ด้วยสภาวะปัจจุบันที่ดูเหมือนจะบีบคั้นให้มนุษย์เงินเดือนต้องลุกขึ้นมาหาทางสร้างรายได้เสริม เสมือนเบาะรองรับยามวิกฤติ เพราะโลกได้หมุนไปถึงจุดที่มนุษย์เงินเดือนธรรมดา ไม่ได้หมายความว่าจะมีความมั่นคงทางการเงินอีกต่อไป และไม่ว่างานประจำจะถาโถมเข้ามาสักแค่ไหน ก็ไม่อาจเป็นข้ออ้างที่จะหยุดพักหารายได้(เสริม)ไปได้เช่นกัน ดังเช่นครั้งนี้ที่ทาง LINE TODAY ได้รับเกียรติจาก “หมอตุ้ย-พญ.อรพรรณ คงพันธุ์วิจิตร” เจ้าของเพจ “หมอยุ่งอยากมีเวลา” ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าอาชีพ ”หมอ”เป็นหนึ่งในอาชีพที่งานยุ่งทุกวันจนจัดสรรเวลาให้ว่างได้ยาก ทว่าคุณหมอตุ้ยได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่างานจะยุ่งสักเพียงไหนก็ไม่เกินความสามารถในการแบ่งเวลาหารายได้ผ่านการเลือกลงทุนอย่างชาญฉลาดได้ทุกคน
ที่มาของเพจ ‘หมอยุ่งอยากมีเวลา’
“เริ่มจากที่สนใจในเรื่องของการลงทุนหุ้น และศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนต่างๆ ด้วยตนเอง ก็เกิดไอเดียว่าคงจะดีนะ ถ้าเราสามารถถ่ายทอดเรื่องเหล่านี้ให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อหลายๆ คนที่ยังรู้สึกว่าการลงทุนเป็นเรื่องยากและกลัวที่จะเริ่มลงทุน ก็เลยเปิดเพจขึ้นเพื่อถ่ายทอดสิ่งที่ได้เรียนรู้ ประสบการณ์การลงทุนในหุ้น การซื้อกองทุน ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ช่วงแรก ๆ ก็จะเน้นคอนเทนต์เกี่ยวกับหุ้นเป็นส่วนใหญ่ ผ่านไปสักพักก็จะ มีเรื่องของกองทุนรวม และการจัดการด้านการเงินเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะกับผู้ที่เริ่มสนใจเรื่องการลงทุน”
อะไรทำให้สนใจที่จะหันมาลงทุนในหุ้น
“หุ้นเป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่งที่สามารถ สร้างรายได้ในรูปแบบของ Passive Income ได้ ในระหว่างทางที่เราถือหุ้น เราก็จะได้รับ เงินปันผลเป็นรายได้เข้ามา เป็นระยะ
‘หมอ’ อาชีพที่ใครๆ ก็มองว่า ‘รวย’ จริงหรือ?
“ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า อันที่จริงหมอก็เหมือนกับอาชีพอื่นๆ ทั่วไป ต้องทุ่มเทเวลาให้กับการทำงาน เป็น Active Income คือถ้าไม่ทำก็ไม่มีรายได้เหมือนกันกับอาชีพอื่นๆ อยากมีรายได้เพิ่มก็ต้องรับงานเสริมนอกเวลา เสาร์อาทิตย์ ถ้าเมื่อไหร่เราหยุด ก็จะไม่มีรายได้เข้ามา ดังนั้นเราควรมีรายได้มากกว่า 1 ทาง และมีรายได้ที่เป็น passive income ด้วย ถึงแม้จะถึงวันที่เราไม่ได้ทำงานแล้ว เราก็ยังคงมีรายได้ และเป็นการวางแผน การเงินเพื่ออนาคต”
