โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

คดีปั่นหุ้น More จากนี้ไปห้ามกระพริบตา จะออกหัวหรือก้อย อีกไม่นานคงได้รู้กัน

The Better

อัพเดต 22 ก.ย 2567 เวลา 01.58 น. • เผยแพร่ 22 ก.ย 2567 เวลา 00.33 น. • THE BETTER

ห้ามกระพริบตากับคดีปั่นหุ้น MORE ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ หลังพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 42 คน ใน 3 ข้อหาหนักความผิดฐานสร้างราคาหลักทรัพย์ฯ ร่วมกันฉ้อโกงบริษัทหลักทรัพย์ฯ และอั้งยี่ ซ่องโจร โดยสำนวนการสอบสวนส่งถึงพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษไปแล้ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ก.ย.2567 ที่ผ่านมา ป.ป.ง.แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมในคดีปั่นหุ้น More มีการยึดและอายัดทรัพย์เกี่ยวกับการกระทำผิดไว้ชั่วคราว 107 รายการ มูลค่า 3,165 ล้านบาท จากกรณีที่นายอภิมุข บำรุงวงศ์ กับพวกทำคำสั่งซื้อขายหุ้น More อันเป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง ซึ่ง ป.ป.ง.อายัดไปแล้ว 36 รายการ รวมมูลค่าเกือบ 5,400 ล้านบาท ซึ่งมีการตรวจพบอีก 19 รายการจึงมีคำสั่งอายัดเพิ่มอีกกว่า 168 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของข้อหาปั่นหุ้นก็ตรวจพบทรัพย์สินเพิ่มและมีคำสั่งให้อายัดเพิ่มอีก 230 ล้านบาท

คดีปั่นหุ้น More เป็นคดีใหญ่ที่สร้างความเสียหายในระดับประเทศโดนกันทั่วหน้าทั้งในส่วนของบริษัทหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 4,500 ล้านบาท ยังไม่รวมนักลงทุนรายย่อยหรือบรรดากองทัพแมลงเม่าที่โดดเข้ากองไฟร่วมวงไพบูลย์ไปกับเค้าด้วย แต่ละรายบาดเจ็บสาหัสไปตามๆ กัน เพราะราคาหุ้นรูดทะราดลงไปหลายฟลอร์จากราคาวันเกิดเหตุที่ 2.90 บาท วันนี้(20 ก.ย.2567)มูลค่าเหลืออยู่แค่ 0.07 บาทหรือ แค่ 7 สตางค์ ซึ่งยากที่จะประเมินมูลค่าความเสียหายที่ชัดเจนได้

บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ More มีชื่อของนายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ หรือเฮียม้อ เป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่ 2 จำนวน 25.24% แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าเฮียม้อนี่แหละคือเจ้าของ More ตัวจริง และเป็น 1 ในผู้ถูกกล่าวโทษในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง สร้างราคา(ปั่นหุ้น)และอั้งยี่ซ่องโจร แต่ไม่โดนคดีฟองเงินเพราะไม่มีธุรกรรมทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงเฮียม้อ ในขณะที่นายอภิมุข บำรุงวงศ์ หรือปิงปอง คนสนิทของเฮียม้อ ผู้ต้องหาอันดับที่ 1 ปัจจุบันหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ โดยทุกข้อหารวมทั้งคดีฟอกเงินถูกอายัดทรัพย์สินทุกบัญชี

คดีนี้พบพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE อย่างต่อเนื่อง ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ ทำการส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะทำให้สภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด และเข้าข่ายทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ MORE อันเป็นความผิดฐานสร้างราคาหลักทรัพย์ รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 800 ล้านบาท นอกจากนี้การกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ยังเป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงบริษัทหลักทรัพย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 4,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ความผิดปกติของการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ที่พบในวันที่ 10 พ.ย. 2565 มีสภาพการซื้อขายผิดปกติ โดยมีราคาปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่เปิดตลาด +4.3% จากราคาปิดในวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งวันที่สูงมากถึง 7,143 ล้านบาท (ขณะที่ 30 วันก่อนหน้าเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 360 ล้านบาท) ทั้งนี้ ในช่วงที่เปิดตลาด มีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 1,500 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ เกือบ 4,500 ล้านบาท

นอกจานี้ยังมีลักษณะของการส่งคำสั่งซื้อขายที่ผิดปกติ คือฝั่งซื้อ พบว่า เป็นการส่งคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อเพียง 1 รายคือนายปิงปอง ผ่านบริษัทสมาชิกหลายแห่งที่ราคา 2.90 บาท ขณะที่ฝั่งขาย พบว่า มีการส่งคำสั่งขายเป็นจำนวนมากจากผู้ขายหลายรายที่ระดับราคาใกล้เคียงกับราคาเสนอซื้อ โดยมีจำนวนที่สั่งขายตั้งแต่ประมาณ 70 ล้านหุ้น/ราย ไปจนถึงประมาณ 600 ล้านหุ้น/ราย

