โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

‘เอกา โกลบอล’ ปักธงรุกตลาดอินเดีย เสริมแกร่งพอร์ตสินค้าแบรนด์ท็อป5ของโลก

ไทยโพสต์

อัพเดต 07 ต.ค. 2567 เวลา 14.59 น. • เผยแพร่ 07 ต.ค. 2567 เวลา 07.59 น.

การบริโภคที่ขยายตัวทั่วโลกในกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน และอาหารสัตว์เลี้ยง ส่งผลให้ธุรกิจแพ็กเกจจิ้งมียอดขายที่เติบโตตามไปด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มแพ็กเกจจิ้งยืดอายุอาหารซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างมากจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความสะอาด และความปลอดภัยขั้นสูง พร้อมจุดเด่นของความสามารถในการรักษาคุณภาพอาหารที่จัดเก็บในอุณหภูมิปกติได้นานสูงสุดถึง 2 ปีโดยที่รสชาติไม่เปลี่ยน

ปี 2569 ยอดขายโต 2 เท่าตัว

กลุ่มบริษัท เอกา โกลบอล จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจด้านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดพลาสติกขึ้นรูปท็อป 5 ของโลก โดย นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า ความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในหมวดอาหารประเภทอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) และอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม (Pet-Food) ทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจ โดยวางเป้าหมายฐานลูกค้าในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และทั่วภูมิภาคเอเชีย เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย จีน อินเดีย และฟิลิปปินส์ โดยตลาดหลักของบริษัทอยู่ที่สหรัฐอเมริกา สัดส่วน 50-60%

ดังนั้น มั่นใจว่ายอดขายของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2569 โดยมีกลยุทธ์สำคัญคือ การพัฒนานวัตกรรมและบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารเพื่อความยั่งยืนใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพความแข็งแกร่ง รวมถึงการลงทุนโรงงานใหม่ในประเทศอินเดีย และการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก ซึ่งปัจจุบัน เอกา โกลบอล มีโรงงานใน 3 ประเทศ คือ ในประเทศไทย 1 แห่ง ประเทศจีน 2 แห่ง และอินเดีย 1 แห่ง ที่เมืองปูเน่ (PUNE) ซึ่งเปิดไลน์การผลิตสินค้าในเดือนมีนาคม 2567

“ความสำเร็จของ ‘เอกา โกลบอล’ ดังกล่าวมาจากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่เน้นการแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภค และสนับสนุนผู้ประกอบการให้เติบโตสามารถส่งสินค้าไปขายในต่างประเทศด้วยบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับบริษัทผู้ผลิตอาหารอย่างต่อเนื่องในการพัฒนานวัตกรรมแพ็กเกจจิ้งร่วมกัน เพื่อให้ได้สินค้าที่ดีไซน์ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตเติบโตกว่า 2,850 ล้านชิ้นต่อปี พร้อมมุ่งมั่นสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความเป็นท็อป 5 ของโลกในตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร” นายชัยวัฒน์ กล่าว

รุกตลาดอินเดีย

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและตลาดต่างประเทศอื่นๆ รวมถึงตลาดเกิดใหม่เผชิญกับความไม่มั่นคง มีความเสี่ยงต่อการลงทุน ต่างจากอินเดีย ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก เป็นรองจากสหรัฐอเมริกา จีน เยอรมนี และญี่ปุ่น และมีฐานผู้บริโภคในประเทศขนาดใหญ่ ทำให้อินเดียเป็นตลาดที่น่าสนใจและกำลังดึงเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนทั่วโลก ดังนั้นบริษัทจึงตัดสินใจลงทุนที่อินเดีย

และด้วยจำนวนประชากรมากกว่าพันล้านคน ซึ่งเป็นฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ นอกจากนี้อินเดียยังมีกลุ่มประชากรวัยทำงานที่มีการศึกษาสูงและมีทักษะที่ดี เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่าในปี 2570 ประชากรกว่า 100 ล้านคนจะกลายเป็นคนร่ำรวยที่มีรายได้เฉลี่ยสูงกว่า 10,000 ดอลลาร์ต่อปี ทำให้ตลาดผู้บริโภคของอินเดียมีศักยภาพสูงและใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐและจีน

“เศรษฐกิจอินเดียเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้นมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ หรือ GDP เฉลี่ย 7% ต่อปี ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้เติบโตสูงถึง 7.76% จากปีก่อน ขณะที่แนวโน้มในอนาคตจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการและผู้ผลิตอาหารที่จะเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะตลาดบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 ที่ผ่านมานั้น มีการเติบโตถึงเท่าตัว” นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ด้วยกำลังซื้อขนาดใหญ่ทำให้ตลาดอาหารของอินเดียเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับพฤติกรรมการบริโภคของคนอินเดียนอกจากการบริโภคอาหารมื้อหลักแล้ว ยังนิยมทานขนมหวาน ทำให้เอกา โกลบอล มองเห็นการเติบโตของผู้ประกอบเอสเอ็มอีในอินเดียที่มากขึ้นทุกปี จากระดับคำสั่งซื้อหลักพันชิ้นเป็นหมื่นชิ้นต่อเดือน จึงเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองปูเน่ ประเทศอินเดีย มูลค่าการลงทุน 200 ล้านบาท เปิดดำเนินงานไปเมื่อเดือนมีนาคม 2567 และจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ยืดอายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เอกา โกลบอล มีอัตราการเติบโตมากกว่า 100% ต่อปี โดยเฉพาะอาหารขนมหวานท้องถิ่นพร้อมรับประทาน มีอัตราคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าเอสเอ็มอีธุรกิจขนมหวานในอินเดียกว่า 300-400 ราย และมีคำสั่งซื้อเฉลี่ยต่อรายเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่าหมื่นชิ้นต่อเดือน มั่นใจภายใน 5 ปี บริษัทจะมีรายได้ 2,400 ล้านรูปี หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท

“โรงงานแห่งใหม่ที่อินเดียจะรองรับการขายภายในอินเดีย ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงสุดเป็น 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตในไทย และปีนี้อินเดียเป็นตลาดสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายรวมทั้งปีนี้ของบริษัทให้เติบโตกว่า 10-15% แตะ 1,200 ล้านบาทได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน”

กรีนโปรดักต์

อย่างไรก็ตาม ทุกผลิตภัณฑ์ของเอกา โกลบอล รีไซเคิลได้ 100% เรายังมีบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม หรือกรีนโปรดักต์ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ Bioplastic (PLA) บรรจุภัณฑ์ Biodegradable ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมดและสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) หรือเรซินรีไซเคิล ฯลฯ บรรจุภัณฑ์แห่งอนาคตจะเป็นตัวช่วยที่ดีให้กับผู้ผลิตอาหารสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพราะนอกจากจะตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าดูดียิ่งขึ้น และเป็นตัวช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น หรือจะส่งออกไปต่างพื้นที่ ต่างภูมิภาค หรือต่างประเทศก็ได้ ช่วยลดต้นทุนการผลิตและขนส่งด้วย.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...