เอไอเอ ดันแอปฯ AIA+ ดูแลสุขภาพครบ จบในที่เดียว
ปี 2565 เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัวซูเปอร์แอป “AIA+” (เอไอเอ พลัส) แอปพลิเคชั่นที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการและสิทธิประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกรมธรรม์และการดูแลสุขภาพที่สะดวกขึ้นภายในแอปฯ เดียว
นายจุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา ดิจิทัล โซลูชันส์ แอนด์ ดีไซน์ กล่าวว่า เอไอเอ ประเทศไทย ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนในสังคมไทยเป็นระยะเวลากว่า 86 ปี โดยมีคำมั่นสัญญาสำคัญคือ Healthier, Longer, Better Lives สะท้อนความมุ่งมั่นที่ต้องการให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันมีผู้ถือกรมธรรม์ เอไอเอ กว่า 8 ล้านกรมธรรม์ในประเทศไทย
[caption id="attachment_141944" align="aligncenter" width="1024"]
นายจุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา ดิจิทัล โซลูชันส์ แอนด์ ดีไซน์ เอไอเอ ประเทศไทย[/caption]
ในปี 2565 เอไอเอ ประเทศไทย ได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่นเอไอเอพลัส โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลครบวงจรสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ ครอบคลุมทั้งการจัดการกรมธรรม์ การดูแลสุขภาพ และการแลกรับสิทธิประโยชน์ไว้ในแอปฯเดียว โดยมีโจทย์สำคัญคือ “จะต้องดูแลรักษาข้อมูลลูกค้าให้ปลอดภัย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ผ่านการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาสร้างประสบการณ์ที่ลื่นไหลและตรงใจมากที่สุด”
“เอไอเอพลัส ไม่ใช่แค่แอปที่ลูกค้าไว้ใช้จัดการกรมธรรม์อย่างเดียว แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมทุกมิติด้านสุขภาพ ตั้งแต่ธุรกรรมประกัน การดูแลสุขภาพ ไปจนถึงการให้บริการที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละคน เพื่อมอบความสะดวกในการดูแลสุขภาพให้ลูกค้าในทุกช่วงจังหวะชีวิต”
นายจุฑาภัทร อธิบายต่อว่า เอไอเอได้นำเทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์เชิงลึกมาใช้พัฒนาฟีเจอร์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าและสอดรับกับเทรนด์ยุคใหม่ เช่น การให้คำปรึกษาทางการแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีเวลาจำกัด
เอไอเอพลัส ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์สแกนใบหน้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถวัดและติดตามดัชนีมวลกาย (BMI) ความดันโลหิต ชีพจร และระดับความเครียดได้ง่าย ๆ โดยทุกบริการถูกพัฒนาขึ้นจากการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) มีโจทย์หลักคือทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ด้านมาตรการด้านความปลอดภัยแอปฯ เอไอเอพลัสให้ความสำคัญสูงสุดกับระบบความปลอดภัยด้านข้อมูล เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การจัดตั้งทีมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security Incident Response Team) เพื่อพยายามกำจัดทุกช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ในทุกขั้นตอนการพัฒนาซอฟต์แวร์ พร้อมกับการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (Multi-Factor Authentication) และการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการเข้าสู่ระบบขึ้นไปอีกขั้น
“เราตระหนักดีว่าลูกค้าได้มอบความไว้วางใจให้เราเก็บรักษาข้อมูลละเอียดอ่อน โดยเฉพาะข้อมูลด้านสุขภาพ เราจึงให้ความสำคัญกับเรื่องข้อมูลลูกค้าในระดับสูงสุด”
นายจุฑาภัทร กล่าวต่อว่า เอไอเอ ประเทศไทย ได้นำเทคโนโลยียุคดิจิทัลเข้ามาใช้ในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายแล้ว อีกมิติที่สำคัญคือ การลดการใช้ทรัพยากรในทุกกระบวนการดำเนินงานของบริษัท โดย เอไอเอ ตระหนักถึงปัญหาภาวะโลกเดือด (Global Boiling) ที่ส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลก ทั้งยังตระหนักถึงปริมาณเอกสารจำนวนมหาศาลที่ธุรกิจประกันต้องพิมพ์เพื่อส่งมอบให้ลูกค้าในทุก ๆ ปี
“เอไอเอ ได้ประกาศแคมเปญครั้งใหญ่ AIA+ Go Green ซึ่งช่วยขับเคลื่อนแนวปฏิบัติ ESG ของ เอไอเอ พร้อมชวนลูกค้าให้เปลี่ยนมาใช้ e-Document และ e-Receipt ผ่านแอปพลิเคชั่นเอไอเอพลัส โดยแคมเปญนี้จะช่วยลดการใช้กระดาษได้เป็นจำนวนมาก และยังสร้างพลังการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเชิญชวนให้ลูกค้ามีส่วนร่วมได้เป็นอย่างดี”
และเพื่อขยายความสำเร็จของโครงการ ทีมผู้บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมด้วยพนักงานอาสาสมัคร จะร่วมกันปลูกต้นไม้ 10,000 ต้น ในช่วงต้นปี 2568
“เราพัฒนาแอปฯ เอไอเอพลัส ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเทรนด์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ดังนั้น ในอนาคต เราพร้อมที่จะเติบโตและเสริมแกร่งอีโคซิสเต็มนี้ให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในทุกมิติของการพัฒนา เรามุ่งหวังที่จะเป็นซูเปอร์แอปที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพอย่างครอบคลุมและร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่คนไทยและสังคมต่อไป” นายจุฑาภัทร กล่าว