แรกเริ่มที่ศึกษาเรื่องการลงทุนคือ ศึกษาข้อมูลจากการอ่านหนังสือเป็นส่วนใหญ่ โดยแบ่งเวลาครึ่งถึง 1 ชั่วโมง ในแต่ละวันทำความเข้าใจด้วยตัวเอง ซึ่งยอมรับว่าไม่ง่ายเลย เพราะในหนังสือจะสอนแค่ว่าจะลงทุนยังไง ดูงบการเงินยังไง แต่เรื่องของการตัดสินใจเลือกว่าจะลงทุนกับหุ้นตัวไหนนั้นขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน หุ้นตัวเดียวกันต่างคนต่างมุมมอง แรกๆก็มีการลองผิดลองถูก มีขาดทุนเป็นธรรมดาที่ต้องทำใจ แต่พอได้ศึกษาไปเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มเห็นทิศทางการลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง ข้อมูลในอดีตหาอ่านได้ไม่ยาก แต่มุมมองอนาคตนั้นอยู่ที่ตัวเราเองตัดสินใจ หุ้นแต่ละตัวก็มีข้อดีที่แตกต่างกัน หุ้นในตลาดมีหลากหลาย แต่ละตัวก็จะมีวิธีการประเมินที่แตกต่างกันออกไป พอถึงเวลาที่เราคิดว่า หุ้นที่เราเลือกมาแล้วนั้นมีราคาเหมาะสมเราก็ซื้อสะสมไว้ไปเรื่อย ๆ เป็นการลงทุนระยะยาว และมีเงินปันผลในระหว่างทาง เพราะโดยส่วนตัวจะเน้นลงทุนในหุ้นเหมือนร่วมเป็นเจ้าของ ไม่ได้ซื้อมาขายไปเก็งกำไร ซึ่งจะต้องนั่งเฝ้าดูราคาเพื่อรอช้อนซื้อรอเทขาย แบบนั้นรู้สึกว่าไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา”
Passive Income สำคัญอย่างไร?
“รายได้จะแบ่งเป็น Active income และ passive income รายได้ Active income นั้นเป็นการลงแรง ลงเวลา เพื่อให้ได้รายได้มา ถ้าหยุดก็ไม่มีรายได้ ส่วนรายได้ที่เป็น passive income จะเป็นรายได้ที่เป็นกระแสเงินเข้ามา โดยเราไม่ต้องลงแรง ลงเวลาตลอด เราหยุดก็ยังมีเงินเข้ามาได้
การมีรายได้มากกว่า 1 ทาง และมีรายได้ที่เป็น Passive Income น่าจะเรียกว่าจำเป็นเลยในสมัยนี้ เพราะไม่ว่าจะอาชีพอะไรในสถานการณ์ปัจจุบันมีตัวอย่างให้เห็นมากมายว่าหลายอาชีพที่คิดว่ามั่นคงดีอยู่แล้วก็อาจยังมั่นคงไม่เพียงพอ แม้แต่อาชีพหมอเองยังได้รับผลกระทบไปด้วยจากช่วงโควิดที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนคนไข้ก็ไม่อยากมาโรงพยาบาลเพราะกลัวติดเชื้อโควิด รายได้โรงพยาบาลก็ลดลงเหมือนกับธุรกิจอื่นๆ ดังนั้นอยากให้ปรับมุมมองว่าแม้จะมีงานประจำทำ ก็ต้องระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การมีรายได้เสริมด้วยจะยิ่งช่วยพยุงสถานะทางการเงินได้ อย่างน้อยเกิดอะไรขึ้นมาก็ยังพอที่จะรับมือไหว ดังนั้นการมีรายได้มากกว่า 1 ทาง และ Passive Income จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะไม่มีอาชีพไหนที่มั่นคงร้อยเปอร์เซ็นต์”
คิดคำนวณไม่เก่งจะเริ่มลงทุนอย่างไรดี?
