“Hip Hop” ในไทยเริ่มจากไหน ทำไมถึงดังมาจนทุกวันนี้!
ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1970 ในย่านบรองซ์ของนิวยอร์ค กลุ่มชาวอเมริกัน-แอฟริกันก็ได้สร้างสรรค์สไตล์เพลงแนว "แร็ป-ฮิปฮอป" ขึ้นเพื่อใช้ในงานสังสรรค์ของกลุ่มคนของตัวเอง และจากจุดเริ่มต้นของชนชั้นแรงงานอย่างพวกเขา ในที่สุดแนวเพลงนี้ก็ได้แพร่ขยายไปยังทั่วทุกมุมของโลก
แนวเพลงแร็ป-ฮิปฮอปได้กลายเป็นเครื่องมือของการแสดงความคิดเห็นผ่านทางดนตรีอย่างเห็นได้ชัด กล่าวได้ว่าเพลงฮิปฮอปได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพสะท้อนสังคมวัฒนธรรมในพื้นที่ ๆ หนึ่งก็ว่าได้ อย่างปัญหาการเมืองหรือเรื่องการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของชาวอเมริกัน แม้แต่ประเทศไทยเรากับเพลง “ประเทศกูมี” ที่สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลไปอย่างกว้างขวาง
ในช่วงยุค 90's ยุคที่ใคร ๆ ต่างก็กล่าวถึงความน่าจดจำของช่วงทศวรรษนี้ เพราะเป็นช่วงรอยต่อระหว่างยุคอนาล็อคและดิจิทัล อันเป็นยุคเฟื่องฟูของแนวเพลงฮิปฮอปในต่างประเทศ ในที่สุดประเทศไทยก็ได้รับอิทธิพลนี้เข้ามาและเริ่มมีบทบาทในวงการบันเทิงไทย โดยเพลงแร็ป-ฮิปฮอปในช่วงแรกที่ถูกเปิดตัวเข้าสู่กลุ่มผู้ฟังกระแสหลัก (หลังจากเริ่มต้นจากกลุ่มคนเล็ก ๆ และยังเป็นเพลงใต้ดินอยู่) โดยแฝงเข้าไปในเพลงป็อปแดนซ์เพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสารและการฟัง โดยศิลปินคนแรก ๆ ณ ตอนนั้นคือ คุณเจ-เจตริน และ ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง ด้วยเพลงอย่าง “ยุ่งน่า” “สมน้ำหน้า” จากนั้นก็เป็นยุคของศิลปินคู่อย่าง “แร็พเตอร์”
ในปี พ.ศ. 2538 โจอี้ บอย ก็ได้เปิดตัวอัลบั้มเพลงที่เป็นแร็ปทั้งอัลบั้ม ในจังหวะเดียวกับที่เพลงแร็ปได้กลายเป็นเพลงกระแสหลักในสังคมไทยไปแล้ว ส่งผลให้มีศิลปินแร็ป-ฮิปฮอป ทยอยเปิดตัวออกมาอย่างมากมาย ทั้ง บุดด้า เบลส, สิงห์เหนือเสือใต้, ไทเทเนี่ยม ที่มีเพลงฮิตอย่าง “ทะลึ่ง” ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังได้ยินอยู่ทุกที่ ไล่เรียงมาจนถึง ปู่จ๋าน ลองไมค์ กับเพลงดังอย่าง “ตราบธุลีดิน” หรือ Twopee Southside ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในยุคนี้
และยิ่งเมื่อมีเวทีประกวดเพลงแร็ป-ฮิปฮอป อย่าง Rap is Now หรือ The Rapper ทางโทรทัศน์ด้วยแล้ว ก็กล่าวได้อย่างเต็มปากเลยว่าเพลงแร็ปได้กลายเป็นเพลงกระแสหลักโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ไม่แพ้เพลงป็อปหรือลูกทุ่งเลยแม้แต่น้อย
เสน่ห์ของเพลงแร็ป-ฮิปฮอป นอกจากจังหวะสนุก ๆ แล้ว ยังเป็น “เนื้อหา” ที่กล่าวไว้ในเนื้อเพลง อย่างที่บอกในตอนต้นว่าเพลงแร็ปมักถูกใช้เพื่อสะท้อนปัญหาทางสังคมวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน ในขณะเดียวกันมันก็ถูกใช้เล่าเรื่องได้ทุกเรื่องตั้งแต่ประชาธิปไตย การเหยียดสีผิว ไปจนถึงเรื่องจิปาถะในแต่ละวันหรือแม้แต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เพลงแร็ป-ฮิปฮอป จึงเป็น “อะไรก็ได้” แล้วแต่ผู้ถ่ายทอดว่าอยากเล่าเรื่องอะไรในตอนนั้น
เราเชื่อเหลือเกินว่าเพลงแร็ป-ฮิปฮอป จะไม่มีวันหายไปไหนจากโลกนี้ ตราบเท่าที่มันยังถ่ายทอดความคิดเห็นต่าง ๆ ให้แก่สังคม และตราบเท่าที่โลกนี้ยังเต็มไปด้วยปัญหาและความไม่เท่าเทียม เพลงแร็ป-ฮิปฮอปจะยังคงได้รับความนิยมไปตราบนิรันดร์
และในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ก็จะมีเวทีใหญ่อย่าง “Water War Music Fest” คอนเสิร์ตฮิปฮอปและร็อกกลางสายน้ำ!! ที่ขนเอาศิลปินมาอย่างคับคั่งทั้ง โจอี้ บอย, ไทเทเนี่ยม, Twopee Southside, UrboyTJ ฯลฯ อันเป็นการตอกย้ำถึงความนิยมในเพลงแนวนี้ได้เป็นอย่างดี บัตรในงานก็มีหลายแบบ อย่าง Silver บัตรเข้างานปกติ อัพขึ้นมาก็เป็นบัตร Gold ที่คุณจะได้ร่วมชมศิลปินแบบฟรอนท์โรว์ แถมยังได้สิทธิ์เข้างานก่อน และยังมีห้องน้ำโซนพิเศษ เถิบไปอีกขั้นคือบัตรแบบ Platinum ที่จะได้พื้นที่ชมการแสดงแบบยกระดับขึ้นมา และยังได้สิทธิ์ใช้ล็อคเกอร์และห้องแต่งตัวมาด้วย แถมยังได้ชุดอุปกรณ์เสริมอย่างซอง, กระเป๋ากันน้ำและผ้าขนหนูอีกต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้นถ้าไปกัน 4 คนก็สามารถซื้อแบบ Platinum Pack 4 ไปได้เลยทีเดียว โดยบัตรชุดแบบนี้คุณจะได้เครื่องดื่มและโต๊ะเก้าอี้ในการชมคอนเสิร์ตด้วย
ใครที่เป็นสาวกฮิปฮอป และไม่อยากพลาดความสนุก ความมันส์ ระดับนี้ก็รีบหาซื้อบัตรได้แล้วที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา งานนี้ขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปเท่านั้น และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ FB : waterwarmusicfest
