พญาเสือ ลงพื้นที่ หลุบพญา รีสอร์ท ยึด!!! เกาะกลางน้ำแควใหญ่ บุกรุกพื้นที่ป่า

 เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค. 61) เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าตวรจสอบ หลุบพญา รีสอร์ท ที่ตั้งอยู่ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนจากสื่อออนไลน์ว่าในพื้นที่ หลุบพญา รีสอร์ท แห่งนี้มีการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครอง อีกทั้งยังมีการบุกรุกพื้นที่ป่า บริเวณเกาะกลางแม่น้ำแควใหญ่
คณะเจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบข้อมูล และขอหมายค้นตามหมายค้นจากศาลจังหวัดกาญจนบุรี ก่อนลงพื้นที่รีสอร์ท เพื่อตรวจสอบ

เมื่อคณะเจ้าหน้าที่เดินทางถึง หลุบพญา รีสอร์ท ได้พบกับนายวัชระ ภูรีปติภาน วัย 62 ปี ซึ่งแสดงตนเป็นน้องชายของนายเผด็จ ภูรีปติภาน เจ้าของรีสอร์ท ที่หลายคนรู้จักเขาในนามนักข่าวพญาไม้ 

เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายค้น เพื่อขอเข้าตรวจค้นพื้นที่ ว่ามีการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองและบุกรุกป่าตามที่มีการรับแจ้งข้อมูลมาหรือไม่

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดตำแหน่งที่ตั้งของรีสอร์ทแห่งนี้ ด้วยเครื่องหาพิกัดดาวเทียม (GPS) พบว่า รีสอร์ท แห่งนี้ ตั้งอยู่นอกเขตป่าอนุรักษ์ (นอกพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ)
และขณะเดียวกันการตรวจสอบหา สัตว์ป่าสงวน และ สัตว์ป่าคุ้มครอง ในพื้นที่รีสอร์ท ก็ไม่พบว่ามีการครอบครองตามที่ได้รับร้องเรียนมา

แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณเกาะกลางแม่น้ำแควใหญ่ ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของ หลุบพญา รีสอร์ท กลับพบว่า มีการก่อสร้างลักษณะคล้ายบ้านกลางน้ำ ซึ่งขณะนี้ยังสร้างไม่เสร็จ และเมื่อตรวจสอบก็พบว่าเกาะกลางแม่น้ำแควใหญ่ มีร่องรอยการก่อสร้างสะพานสลิงที่เชื่อมต่อกับ พื้นทีใน หลุบพญ รีสอร์ท แต่สะพานสลิงนั้นถูกรื้อถอนไปแล้ว

เจ้าหน้าที่ได้สอบถาม นายวัชระ ว่าพื้นที่เกาะกลางแม่น้ำแควใหญ่ดังกล่าวเป็นของใคร นายวัชระ บอกว่า พื้นที่ดังกล่าวครอบครองโดย นายเอก สามย่าน (ฉายา) เป็นคนกรุงเทพฯ ซึ่งไม่ทราบว่าสร้างบ้านพักดังกล่าวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และการสร้างสะพานสลิงที่เชื่อมกับรีสอร์ทนั้น ได้สร้างเพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมค่ายลูกเสือที่มาจัด ในพื้นที่ หลุบพญา รีสอร์ท โดยไม่ได้ขออนุญาตนายเอก เนื่องจากนายเอกไม่ได้เข้ามาพื้นที่เกาะแห่งนี้ 2 ปีแล้ว

นอกจากนี้ นายวัชระยัง บอกอีกว่า จากการที่เคยสอบถาม นายเอก การครอบครองพื้นที่เกาะกลางแม่น้ำแควใหญ่แห่งนี้ไม่มีเอกสารสิทธิ์แต่อย่างใด

การเข้ายึดพื้นที่โดยสร้างสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว จึงเป็นการกระทำผิด ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 

ฐาน “ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มาตรา ๕๔ และมาตรา ๗๒ ตรี วรรคสอง

ฐาน “ผู้ใดครอบครองป่าที่ถูกแผ้วถาง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็น ผู้แผ้วถางป่านั้น” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มาตรา ๕๕ 

ฐาน “กระทำหรือละเว้นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของรัฐ หรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ต้องรับผิดชอบ ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไป” ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๙๗
เจ้าหน้าที่ จึงทำบันทึกตรวจสอบและตรวจยึดพื้นที่เกาะแห่งนี้ ซึ่งมีเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 86 ตารางวา พร้อมแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตรวจภูธรลาดหญ้า เพื่อสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป