โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ท่องเที่ยว

พาเที่ยว : สวรรค์แห่งเกาะช้าง A piece of Heaven ‘AWA Koh Chang’

บันทึกคนขี้เที่ยว

เผยแพร่ 17 พ.ค. 2565 เวลา 09.15 น.

ก็นี่มันซัมเมอร์ป่ะแก! สะบัดความเหี่ยวเฉาเก็บกระเป๋าชวนเพื่อนสาวไปกอบโกยความสุขกันที่ ‘AWA Koh Chang‘ ดินเนอร์ริมทะเลรับลมเย็น ๆ มองน้ำสีครามเบื้องหน้า หันหลังมาเป็นภูเขา อ้าแขนรับความเฟรซ รวบรวมความเบิกบาน กับคอสตูมสีสันสุดสะท้าน บิกินี่สีสดใส เล่นน้ำให้สะใจ พายคายัคให้สุดมัน ใช้เวลาเรื่อยเปื่อยทั้งวัน ตอนเย็นก็จัดบุฟเฟ่ต์ซีฟู๊ดให้เต็มปาก ไม่ต้องแพลนอะไรให้มาก แค่กินให้อิ่มนั่งเล่นนอนเล่นพายเรือเล่นแบบสบาย ๆ 3 วัน 2 คืน ปล่อยให้ธรรมชาติมอบสิ่งดี ๆ ให้ซัมเมอร์นี้เต็มไปด้วยความฟีลกู๊ดสุด ๆ
.
ข้อมูลเพิ่มเติม
FB : AWA Koh Chang : By The Griffin
Tel : 02-2548650
Web : www.awakohchang.com
พิกัด : g.page/awakohchang?share

เอวารีสอร์ทเกาะช้าง(AWA Koh Chang)

ตั้งอยู่บนหาดไก่แบ้ ซึ่งเป็นทิศตะวันตกของเกาะช้าง นอกจากตรงนี้จะเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนและเล่นน้ำแล้ว ยังสามารถนั่งรับลมชิล ๆ รอชมพระอาทิตย์ตกบอกลาแสงสุดท้ายได้ทุกวันรับประกันความฟินไปเลย

ที่นี่โดดเด่นเรื่องสถาปัตยกรรมและการตกแต่งแบบโอเรียนทอล เซน (Oriental Zen) ใช้คอนเซปต์ความเป็นธรรมชาติของตะวันออกผสมผสานและวิถีของเซน เน้นความสงบ เรียบง่าย แต่ก็ไม่ละทิ้งความหรูหราและทันสมัย เพิ่มความผ่อนคลายด้วยการใช้โทนสีหลักคือ ขาวและน้ำเงิน แถมยังยึดหลักฮวงจุ้ยด้วยทำเลหน้าติดน้ำหลังติดภูเขา ที่ชาวจีนเชื่อว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มพลังให้พื้นที่แห่งนี้สงบ ร่มเย็น นอกจากนี้ทั้งอาคารและส่วนกลางใช้วิธีเพิ่มความอบอุ่น ด้วยเฟอร์นิเจอร์เครื่องประดับที่สะท้อนกลิ่นอายของวัฒนธรรมตะวันออก เช่น กระเบื้องมุงหลังคาสีดำสไตล์ญี่ปุ่น เก้าอี้สีน้ำตาลเข้มสไตล์จีน เป็นต้น เรียกได้ว่าเหมาะแก่การพักผ่อนเป็นที่สุด

กิจกรรมของที่นี่นอกจากนั่งเล่นนอนเล่น ว่ายน้ำ นั่งบาร์ คาเฟ่แล้ว ยังสามารถพายคายัคเท่ ๆ ออกทะเลอีกด้วย

