โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘รักให้พูด โกรธให้บอก’ เมื่อความฉลาดทางอารมณ์คือหนึ่งในเทรนด์การเดตของคนรุ่นใหม่

The MATTER

อัพเดต 09 ม.ค. เวลา 11.14 น. • เผยแพร่ 09 ม.ค. เวลา 11.13 น. • Lifestyle

เรื่องแค่นี้ไม่บอกก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่นา

งอนแล้วไม่บอก รักนะแต่ไม่แสดงออก เวลามีปัญหาขอเก็บไว้เงียบๆ แล้วกัน เพราะแค่คุยกับตัวเองยังไม่ค่อยเข้าใจเลย จะให้ไปอธิบายกับคนอื่นยิ่งยากเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะถ้าอีกฝ่ายเป็นคนรักที่ต้องมีเรื่องถกกันเช้าเย็นแล้วละก็ ลงเอยไม่พ้นต้องมีปากเสียงกันแน่ๆ

ดูเหมือนว่า นาทีนี้การหนีปัญหาด้วยการเงียบ พูดจาประชดประชันให้รู้สึกเจ็บปวด คงไม่ใช่เรื่องปกติที่โค้ชข้างสนามจะแค่พยักหน้าส่งๆ แล้วพูดว่าคู่รักก็งี้แหละได้อีกต่อไปแล้ว ขืนไปปรึกษาเพื่อนเรื่องความรักแล้วเล่าว่า เราทำพฤติกรรมอย่างว่าข้างต้น มีแต่ต้องโดนแจกธงแดงว่าเป็นคน rad flag อย่างไม่ต้องสงสัย

นี่มันปี 2025 แล้ว ถ้าอยากจะขอพรพระแม่แบบละเอียดๆ แบบที่พูดแล้วนึกออกเลยว่าคือใคร ทั้งหมาเด็กที่จริงใจ สูง 180 ทำอาหารเองทุกเช้า หรือจะพี่สาวคนสวยที่มีผมยาวสีน้ำตาลอ่อนประกายทองพร้อมลักยิ้มแมวแก้มซ้าย โดยที่ไม่ต้องระบุเพิ่มว่า ขอให้เจอคนที่คุยกันรู้เรื่องได้ไหมนะ? ในเมื่อ Emotional intelligence (EI) หรือคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์กำลังจะกลายเป็นพื้นฐานของคนรักแล้วน่ะสิ

ในวันที่หน้าตาของความสัมพันธ์กำลังเปลี่ยนไป The MATTER ชวนไปหาคำตอบกันว่า ทำไมความฉลาดทางอารมณ์ถึงกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์การเดตของปี 2025 นี้ แล้วถ้าอยากตรงไทป์ของใครสักคนจะมีวิธีไหนบ้างนะ?

เมื่อคนฉลาดทางอารมณ์กำลังกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่

แน่นอนว่าในโลกเปลี่ยนไปทุกวัน หน้าตาของความรัก ‘ดีๆ’ ที่หลายคนมองหาก็เปลี่ยนตามไปด้วย ก่อนอื่นเราเลยอยากชวนมาย้อนดูกันว่า ที่ผ่านมาผู้คนมองหาอะไรในความสัมพันธ์กันบ้าง

การสำรวจข้อมูลจากผู้ใช้งานของ Bumble แอปพลิเคชั่นหาคู่ของอเมริกา พบว่า เทรนด์การเดตในปี 2022 ผู้คนนั้นให้ความสำคัญกับความสุขส่วนตัวอยู่ ความรักส่วนใหญ่ในปีนี้จึงเน้นไปที่ทดลองพูดคุยกันไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบในความสัมพันธ์มากกว่า ขณะที่ปี 2023 ผู้คนเริ่มเปิดกว้างต่อความสัมพันธ์แบบใหม่ๆ เราจึงเห็นเทรนด์การเดตทางไกล หรือการพูดคุยเรื่องยากๆ อย่างเรื่องเซ็กซ์หรือเงินมากขึ้น พอมาถึงปี 2024 ผู้คนก็หันมาเริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง เราจึงเห็นคนหาคู่เดตที่ยอมรับไลฟ์สไตล์ของเรามากกว่า และมีความสัมพันธ์ที่ผูกพันกันมากขึ้น

จนถึงปี 2025 การให้ความสำคัญกับตัวเองก็ยังคงต่อเนื่องมาจากปีก่อนๆ นิคควน ลูอิส (Nikquan Lewis) ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อดังอย่าง Essence บนเว็บไซต์ไว้ว่า ผู้คนจะมองหาความจริงใจ ความลึกซึ้ง และความรู้สึกคลิกกันมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่มองหาและมาแรงในปีนี้คือ การเดตกับคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ หรือ Emotional Intelligence นั่นเอง

