สพฉ.วอนประชาชนเปิดทาง 'รถฉุกเฉิน' วิธีง่ายๆ ทำได้แค่อึดใจเดียว
จากกรณีสังคมออนไลน์แชร์ภาพรถพยาบาล จ.ระยอง กำลังย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน แต่เกิดอุบัติเหตุกลางแยกไฟแดง จนเกิดเหตุน่าสลด ทำให้ล่าช้า และช่วยชีวิตผู้ป่วยไม่ทัน จนเสียชีวิต ซึ่งปรากฏว่าเกิดกระแสความคิดเห็นในโซเชียลฯมากมายนั้น
เมื่อวันที่ 18 กันยายน นพ.ภูมินทร์ ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า กรณีดังกล่าวคงไม่กล่าวอะไรมาก แต่จะขอฝากถึงประชาชนในแง่ของการปฏิบัติที่เหมาะสม เมื่อรถพยาบาลฉุกเฉินส่งสัญญาณไฟและเสียงไซเรนเพื่อขอทางมากกว่า เนื่องจากยังมีอีกหลายคนไม่ทราบว่าควรปฏิบัติอย่างไร อย่างเมื่อได้ยินเสียงไซเรนดังมาแต่ไกล ก็ต้องระมัดระวังและเตรียมพร้อมหลีกทาง อย่างบริเวณแยกไฟแดง ต้องเข้าใจว่ารถพยาบาลฉุกเฉินเป็นรถช่วยชีวิต ไม่สามารถรอติดไฟแดงได้ ซึ่งปกติแล้วเจ้าหน้าที่รถฉุกเฉินจะสื่อสารทางวิทยุกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้กันพื้นที่ให้ โดยเฉพาะบริเวณแยกไฟแดง ซึ่งจุดนี้ ทางประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนอาจต้องสังเกต และต้องระมัดระวัง หากรถฉุกเฉินมา ควรให้ทางรถฉุกเฉินก่อนแล้วจึงค่อยขับไป
“จริงๆ แล้วหลายคนอาจไม่สังเกตว่า บริเวณไหล่ทาง หรือบริเวณเลนซ้ายสุด ซึ่งจะไม่มีการขีดเลนให้รถวิ่ง โดยเฉพาะบริเวณทางด่วน จุดนี้จะเห็นชัดเจนมาก ซึ่งบริเวณดังกล่าวจัดทำไว้สำหรับรถฉุกเฉินวิ่งโดยเฉพาะ แต่ปัจจุบันเราก็ขับบริเวณเลนรถฉุกเฉินกันหมด ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายขึ้นมา รถฉุกเฉินจึงต้องขับคร่อมเลน เพื่อขอทาง ดังนั้น รถยนต์ทุกคัน หากอยู่ซ้ายสุดก็ขอให้ขับซิดซ้าย หากอยู่ขวาสุดก็ขอให้ขับชิดขวา เพื่อให้รถฉุกเฉินสามารถวิ่งไปบริเวณกึ่งกลางได้ หากทุกคนร่วมใจกันก็จะทำให้รถพาผู้ป่วยไปสู่โรงพยาบาล เพื่อรักษาชีวิตได้ทันท่วงที” นพ.ภูมินทร์กล่าว และว่า ส่วนที่หลายคนติดใจว่า อาจมีรถบางคันเปิดสัญญาณไฟและเสียงขอทาง แต่อาจไม่ได้ฉุกเฉินจริงๆ นั้น อยากให้คิดว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็เหมือนถูกหลอก แต่หากไม่จริง และเป็นรถที่กำลังจะช่วยชีวิตคน เราจะสามารถต่อชีวิตคนได้ทีเดียว ที่สำคัญอยากให้มั่นใจว่า สพฉ.และเจ้าหน้าที่ตำรวจมีระบบตรวจสอบรถเหล่านี้ เพราะการจะเปิดสัญญาณไฟขอทาง ต้องเป็นกรณีจำเป็นวิกฤต ไม่ใช่มาเปิดโดยไม่มีเหตุผล หากรู้สึกไม่มั่นใจ อย่างไรเสียขอให้เปิดทางให้รถก่อน และโทรมาร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1669 ขอย้ำว่า เปิดทางให้รถพยาบาล นั่นคือ ต่อชีวิตของคนได้