สำหรับห้องพักของที่นี่มี 2 โซน คือติดทะเลและโซนติดเขา มีห้องพักทั้งหมด 5 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ SUPERIOR HILLSIDE, DELUXE, DELUXE PREMIUM, DELUXE BEACHFRONT, BEACH FRONT SUITE
ในส่วนของห้องพัก แบ่งออกเป็น 2 โซน โซนแรกฝั่งชายหาด ได้แก่ ห้องดีลักซ์ (49Deluxe – 54 ตารางเมตร) มีระเบียงห้องกว้างขวางตั้งอยู่ริมสระว่ายน้ำ แต่ละห้องมีเตียงขนาดคิงไซส์ และประตูเปิดไปสู่ระเบียง ห้องดีลักซ์ พรีเมี่ยม (26Deluxe Premium – 54 ตารางเมตร) ประกอบด้วยเตียงขนาดควีนไซร์ 2 เตียงใหญ่ เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบเป็นครอบครัว ห้องดีลักซ์ บีชฟร้อนท์ (20Deluxe Beachfront – 54 ตารางเมตร) ตั้งอยู่ริมชายหาด ซึ่งคุณจะสามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจน ห้องบีชฟร้อนท์ สวีท (2Beachfront Suite – 108 ตารางเมตร) ภายในห้องพักจะมีห้องนั่งเล่นแยกเป็นสัดส่วน เหมาะสำหรับนั่งชมทะเลในแบบพาโนราม่า อย่างเป็นส่วนตัว และในส่วนห้องพักโซนภูเขาจะเป็นห้อง Superior Hillside แต่ละห้องมีพื้นที่ 40 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเช่นกัน

Day 1
เดอะล็อบบี้(The Lobby)
เมื่อมาถึง AWA Koh Chang สิ่งแรกที่จะดึงดูดสายตาทุกคู่นั่นก็คือล็อบบี้ ความรู้สึกผ่อนคลายเกิดขึ้นทันที เมื่อเราก้าวเท้าเข้ามาเช็คอิน จุดเริ่มต้นของความประทับใจแบบจุกอก ทุกอย่างดูเรียบหรูไปหมดตั้งแต่โถงห้องเพดานสูงแบบโอเพ่นแอร์ รับลมรับแสงแดดได้รอบด้าน เพิ่มลูกเล่นให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยการมีช่องลมลายดอกไม้สีขาวงาช้างซึ่งกลมกลืนเข้ากับธรรมชาติเข้ามาตกแต่ง

ห้องดีลักซ์ (Deluxe)
เช็คอินเรียบร้อยเราก็เดินเข้าห้องพักด้วยความตื่นเต้น สำหรับห้องของเราในทริปนี้คือ ห้องดีลักซ์ ขนาด 54 ตารางเมตร เป็นห้องสีขาวโล่งโปร่งสบาย ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีครีมอ่อน ๆ ประดับด้วยเครื่องใช้ทำจากเซรามิกลวดลายสวยงาม มาพร้อมเตียงคิงไซส์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ทีวีแอลซีดี มินิบาร์ เครื่องทำชากาแฟ ไดร์เป่าผม ระบบน้ำร้อนน้ำเย็น อ่างอาบน้ำ Free Wi-Fi และตู้เซฟ

ไฮไลท์ของห้องคงจะเป็นระเบียงกว้างขวาง มองออกไปพบกับวิวสระว่ายน้ำและทะเลตัดกับสีท้องฟ้าใส ๆ มี Daybed นุ่มนิ่มพร้อมหมอนอิงวางให้เราได้นั่งเล่นนอนเล่น อ่านหนังสือ ชมวิว สูดอากาศบริสุทธิ์ จิบขนมเครื่องดื่มได้ไม่รู้เบื่อ

ในส่วนของห้องน้ำเค้าก็มีอ่างอาบน้ำไว้ให้เราได้แช่ตัวในน้ำอุ่นชิล ๆ ให้ความเมื่อยล้าปลิวไปกับน้ำในอ่าง

เดอะที (The Teas)
เก็บข้าวของ นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงนุ่ม ๆ จนพอใจ เราก็ลงมาเดินเล่นทั่วบริเวณกันหน่อย จุดแรกของเราก็คือ เดอะ ที คาเฟ่ย่อม ๆ ขนาด 12 ที่นั่ง ตั้งอยู่ใกล้ล้อบบี้ที่ให้บริการชา กาแฟ เบเกอรี่ รวมถึงหนังสือดี ๆ นิตยสารและวารสาร ให้เราได้นั่งจิบไป ทอดถอนใจไป หรือจะเลือกซื้อของที่ระลึกเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำจากที่นี่ก็มีไว้ให้บริการน้า
ให้บริการเวลา 09.00 น. – 22.00 น.

