เคยไปเที่ยวยโสธรกันหรือยังงงง ใครยังไม่เคยไปยกมือขึ้นค่ะ อยากบอกว่า อีจัน ยังไม่เคยได้ไปเยือนเลยค่ะ แต่รอบนี้ ดีใจสุดๆ ครั้งหนึ่ง จัน ได้มา #ยโสธร
ทริปนี้ เราจะพาไปสัมผัสเสน่ห์ของความเก่าแก่ในย่านเมืองเก่า ชมรูปปั้นคางคกยักษ์ เก็บกระเป๋าพร้อมก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ ซึ่งเราเลือกเดินทางโดยรถยนต์ ขับจากกรุงเทพฯ ใช้เวลา 8 ชั่วโมง ก็มุ่งสู่จังหวัดยโสธรแล้วค่ะ ขับไปตามถนนหมายเลข 2 และถนนหมายเลข 202 ค่อยๆ ขับไปกันชิลๆ
ออกเดินทางตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง มาถึงยโสธรก็บ่ายๆ ค่ะ เริ่มเที่ยวที่แรกกันที่ หมู่บ้านทำหมอนขิด @บ้านศรีฐาน สถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดเมื่อมายโสธร ที่นี่หลังฤดูทำนา ชาวบ้านทุกครัวเรือนจะทอผ้าและทำหมอนขิดค่ะ ซึ่งหมอนขิดถือเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยล่ะ
การทำหมอนขิด เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีมายาวนาน ส่วนที่เรียกหมอนขิดนั้น ก็มาจากการที่หมอนทำมาจากผ้าขิด ผ้าทอพื้นเมืองของภาคอีสานนั่นเองค่ะ ผ้าขิดมีลวดลายหลากหลายและสีสันสวยงาม ถูกนำมาประยุกต์ทำเป็นหมอนขิด ถ่ายทอดภูมิปัญญากันจากรุ่นสู่รุ่น
ที่นี่เราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมการทำหมอนขิดได้ ตั้งแต่การเย็บผ้า ทำปลอกหมอน การขึ้นโครง ยัดนุ่น จนเสร็จกลายเป็นหมอนขิด
อ้อ!!! นอกจากหมอนสามเหลี่ยมแล้ว ยังมีอีกหลายรูปแบบ ทั้งที่นอนระนาด ที่นอนพับ หมอนกระดูก หมอนรองคอ หมอนอิง เป็นต้น หรือจะซื้อติดไม้ติดมือไปใช้เอง เป็นของฝากของที่ระลึกก็ได้นะคะ
จากนั้น เรามาเช็คอินกันที่ แลนด์มาร์คยโสธร นั่นคือ เมืองพญาแถน แดนบั้งไฟ ชมพิพิธภัณฑ์พญาคันคาก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำทวน เป็นสถานที่ที่เล่าถึงความเชื่อและความอุดมสมบูรณ์ของภาคอีสาน
พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก บอกเลยสุดยิ่งใหญ่มากกก ตึกของพิพิธภัณฑ์เป็นรูปคางคก สูงกว่า 19 เมตร สำหรับชาวอีสานนั้น คางคก เป็นสัตว์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และยังเป็นตำนานความเชื่อเกี่ยวกับประเพณีบุญบั้งไฟที่มีมาตั้งแต่ในอดีตแล้ว นี่จึงเป็นที่มาของแลนด์มาร์คนี้นั่นเองค่ะ
มาดูในส่วนของตำนานพญาคันคาก กันค่ะเล่ากันว่า พญาคางคกนั้นเป็นพระโพธิสัตว์ เสวยชาติเป็นโอรสของกษัตริย์ และสาเหตุที่ได้ชื่อว่า “พญาคันคาก” ก็เป็นเพราะเมื่อครั้งประสูติ มีรูปร่างผิวพรรณเหมือนคางคก หรือที่ชาวอีสานเรียกกันว่า คันคาก นั่นเอง
ถึงแม้พระองค์จะมีรูปร่างอัปลักษณ์ แต่พระอินทร์ก็คอยช่วยเหลือ จนพญาคันคากเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านชาวเมือง จนลืมที่จะเซ่นบูชาพระยาแถน พระยาแถนจึงโกรธ ไม่ยอมปล่อยน้ำฝนให้ตกลงมายังโลกมนุษย์ เลยทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างพญาคันคากและพญาแถนขึ้น
