเอโก้ เฟร์นานโด และบุตรที่ไม่เปิดเผยชื่ออีกจำนวนหนึ่ง

youtube
youtube
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...