เอวาริเวอร์ (Awa River)
หลังจากนั้นเราก็เดินเล่นกินลมชมวิวดูการออกแบบบริเวณโรงแรมที่ยินหนึ่งเรื่องการดีไซน์มาเรื่อย ๆ จนมาถึงบาร์ริมสระน้ำอย่าง เดอะริเวอร์ (The River) ที่อยู่ตรงสระว่ายน้ำกลางสีน้ำเงินกลมกลืนกับรีสอร์ทขนาด 1200 ตารางเมตร ห้อมล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้ประดับสีเขียวร่มรื่นตัดกับตัวตึกสีขาวเทากลายเป็นมุมถ่ายรูปที่สวยงาม หากเดินลัดเลาะไปตามทางเดินก็จะพบการจัดวางเครื่องประดับงานปั้นและงานดินเผาตามพื้น สำหรับการพักผ่อนในระหว่างวัน สามารถมานั่งเล่นที่บาร์ริมสระได้ เค้ามีบริการเครื่องดื่มให้เราอย่างเต็มที่
ให้บริการเวลา 11.00 น. – 20.00 น.

ห้องอาหารเดอะศาลา (The Sala)
ขยับขามาอีกประมาณ 10 ก้าว เราก็จะเจอร้านอาหารและบาร์ริมทะเล ที่ให้บริการมื้อเย็นแสนอร่อยพร้อมเสริฟด้วยบาร์บีคิว อาหารทะเล ค็อกเทล จนเราต้องเพลิดเพลินจนลืมเวลาไปเลย จะสามารถทำให้คุณเพลิดเพลินกับเสียงดนตรีที่ขับกล่อมในทุกวันพร้อมเสริฟด้วยบาร์บีคิว อาหารทะเล ค็อกเทล ยามค่ำคืน
ให้บริการเวลา 17.00 น. – 23.00 น.

แดดเริ่มจางลงแล้ว อีกมุมหนึ่งที่เราขอเน้นเลยว่าห้ามพลาด คือชิงช้าหน้าโรงแรมนี่แหละ จุดนี้ นั่งมองแสงเย็นกับคนรู้ใจ คุยกันไปหยอกล้อกันไป มันคือโมเม้นท์ที่จะอยู่ในความทรงจำไปอีกนานเลย

เดอะแซนด์(The Sand)
สำหรับมื้อเย็นของเราวันนี้ก็ต้องขอฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารริมทะเลอย่าง เดอะแซนด์(The Sand) ณ จุดนี้ขอบอกว่าสุดแสนจะโรแมนติก อาหารที่ให้บริการจะเป็น surf and turf อาหารนานาชาติหลากหลาย ทั้งบาร์บีคิวและซีฟู้ดชั้นเลิศ

วันนี้เราเลือกเซ็ตซีฟู๊ดและบาร์บีคิวหมูซึ่งเป็นทีเด็ดของที่นี่เลยแหละ นั่งทานของอร่อยไป ชมพระอาทิตย์ตกไป ดีต่อใจจนอยากจะตะโกนบอกโลกให้รู้ไปเลยว่าฉันมีความสุขขนาดไหน

Day 2
ห้องอาหารเดอะสพูน(The Spoon)
ตัดจบคืนแรกไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มแบบหนำใจ ตื่นเช้ามาก็ใช่ว่าเราจะไม่หิว บิดขี้เกียจสามรอบแล้วรีบวิ่งมาที่ห้องอาหารเดอะสพูนทันที นอกจากจะให้บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์แล้ว ที่นี่ยังเป็นห้องอาหารเปิดให้รับประทานอาหารตลอดทั้งวันหรือ All day dining ขนาด 120 ที่นั่ง วางใจได้เลยไม่ว่าจะออกไปเที่ยวส่วนไหนของเกาะช้าง ก็สามารถกลับมาฝากท้องที่นี่ได้ตลอดวัน
ในส่วนไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารเช้านั้น จะเป็นอาหารนานาชาติเลิศรสทั้งอาหารเอเชียและยุโรป ที่คัดสรรเฉพาะอาหารที่สดใหม่และเปี่ยมคุณภาพ ตักเสร็จแล้วจะออกมานั่งทานกันแบบชิล ๆ มองวิวทะเลที่โซนด้านนอกก็ได้
ให้บริการเวลา 7.00 น. – 17.00 น.

