โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เปิดสถานีรถไฟลอยฟ้าขอนแก่น แห่งแรกในอีสาน คนกรุงไปเที่ยวอีสานได้ใช้บริการแล้ว

BLT BANGKOK

อัพเดต 14 มี.ค. 2562 เวลา 08.04 น. • เผยแพร่ 14 มี.ค. 2562 เวลา 08.01 น.
b2ca1ffe45b312eb411f1b7af50e584b.jpg

สถานีรถไฟขอนแก่นแห่งใหม่ ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว โดยความพิเศษคือ เป็นสถานีรถไฟลอยฟ้า ยกระดับจากผิวดินสูง 14 เมตร ระยะทางยาวประมาณ 5.2 กิโลเมตร และเป็นสถานีรถไฟขนาดใหญ่พิเศษ ที่เปิดใช้งานทั้งระบบแห่งแรกในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยงบประมาณกว่า 23,000 ล้านบาท ตามโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางจิระ (จ.นครราชสีมา) - ขอนแก่น โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดสถานี พร้อมนำคณะรัฐมนตรี นั่งรถไฟขบวนพิเศษจากสถานีขอนแก่นไปยังสถานีท่าพระ

คุณวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน ในฐานะรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น มีระยะทางก่อสร้างรวม 187 กิโลเมตร ทั้งหมด 18 สถานี ซึ่งเริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นมา ปัจจุบันการก่อสร้างมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก และได้ทยอยเปิดให้บริการส่วนแรกแล้ว โดยสถานีขอนแก่น ถือเป็น 1 ใน 2 สถานีสำคัญที่ได้ก่อสร้างเป็นสถานีรถไฟลอยฟ้า โดยยกระดับสูงขึ้นจากพื้นดินต่อจากสถานีบ้านไผ่

สำหรับอาคารสถานีขอนแก่น มี 2 ชั้น ชั้นล่าง ประกอบด้วย ห้องจำหน่ายตั๋ว พื้นที่เชิงพาณิชย์ และห้องควบคุมการเดินรถด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถสั่งการและติดตามคำนวณการเดินรถในเส้นทางได้ ส่วนชั้นที่ 2 เป็นชานชาลาสำหรับผู้โดยสาร ซึ่งแล้วเสร็จสมบูรณ์พร้อมให้บริการประชาชน
ทั้งนี้ โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น และสถานีรถไฟลอยฟ้าจังหวัดขอนแก่น จะช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการเดินทางโดยรถไฟมากยิ่งขึ้น เนื่องจากไม่ต้องรอสับเปลี่ยนทาง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจุดตัดเสมอระดับทางรถไฟกับรถยนต์ และเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถไฟในการเดินทาง ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวภายในจังหวัดขอนแก่น หากโครงการนี้ก่อสร้างเสร็จจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางจากชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น จาก 3 ชั่วโมง เหลือเพียง 1 ชั่วโมง 20 นาที และช่วยลดเวลาการขนส่งสินค้าจากเดิม 6 ชั่วโมง เหลือเพียง 2 ชั่วโมง 30 นาที สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านคนต่อปี เป็น 10 ล้านคนต่อปี นอกจากจะใช้งานในรูปแบบเป็นรถไฟทางคู่แล้ว ยังสามารถรองรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงในอนาคตอีกด้วย
ภาพจาก : พิชัย วัฒนศรีมงคล

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0