Emotional Intelligence (EI) คือคนที่รู้จักตัวเองว่าต้องการอะไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร แล้วสามารถสื่อสารออกมาได้ นอกจากนี้ ยังเป็นคนไม่กลัวว่าความขัดแย้งจะเป็นปัญหาในความสัมพันธ์ เพราะสามารถจัดการอารมณ์ได้ดี ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ จึงทำให้พูดคุยเรื่องที่เห็นไม่ตรงกันได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าหลังจากทะเลาะกันแล้วจะรักกันน้อยลง ขณะเดียวกัน คนเหล่านี้ก็คอยซัปพอร์ตและอยู่เคียงข้างในวันที่อีกฝ่ายทุกข์ใจด้วย

ถ้าได้เจอคนแบบที่ว่ามาทั้งหมด คงไม่แปลกที่หลายคนจะตกหลุมรักไอต้าวธงเขียวคนนี้ แต่แล้วอะไรทำให้เราพร้อมเทใจให้คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์กันนะ?

เมื่อมองภาพกว้างจะเห็นว่า ความฉลาดทางอารมณ์เป็นทักษะจำเป็นที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในระยะหลังๆ ที่มีทั้งเทคโนโลยีการสื่อสารก้าวหน้า ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเราก็สามารถเจอผู้คนใหม่ๆ ผ่านข้อความ เสียง ภาพ หรือวิดีโอคอล บวกกับ AI ซึ่งเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวัน ทำให้ผู้คนโหยหาการแสดงออกทางอารมณ์มากขึ้น เพราะแม้จะมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า แต่ก็ยังไม่สามารถเก็บสีหน้า ท่าทาง หรือความอบอุ่นได้ทั้งหมด จนบางครั้งการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ก็มักทำให้เกิดความเข้าใจหรือตีความผิดได้

นอกเหนือจากวิธีสื่อสารแล้ว เมื่อรวมกับสิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนครั้งใหญ่ในปัจจุบัน อย่างการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 เมื่อปี 2020 ยิ่งทำให้เรามองหน้าตาของความสัมพันธ์เปลี่ยนไปด้วย ผู้คนส่วนใหญ่มองว่า ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอีกแล้ว ก่อนจะหันมาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่จริงจังมากขึ้นแทน

ผลสำรวจจาก Match ในปี 2021 สอบถามคนโสดทั่วสหรัฐฯ จำนวน 5,000 คน พบว่า สิ่งที่คนโสดมองหาในตัวอีกฝ่ายอันดับแรกไม่ใช่เรื่องเงินหรือการเป็นคนดี แต่ 39% ของพวกเขามองหาความเป็นผู้ใหญ่ทางอารมณ์ สิ่งที่น่าสนใจคือตัวเลขดังกล่าวนั้นสูงกว่าความซื่อสัตย์ซึ่งอยู่ที่ 37%, การสื่อสารที่ดี 36%, ความเมตตา 36%, หรือแม้แต่ความมั่นคงทางการเงิน 35% ซะอีก

แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้คนมีคู่มีความสุขบ้างนะ? เมื่อมาดูผลสำรวจจาก Mixbook ในปี 2023 พบว่า 74% ของคู่แต่งงานที่มีความสุขในสหรัฐฯ บอกว่า ปัจจัยที่ทำให้ชีวิตคู่ของพวกเขามีความสุข คือการมีทักษะการสื่อสารที่ดี ความเคารพซึ่งกันและกัน และความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่ลึกซึ้ง ซึ่งทั้งหมดนี้รวมๆ กันแล้วก็หมายถึงคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์นั่นเอง

สรุปแล้วความวุ่นวายของโลกโดยเฉพาะปี 2025 นี่เอง ทำให้เหล่าคนโสดในปัจจุบันเลือกสุขภาพจิตของตัวเองขึ้นมาเป็นอันดับแรก ซึ่งก็เป็นผลพวงมาจากการมีการสื่อสารที่ดี โดยสิ่งนี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญให้เราก้าวผ่านดราม่าและปัญหารายวัน จึงไม่แปลกเลยเมื่อการมีความฉลาดทางอารมณ์กำลังจะกลายเป็นเรื่องพื้นฐานของใครหลายคนในยุคที่กำลังเปลี่ยนผ่านนี้

ยังไงถึงเรียกว่าฉลาดทางอารมณ์?

