พอพูดถึงอาการปวดท้องที่เป็นไส้ติ่งอักเสบ เรามักจะพูดติดปากกันเสมอว่า ปวดท้องข้างขวา แต่บางคนเอาเข้าจริงก็ไม่มั่นใจว่าตกลงปวดข้างซ้าย หรือข้างขวากันแน่ วันนี้เรามีเกร็ดความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาการปวดไส้ติ่งมาให้ทุกคนได้อ่านทำความเข้าใจกัน จริง ๆ แล้วยังมีอาการปวดท้องแบบอื่น ๆ อีก ที่เป็นสัญญาณเตือนนะ!
สัญญาณเตือน ไส้ติ่งอักเสบ
สาเหตุของการเกิด ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) : ไส้ติ่งคืออวัยวะซึ่งเป็นกระเปาะเล็ก ๆ ติดอยู่กับลำไส้ใหญ่ เกิดจากการอุดตันของไส้ติ่ง ที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป หรืออาจจะเกิดจากการเป็นแผล การติดเชื้อพยาธิและแบคทีเรีย รวมไปถึงการมีนิ่วอุจจาระเข้าไปอุดตันด้วย โดยจะทำให้ไส้ติ่งส่วนที่อุดตันจะมีการคั่งของมูก ทำให้อักเสบ บวม ความดันในส่วนที่อักเสบจะทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด ทำให้ไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง หากปล่อยให้ไส้ติ่งอักเสบต่อไป จะทำให้ไส้ติ่งขาดเลือด และตายในที่สุด ส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้เลย และนี่คือสัญญาณเตือนว่าคุณอาจจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ
ไส้ติ่งอักเสบ ปวดตรงไหนได้บ้าง?
- ไส้ติ่งอักเสบมักจะมีอาการปวดตื้อ ๆ รอบสะดือก่อน และจะย้ายตำแหน่งมาปวดบริเวณท้องทางด้านขวาล่าง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่อยู่ของไส้ติ่ง และยังมีอาการอื่น ๆ ได้อีก เช่น
- ปวดท้องแบบเกิดขึ้นทันทีทันใด และมักจะปวดจนตื่นขึ้นมากลางดึกได้
- จะปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ชัดเจนมากขึ้น ๆ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
- อาจมีอาการอื่นเกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น อาการไข้ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
- มีอาการปวด ยิ่งขยับตัวยิ่งปวดมาก เช่น หายใจลึก ไอ และจาม ปวดแบบเสียดแทงขึ้นมา บางรายปวดมากจนถึงขั้นต้องนอนนิ่ง ๆ เฉย ๆ
- การปวดทวีความรุนแรงขึ้นและปวดหนักบริเวณท้องน้อยด้านขวา ซึ่งอาการนี้ค่อยข้างเป็นอาการบ่งชี้ว่า กำลังเผชิญกับไส้ติ่งอักเสบค่อนข้างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายก็อาจปวดท้องน้อยด้านซ้ายก็ได้ หรืออาจจะปวดหลัง เอว หรือซี่โครงก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าบริเวณที่ไส้ติ่งอักเสบนั้นคือตรงไหน เพราะไส้ติ่งคนเรามีขนาดใหญ่มากถึงประมาณ 8-10 ซม. หรือบางรายมากถึง 20 ซม.ก็มี
อ้างอิงข้อมูลจาก : phyathai3hospital, honestdocs