Activities
พักผ่อนอย่างเต็มที่ เติมพลังด้วยมื้อเช้าเต็มพุง ตอนนี้เราพร้อมจะออกกำลังแขนขาด้วยการพายคายัคท้าแดดท้าลมแล้ว ก็ดูสีท้องฟ้า เห้นสีน้ำแล้วใครจะอดใจไหวล่ะ แถมที่นี่เค้ามีคายัคไว้ให้บริการกันด้วย จะปล่อยให้จอดไว้เฉย ๆ ได้ไง ลากคายัคลงน้ำแล้วพายให้มันสะใจวัยรุ่นแบบเราไปเลย

Pool Time
ขึ้นมาจากทะเลก็ล้างตัวด้วยน้ำจืดให้สะอาดแล้วมาต่อกันที่สระว่ายน้ำแบบรัว ๆ เกือบทั้งวันของวันนี้ เราอยู่ในน้ำแบบเต็มที่ ถ้าอยู่นานกว่านี้จะแปลงร่างเป็นเมอร์เมดน้อยแล้วนะ

ขึ้นมาจากสระก็ยังไม่หนำใจ ก็แหมมมมม ซัมเมอร์แบบนี้ต้องเก็บภาพความสดใสให้ครบในทุกจุด โพสต์ท่านั้น ยืนท่านี้ กดภาพไปสักสิบแชะกันเสีย เมมเต้มไม่กลัว กลัวไม่ได้รูปแล้ว ณ จุดนี้

อีกหนึ่งมุมโปรดของเราคือต้นไม้ใหญ่ตรงนี้แหละ จำจำเอาไว้ว่าครั้งหนึ่ง พวกเราเคยมาใช้เวลาและสร้างความทรงจำดี ๆ ด้วยกันที่นี่นะแก

ความกรุบกริบที่ต้องมีคือสั่งน้ำผลไม้ปั่นมาแล้วนั่งคุยกันให้ออกอรรถรส ปล่อยเวลาให้ไหลไปกับเสียงหัวเราะและความสุขที่มีทั้งหมด

เดอะแซนด์(The Sand)
และมื้อเย็นของคืนสุดท้าย เราก็ยังมาฝากท้องที่ห้องอาหาร เดอะแซนด์(The Sand) เช่นเดิม แต่เพิ่มเติมคือวันนี้จะจัดเต็มด้วยบุฟเฟต์ซีฟู๊ดและบาร์บีคิว Signature dish menu by chef & Seafood set dinner แบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ เติมได้ไม่อั้น เจอซีฟู๊ดสด ๆ หอม ๆ แบบนี้บวกกับความเหนื่อยของกิจกรรมที่ทำมาทั้งวัน พวกเราจึงตกลงกันว่ามื้อนี้จะกินกันให้พุงแตกตายเป็นชูชกไปเลย

มื้อเย็นริมหาดแบบนี้ จะแสนดีขึ้นอีกล้านเท่าเมื่อมีดนตรีเพราะ ๆ มาขับกล่อมให้เราแบบสด ๆ ซึ่งทาง AWA Koh Chang เค้าก็เห็นความสำคัญของสุนทรียในการกินนะ เค้าเลยจัดแบนด์มาบรรเลงเพลงเพราะ ๆ ให้เราฟังกันในคืนนี้ด้วยแหละ

ยังไม่จบ ความสุขและความประทับใจยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะยังมีการควงกระบองไฟมาโชให้เราชมแบบฟรี ๆ เรียกว่าตื่นตาตื่นใจกันไปจนอ้าปากค้างไปเลย

Day 3
วันสุดท้ายของทริปแล้วขอตื่นสาย ๆ ด้วยความสดชื่น เปิดม่านรับแสง รับวิตามินจากแดดยามเช้า แล้วออกมาทักทายวิวที่ระเบียงพร้อมเสียงนกคลอมาเป็นระยะ จิบชา กินขนมให้ฉ่ำหัวใจก่อนเก็บกระเป๋าแล้วจากไปอย่างอิ่มเอม

การได้ใช้เวลาช้า ๆ ในสถานที่อันเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความสุขและความเงียบสงบ เคล้าเสียงธรรมชาติที่คอยขับกล่อมเราจนหลับ มุมถ่ายรูปและกิจกรรมที่ปลอบประโลมเราจนพึงพอใจ สองคืนผ่านไปเหมือนได้ผ่อนคลายอย่างเต็มอิ่ม พร้อมออกเดินทางกลับบ้านแล้วเตรียมตัวทำงานที่รักอย่างขะมักเขม้น เอาไว้รอบหน้ารู้สึกเพลียเมื่อไหร่ จะขอเอาใจเอากายมาผ่อนคลายที่นี่อีกสักสิบคืน
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0