โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ทรัมป์ประกาศเก็บภาษี 25% กับรถยนต์ที่ไม่ได้ประกอบในสหรัฐ เริ่ม 2 เม.ย.นี้

เดลินิวส์

อัพเดต 27 มี.ค. เวลา 10.32 น. • เผยแพร่ 27 มี.ค. เวลา 00.34 น. • เดลินิวส์
ทรัมป์ประกาศเก็บภาษี 25% กับรถยนต์ที่ไม่ได้ประกอบในสหรัฐ เริ่ม 2 เม.ย.นี้
สหรัฐจะเก็บภาษีกับรถยนต์ที่ผลิตในต่างประเทศอีก 25% ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. ขณะที่การเก็บภาษีชิ้นส่วนยานยนต์ จะมีผลในอีก 1 เดือนหลังจากนั้น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันจะขึ้นภาษีรถยนต์ที่ผลิตและนำเข้าจากต่างประเทศ ในอัตราอีก 25% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. ที่จะถึง ส่วนการเก็บภาษีชิ้นส่วนรถยนต์ในอัตราเท่ากัน จะมีผลในเดือน พ.ค. และบังคับใช้ "เป็นการถาวร" เพื่อเพิ่มรายได้และลดภาระหนี้ของสหรัฐ

ปัจจุบัน ประมาณ 50% ของรถยนต์ที่จำหน่ายในสหรัฐ เป็นสินค้าซึ่งประกอบภายในประเทศ ในส่วนของรถยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศนั้น ครึ่งหนึ่งมาจากแคนาดาและเม็กซิโก ส่วนที่เหลือมาจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเยอรมนี ซึ่งล้วนเป็นประเทศพันธมิตรและคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ จึงมีการวิเคราะห์ว่า มาตรการภาษีครั้งนี้ จะยิ่งเพิ่มความตึงเครียดให้กับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ กับกลุ่มประเทศเหล่านี้

ก่อนหน้านี้ สมาคมอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์แห่งชาติของเม็กซิโก (ไอเอ็นเอ) ซึ่งมีสมาชิกเป็นโรงงานประกอบชิ้นส่วนยานยนต์มากกว่า 700 แห่งในประเทศ ออกแถลงการณ์ว่า มาตรการกำแพงภาษี 25% ของสหรัฐ จะทำให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์สูงขึ้น ซึ่งรวมถึงราคาชิ้นส่วนและอะไหล่ต้องสูงขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ ไอเอ็นเออธิบายว่า การประกอบรถยนต์ของอเมริกาเหนือ ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ คือ สหรัฐ เม็กซิโก และแคนาดา ตามกรอบความร่วมมือการค้าไตรภาคีระหว่างสามประเทศ ในชื่อ "ยูเอสเอ็มซีเอ" โดยต้องมีการลำเลียงชิ้นส่วนเดินทางข้ามพรมแดนสูงสุด 8 รอบ กว่าจะได้รถยนต์คันหนึ่งออกมา

ดังนั้น มาตรการกำแพงภาษีของรัฐบาลทรัมป์ อาจส่งผลให้รถยนต์ที่จำหน่ายในสหรัฐ มีราคาแพงขึ้นเฉลี่ยคันละ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 102,029.99 บาท)

เมื่อไม่นานมานี้ นายจิม ฟาร์ลีย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของฟอร์ด มอเตอร์ ออกมาแสดงความไม่พอใจ ที่ผู้นำสหรัฐขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากทั่วโลก ในอัตรา 25% ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา และเตือนว่า จะส่งผลกระทบต่อการบูรณาการของห่วงโซ่อุปทานระหว่างสหรัฐกับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะแคนาดาและเม็กซิโก.

เครดิตภาพ : AFP