ทันทีเมื่อเปิดตลาด ได้เกิดการจับคู่ซื้อขายกับผู้ขายหลายรายผ่านบริษัทสมาชิกหลายแห่ง หลังจากนั้น ภายในไม่ถึง 20 นาทีหลังเปิดตลาด ราคาได้ทยอยปรับตัวลงจนไปต่ำสุดที่ Floor ที่ราคา 1.95 บาท และปิดตลาดที่ราคาดังกล่าว ถัดมาในวันที่ 11 พ.ย. 2565 เปิดตลาดที่ราคา Floor ทันทีที่ราคา 1.37 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง โดยลดเหลือเพียง 134 ล้านบาท จากกว่า 7,000 ล้านบาทในวันก่อนหน้า

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ 1 ในผู้ถูกกล่าวหาในครั้งนี้มีชื่อของนายเอกภัทร หรือคิม พรประภา ไฮโซคนดังร่วมอยู่ด้วย โดยนายคิม ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับนางอรพินธุ์ พรประภา มารดาของนายคิม และนายอธิภัทร พรประภา พี่ชาย โดยในวันเกิดเหตุนายคิมขายหุ้น More ออกไปในวันดังกล่าวมูลค่ารวมกว่า 1,808 ล้านบาท ขณะที่นายอธิภัทรขาย ออกไป 529 ล้านบาทเศษ และนางอรพินธุ์ขายออกไป 122 ล้านบาท รวมยอดขายหุ้น More ของนามสกุลพรประภาทั้ง 3 คนมูลรวมค่ากว่า 2,476 ล้านบาท

หลังนายคิมตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าว ก็ได้เปิดแถลงข่าวในวันที่ 1 ธ.ค.2565 ยืนยันว่าตนเองและครอบครัวนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการกับการกระทำผิดดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งนายอธิภัทรและนางอรพินธุ์ ได้ตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเสียหายอย่างมาก เพราะครอบครัวมีผู้ดูแลการลงทุน วงเงิน 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งหากจะมีการซื้อขายหุ้นนของตนและครอบครัว จะต้องแจ้งและขอความยินยอมก่อนทุกครั้ง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น ตนเงและครอบครัวอยู่ระหว่างเดินทางไปทำธุรกิจในต่างประเทศหลายวัน ทางผู้ดูแลลงทุนได้มีคำสั่งขายหุ้น MORE ออกไปโดยไม่ได้แจ้งหรือขอความยินยอมก่อน ทำให้ตนเองและครอบครัวไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานายคิมก็ยังดำเนินชีวิตตามไสตล์ไฮโซหนุ่มที่นิยมสะสมรถยนต์ระดับ Hyper Car ตามปกติ โดยในวันที่ 10 มิ.ย.2566 ปรากฏภาพของคิม พรประภา เดินทางไปรับรถไฮเปอร์คาร์ Lamborghini Countach LPI 800-4 มูลค่า 400 ล้านบาท ด้วยตนเอง นอกจากนี้ก็ยังปรากฎภาพของนายคิมไปร่วมงานแสดงรถระดับ Hyper Car สัญชาติสวีเดนอย่างรถ Koenigsegg CC850 ราคาคันละ 500 ล้านบาท รวมทั้ง BUGATTI ที่ราคาไม่น้อยหน้า 2 แบรนด์แรก

คดีปั่นหุ้น More มีการแยกฟ้องเป็นคดีอาญา(ฉ้อโกง,สร้างราคา,อั้วยี่ซ่องโจร)กับคดีแพ่งที่ ป.ป.ง.อายัดทรัพย์ไว้กว่า 5,400 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของคดีอาญาอยู่ในขั้นการพิจารณาของอัยการ ซึ่งคำโต้งแย้งข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 42 ราย รวมทั้งนายคิมจะฟังขึ้นหรือไม่ อยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ว่าจะมีความเห็นสั่งฟ้องต่อศาลหรือไม่ ซึ่งผลของคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องในคดีอาญาจะมีผลเชื่อมโยงไปยังคดีแพ่งที่มีคำสั่งอายัดทรัพย์เอาไว้กว่า 5,400 ล้านบาทแน่นอน และคนที่ต้องลุ้นตัวโก่งก็คือบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหลายที่อนุมัติวงเงินให้กับปิงปอง ซึ่งก็คงต้องฝากความหวังไว้กับท่านวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ คนปัจจุบัน คดีนี้จะออกหัวหรือก้อย อีกไม่นานเกินรอคงได้รู้กัน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...