พญาคันคากได้นำทัพสัตว์ต่างๆ ขึ้นไปรบ จนได้รับชัยชนะ พญาแถนจึงปล่อยให้ฝนตกลงมาเช่นเดิม แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องจุดบั้งไฟขึ้นไปบูชาเป็นประจำทุกปี เลยเป็นที่มาว่าเมื่อถึงเดือนหก ช่วงต้นเดือนฤดูฝน ชาวอีสานเลยทำบั้งไฟจุดขึ้นบนฟ้าถวายพญาแถน เพื่อฝนจะได้ตกตามฤดูกาลนั่นเองค่ะ
อาทิตย์ลาลับ เราเลยเลือกทานข้าวเย็นกันที่ ร้านครัวคุณย่า เป็นรานอาหารเก่าแก่บรรยากาศดีอยู่ในเมืองติดกับพิพิธภัณฑ์พญาคันคาก ซึ่งมีเมนูอาหารถิ่นขึ้นชื่อ ได้แก่ ปลาส้มทอด สุกี้ชาบู ข้าวผัดเวียดนามห่อไข ผัดขนมเส้นทรงเครื่อง ส้มต าต้นอ่อนทานตะวัน ข้าวเปียกเส้น ย าปูนิ่มทรงเครื่อง ปากเป็ดทอด
อิ่มแล้ว ก็เข้าที่พักกันค่ะ ทริปพรุ่งนี้ รออยู่…
วันที่สองของทริป ช่วงเช้าเราแวะชมเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตเทศบาลเมือง เป็นย่านเมืองเก่าที่ปรากฏนามอยู่ในประวัติศาสตร์การก่อตั้งเมือง
ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวยังคงมีตึกแถวโบราณ ที่มีรูปทรงและลวดลายงดงาม ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีค่ะ ที่นี่เราจะได้ท่องเที่ยวเพลิดเพลินไปกับศิลปะวัฒนธรรมพื้นเมือง และยังมีศาลเจ้าพ่อหลักเมืองที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมจีนดูตระการตา
นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์บ้านสิงห์ท่า ยังรวบรวมเรื่องราวความเป็นมาของย่านเมืองเก่าให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชม ที่สำคัญในย่านนี้ ยังเป็นแหล่งทำปลาส้มและลอดช่องยโสธร ของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดยโสธร อีกด้วยค่ะ
จากนั้นช่วงกลางวัน เราเดินทางมุ่งหน้าสู่ อ.กุดชุม จ.ยโสธร เยี่ยมชมกลุ่มโคขุนหนองแหน ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้านปศุสัตว์แห่งใหม่ของยโสธรค่ะ
เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาสัมผัสกับวิถีความเป็นอยู่ของชุมชนคนเลี้ยงโคขุนคุณภาพ ที่ประสบความสำเร็จในระดับประเทศ โชว์ความแสนรู้ของโคที่เลี้ยงเสมือนสัตว์เลี้ยงแสนรัก พร้อมทั้งให้ความรู้ในเรื่องของการรวมกลุ่มและการเลี้ยงโคขุนสร้างรายได้
ก่อนกลับ เราแวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่ร้าน เนื้อโคขุน By โคขุนหนองแหน
เป็นยังไงบ้างคะ 2 วัน 1 คืน กับทริปยโสธร อาจจะน้อยไปนิด จริงๆ ยังเที่ยวไม่หมดเลยนะคะ นี่ขนาดมาวันธรรมดานะเนี่ย เอาเป็นว่า ทริปนี้เราได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ของเมืองเก่า ได้ชมศิลปะวัฒนธรรม ได้ถ่ายรูปชิคๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำ
เราอยากแนะนำให้ทุกคนมาเที่ยวยโสธรกันดูสักครั้งนะคะ รับรองว่าต้องตราตรึงในความทรงจำอย่างแน่นอนเลยค่ะ