แม้เราจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่า มีอะไรต้องสื่อสาร ไม่เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง พูดจามีเหตุผลแบบคนอื่นเขาทำกันนั้นเป็นเรื่องที่ควรทำ แต่พอเอาเข้าจริง ไอ้นิสัยโกรธแล้วไม่พูด ทำเหมือนไม่มีอะไรแต่น้ำตาตกในทุกที หรือเผลอระเบิดอารมณ์ออกมาก็แก้ไม่หาย ยิ่งต้องคุยเรื่องจริงจังผ่านตัวอักษรที่ไม่มีน้ำเสียงด้วยแล้ว การรับรู้อารมณ์ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ จนเราแทบไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไงดี

อันที่จริงการมีความฉลาดทางอารมณ์ไม่ใช่การไม่แสดงอารมณ์ออกมาเลย หรือการตัดทิ้งไปเฉยๆ เพียงแค่เราต้องหาทางสื่อสารอารมณ์เหล่านั้นออกมาให้เหมาะสมเท่านั้น และข่าวดีก็คือ ทักษะนี้เป็นเรื่องที่ฝึกฝนได้ โดยเอริน นิตช์เก้ (Erin Nitschke) อาจารย์มหาวิทยาลัยด้านสุขภาพและสมรรถภาพของมนุษย์ ให้คำแนะนำถึงการเพิ่มความฉลาดทางอารมณ์ไว้ ดังนี้

ฝึกฟังอย่างตั้งใจ – เมื่อถึงเวลาที่คนรักกำลังเล่าเรื่องบางอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่ “วันนี้ไปเจอคนนั้น เพื่อนเทอีกแล้ว แงๆ” เราอย่าเพิ่งรีบเสนอวิธีแก้ไขทันที แต่จังหวะนี้แหละเป็นโอกาสที่เราจะได้รู้จักอีกฝ่าย บางทีอาจลองฟังอย่างตั้งใจ ไม่ด่วนตัดสิน สบตาบ้างหรือพยักหน้าในบางครั้ง เพื่อส่งสัญญาณว่าเรากำลังฟังอยู่นะ หรือจะโยนคำถามกลับไปก็ได้ เพราะอาจทำให้เราเข้าใจอีกฝ่ายได้มากขึ้น แสดงความเห็นอกเห็นใจ – ในวันที่แฟนเจอเรื่องไม่ดี บางทีก็อาจไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการคอยอยู่ข้างๆ กัน เพียงแค่ยืนยันว่าเรารับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยคำพูด เช่น “เรารู้นะว่าเธอเสียใจ” หรือ “เธอคงเหนื่อยมากเลยสินะ” เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกอุ่นใจที่มีเราอยู่ด้วย การสื่อสารที่ชัดเจน บางครั้งความไม่เข้าใจกันหรือเข้าใจผิดเป็นสิ่งที่นำไปสู่ความห่างเหินได้ เราอาจลองใช้เวลาอยู่กับตัวเองบ้าง ถามตัวเองบ่อยๆ ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร อยากให้อีกฝ่ายทำแบบไหน แล้วพูดออกมาอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา นอกจากป้องกันความเข้าใจผิดแล้ว ยังทำให้อีกฝ่ายรู้จักความต้องการของเราให้มากขึ้นด้วย การควบคุมอารมณ์ – การควบคุมอารมณ์ตัวเองได้บางครั้งก็เริ่มจากการรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง ลองสังเกตว่าเรามักรู้สึกเครียดเวลาพูดเรื่องอะไร หรือหงุดหงิดตอนที่อีกฝ่ายทำอะไร แล้วค่อยๆ ถามตัวเองว่าทำไมจึงรู้สึกแบบนั้น ก่อนจะมีเวลาให้ตัวเองคิดทบทวนก่อนโต้ตอบกลับไป หาเวลาเคลียร์สิ่งที่อยู่ในใจ – แน่นอนว่าแต่ละคนย่อมมีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบต่างกัน บางครั้งความเข้ากันได้อาจไม่ใช่การเปลี่ยนให้อีกคนมาเป็นเหมือนตัวเอง แต่เป็นการทำความเข้าใจและฟีดแบ็กให้กันและกัน ว่ามีอะไรบ้างที่เราชอบหรือไม่ชอบบ้าง มีวิธีไหนบ้างที่เราจะปรับกันได้ไหม เช่น เมื่ออีกฝ่ายชอบความสะอาดเนี้ยบ แต่เราชอบความสบาย ก็อาจลองแบ่งหน้าที่กันทำความสะอาดเพื่อไม่ให้หนักไปที่คนใดคนหนึ่งมากเกินไป เพราะอย่าลืมว่าต้องเป็นทางออกที่เราและเขาสบายใจด้วยกันนะ เมื่อความรักที่ดีประกอบด้วยหลายองค์ประกอบ นอกจากความฉลาดทางอารมณ์ที่กำลังกลายเป็นเรื่องพื้นฐานแล้ว ปีนี้ทุกคนมองหาอะไรในความสัมพันธ์อีกบ้างนะ?

อ้างอิงจาก

essence.com

youate.com

mixbook.com

prnewswire.com

Graphic Designer: Manita Boonyong
Editorial Staff: Taksaporn Koohakan

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...