โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ศทช. ประณาม “กัมพูชา” วางระเบิดชายแดน ทำทหารไทยสาหัส

อีจัน

อัพเดต 21 ก.ค. เวลา 10.20 น. • เผยแพร่ 21 ก.ค. เวลา 03.13 น. • อีจัน

(20 ก.ค. 68) วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดเผยว่า “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมกำหนดแนวทางกรณี 3 นายทหารได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี

โพสต์ระบุว่า

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังจากกองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานผลสอบกรณีกับระเบิดที่จังหวัดอุบลราชธานี วานนี้แล้ว พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา(ศบ.ทก.) ได้เรียกประชุมฝ่ายเลขาฯ ของคณะกรรมการ ศบ.ทก.ในวันนี้ เวลา 14.00 น. ร่วมด้วยกรมชายแดนทหาร

เพื่อจะเป็นการกำหนดแนวทางกรณีกองทัพภาคที่ 2 รายงานผลการตรวจสอบกรณีกำลังพลที่จังหวัดอุบลราชธานี ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและเหยียบกับระเบิด ทำให้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 2 เก็บข้อมูลหลักฐาน และผลการพิสูจน์ ทั้งหมดรายงานผล เป็นลายลักษณ์อักษรให้ฝ่ายเลขาฯ ศบ.ทก.ทราบ

จากนั้น ในวันพรุ่งนี้ (วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568) เวลา 09.30 น. จะเป็นการประชุมคณะกรรมการ ศบ.ทก. ชุดใหญ่ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เต็มคณะ ทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายความมั่นคงที่เป็นคณะกรรมการของ ศบ.ทก. เข้าร่วม เพื่อหารือถึงผลการพิสูจน์กับระเบิด และการกำหนดท่าทีที่จะดำเนินการต่อไป

ขณะเดียวกัน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ได้กล่าวขณะเดินทางเข้าเยี่ยมเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับนางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยกล่าวสั้น ๆ ว่า “ผมยืนยันนะครับ หากเป็นการล่วงล้ำอธิปไตย ผมไม่อยู่เฉย”

ในเวลาต่อมา (20 ก.ค. 68) ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชา จากกรณีลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ส่งผลให้ 3 นายพลทหารไทยได้รับบาดเจ็บ โดย 1 ในนั้นสูญเสียอวัยวะ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดใหม่ที่เพิ่งถูกวางขึ้น จี้ หยุดการขัดขวางภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิด

แถลงการณ์ระบุว่า

ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอแสดงความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการลักลอบเข้ามาดำเนินการวางทุ่นระเบิด สังหารบุคคลในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยไทย

เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้กำลังพลของกองทัพไทยได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย โดยในจำนวนนี้ 1 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นสูญเสียอวัยวะและกลายเป็นผู้พิการถาวร จากการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด พบว่าทุ่นระเบิดที่ใช้ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดใหม่ซึ่งเพิ่งถูกวางขึ้น โดยจัดวางในลักษณะสนามทุ่นระเบิด และกระจายตัวหลายจุดตามแนวชายแดนในเขตพื้นที่อธิปไตยไทย โดยทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดดังกล่าวมิได้อยู่ในระบบยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทยอย่างชัดเจน และมีลักษณะมุ่งหมายเพื่อก่ออันตรายต่อกำลังพล รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ และยังส่งผลกระทบ ต่อความปลอดภัยของประชาชนในบริเวณใกล้เคียงอย่างมีนัยสำคัญ

ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอประณามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรง และขอแสดงการคัดค้านอย่างเด็ดขาดต่อการกระทำใด ๆ ที่อาจถือเป็นการละเมิดพันธกรณีและบรรทัดฐานของอนุสัญญา ว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิตและโอน และการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Mine Ban Treaty หรือ Ottawa Convention) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าทั้งราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา ต่างเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาฉบับนี้ และได้ให้คำมั่นที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีอย่างครบถ้วน อันรวมถึง การยุติการใช้และสะสมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ตลอดจนการดำเนินการเก็บกู้ และทำลายทุ่นระเบิดที่ยังตกค้างภายในประเทศ เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนโดยรวมในระยะยาว

ในฐานะหน่วยงานหลักของประเทศไทยด้านปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้ราชอาณาจักรกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน รวมถึงดำเนินมาตรการทางกฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งดำเนินมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้อีกในอนาคต

นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาหยุดการขัดขวาง การปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดของฝ่ายไทยตามแนวชายแดน และให้ความร่วมมืออย่างจริงจังในการดำเนินงานเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และความมั่นคงให้แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบร่วมกันในฐานะรัฐภาคี ของอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งต่างมีพันธกิจในการสนับสนุนสันติภาพ ความมั่นคงของมนุษยชาติ และลดผลกระทบจากอาวุธที่ไร้ความจำแนกต่อพลเรือน

ขอบคุณข้อมูล :เฟซบุ๊ก วาสนา นาน่วม / ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC)

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...