“จริงๆ ไม่เกี่ยวเลยว่า ต้องเก่งเลข เก่งคำนวณถึงจะลงทุนได้ เพราะเรื่องการเงินและการลงทุน ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ ก็เหมือนการขี่จักรยาน ช่วงแรกอาจมีล้ม มีเจ็บบ้าง แต่ท้ายที่สุด เมื่อเราเรียนรู้ ลงมือทำ เราก็จะทำได้ และเมื่อชำนาญมากขึ้นเราก็จะทำได้ดีขึ้น
การเริ่มต้นลงทุนอย่างง่ายสำหรับมนุษย์เงินเดือนเลยอยากแนะนำให้ศึกษาเรื่องของ “กองทุนรวม” กองทุนเหล่านี้จะมีผู้จัดการกองทุนที่ดูแลบริหารเงินที่เราลงทุนไป โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะลงทุนกับกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงมาก ซึ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทน สูง หรือจะลงทุนแบบความเสี่ยงน้อย ซึ่งผลตอบแทนก็จะน้อยกว่า ยิ่งสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานเสียภาษี การลงทุนในกองทุนรวมบางอย่างก็จะช่วยประหยัดเรื่องของภาษี และยังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนด้วย ทั้งนี้ก็ต้องศึกษาเงื่อนไขของกองทุนแต่ละประเภทให้ดีก่อนตัดสินใจ”
“ส่วนถ้าใครสนใจลงทุนในหุ้น แต่ยังไม่มีประสบการณ์การลงทุน ไม่มีเวลาศึกษาหุ้นแต่ละตัว ก็แนะนำลงทุนในกองทุนรวมหุ้นก่อน อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือจะเป็นการที่เรานำเงินของเราให้ผู้จัดการกองทุนไปลงกับหุ้นตามนโยบายของกองทุน ดังนั้นเงินของเราจะไปลงทุนในหุ้นหลายกลุ่ม หลายตัว ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงด้วย โดยจะได้ผลตอบแทนในรูปส่วนต่างกำไรของหน่วยลงทุน และเงินปันผล ถ้ากองทุนนั้นมีนโยบายจ่ายปันผล”
“แต่เหนือสิ่งอื่นใดก่อนที่จะเริ่มลงทุน สิ่งที่ควรมีก่อนคือเงินออมฉุกเฉิน เงินออมฉุกเฉินควรมีอย่างน้อยเท่ากับค่าใช้จ่ายประมาณ 6 เดือน เป็นเงินก้อนที่ควรกันเอาไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน เช่น กรณีที่ต้องหางานใหม่ ไม่มีรายได้เข้ามา เงินส่วนนี้จะเป็นเงินที่ช่วยชีวิตเราไม่ให้ลำบากระหว่างที่ต้องหางาน และเป็นเงินที่ทำให้เราไม่ต้องถอนเงินลงทุนออกมาในภาวะที่ไม่เหมาะสม ส่วนที่เกินจากเงินออมฉุกเฉินนี้จะนำมาลงทุนเท่าไหร่แล้วแต่แผนการเงินของแต่ละคน แต่ย้ำว่าอย่างน้อยเงินสำหรับค่าใช้จ่ายประจำ 6 เดือนต้องมีสำรองไว้ อย่าใช้ถ้าไม่จำเป็น”
คำแนะนำสำหรับหลายๆ คนอยากรวยแต่กลัวที่จะเสี่ยง
“ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนแบบไหนก็ล้วนต้องศึกษาความเสี่ยงให้รู้เท่าทัน และอัปเดทอยู่ตลอดเวลา แม้แต่คนที่ฝากเงินเก็บไว้เฉยๆ ก็ใช่ว่าจะไม่เจอกับความเสี่ยงอะไร เพราะค่าของเงินนั้นก็ลดลงเรื่อย ๆ ตัวอย่างมีให้เห็นเช่นเรื่องของเงินเฟ้อ ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น เมื่อก่อนข้าวกระเพราไข่ดาวจานละสามสิบบาท เดี๋ยวนี้จะหาราคานี้แทบไม่ได้แล้ว การมีเงินแสนเงินล้านในบัญชีธนาคารวันนี้ อีกหลายปีข้างหน้ากว่าจะถึงเวลาเกษียณอาจมีมูลค่าไม่มากพอเพราะค่าครองชีพที่ปรับตัวแพงขึ้นทุกปี และดอกเบี้ยเงินเก็บในบัญชีไม่ช่วยให้เงินงอกเงยเท่าที่ควร ลองแบ่งเงินเก็บที่มีมาลงทุน ค่อยๆ สะสมเพื่อผลตอบแทนที่ดีในอนาคต เริ่มต้นจัดการเรื่องเงิน และแบ่งเงินมาลงทุนวันนี้ยังดีกว่าไม่เริ่มเลย”
และหากต้องการเริ่มต้นศึกษาข้อมูลเพื่อการวางแผนทางการเงิน สามารถติดตามข้อมูลดีๆ ได้ที่เพจ หมอยุ่งอยากมีเวลา คอนเทนต์น้ำดีมีสาระที่เข้าใจง่าย เริ่มวางแผนการเงินการลงทุนในวันนี้เพื่ออนาคต ไม่มีคำว่าสายเกินไป อยู่ที่ใจที่คิดจะเริ่มต้น