โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

อาชญากรรม

จ่อเรียก"ดิว อริสรา"เป็นพยานคดีดอลลาร์ปลอม เจ้าตัวโพสต์เซ้งร้านทำเล็บ

Amarin TV

เผยแพร่ 25 มี.ค. เวลา 07.34 น.
จ่อเรียก
ตำรวจ สน.ยานนาวาเตรียมเรียก “ดิว อริสรา” เป็นพยานคดีแลกดอลลาร์ปลอมในฐานะพยาน เจ้าตัวโพสต์เซ้งร้านทำเล็บ 1.5 ล้านบาท

ตำรวจ สน.ยานนาวาเตรียมเรียก “ดิว อริสรา” เป็นพยานคดีแลกดอลลาร์ปลอมในฐานะพยาน เจ้าตัวโพสต์เซ้งร้านทำเล็บ 1.5 ล้านบาท

พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ยานนาวา ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ในวันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีแลกแบงค์ดอลลาร์ปลอม จำนวน 7 ราย ซึ่งหนึ่งในนี้มี ดิว อริสรา รวมอยู่ด้วย โดยเรียกให้ทั้งหมดมาให้ปากคำเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในฐานะพยาน

โดยเบื้องต้นได้รับการประสานจากพยานบางคนว่า จะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ แต่ยอมรับว่า พยานบางคนอาจจะขอเลื่อนพบพนักงานสอบสวน เนื่องจากไม่อยากจะพบสื่อมวลชนที่มาปักหลักรอทำข่าว ซึ่งหากใครที่เลื่อนพบพนักงานสอบสวน ก็จะดำเนินการออกหมายเรียกครั้งถัดไป

โดยเมื่อช่วงเช้ามีนายโอ๊ต เป็นบอดี้การ์ดของดาราสาว ที่เป็นคนคุ้มกันเงิน เข้ามาให้ปากคำ โดยได้ให้การที่เป็นประโยชน์ที่สามารถนำไปขยายต่อได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ดิว อริสรา นั้น ยังไม่ได้มีการประสานเข้ามาพบตามหมายเรียกแต่อย่างใด แต่ยืนยันว่า ทางตำรวจได้ส่งหมายเรียกและติดต่อไปยัง ดิว อริสรา แล้ว

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าพยานทั้ง 7 คนนั้น มีบางรายที่มีประวัติถูกออกหมายจับค้างเก่าและมีประวัติถูกดำเนินคดีทางอาญาในคดีฉ้อโกง ยักยอก และเมาแล้วขับ แต่ต้องตรวจสอบว่า เคยถูกจับกุมตามหมายจับนั้น ๆ แล้วหรือไม่ ทั้งนี้ ยังไม่พบว่าแต่ละคนเคยมีประวัติถูกดำเนินคดีหรือออกหมายจับในคดีเรื่องเงินปลอมแต่อย่างใด

ส่วนการเรียกมาสอบปากคำในครั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำใน 2 ประเด็น ทั้งประเด็นในเรื่องที่เคยมาแจ้งความเกี่ยวกับการกักขังหน่วงเหนี่ยวและประเด็นในเรื่องดอลลาร์ปลอม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงของทั้ง 2 คดี อย่างครบถ้วนและรอบด้าน โดยมุ่งเน้นแสวงหาพยานหลักฐานเป็นหลัก ก่อนจะพิจารณาต่อไปว่ามีใครกระทำความผิดเรื่องอะไรบ้างและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับประเด็นแรก ในเรื่องการแจ้งความกักขังหน่วงเหนี่ยวนั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้มีการโทรแจ้งความลงบันทึกประจำวันโดยพ่อของผู้เสียหายหรือ น.ส.เกด ครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 ว่าลูกหายไป จึงได้ให้ไปตรวจสอบที่โรงแรมย่านสาทร ก่อนที่ต่อมาวันที่ 27 กันยายน ทางตำรวจได้ไปตรวจสอบและพบเจอผู้เสียหายจริง จึงพาผู้เสียหายมาที่ สน.ยานนาวา จากนั้นได้รับการยืนยันจากผู้เสียหายว่า จะถอนแจ้งความ โดยให้เหตุผลว่าเป็นการเข้าใจผิด แต่หลังจากนั้นวันที่ 30 กันยายน เกดได้เดินทางกลับมาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อขอลงบันทึกประจำวันเอาผิดกับกลุ่มในโรงแรม แต่ขอให้มีการเจรจาก่อน ต่อมาวันที่ 3 ตุลาคม 2567 เกดก็ได้เดินทางกลับมาอีกครั้งพร้อมแจ้งความเอาผิดดิว อริสราและพวก ฐานกักขังหน่วงเหนี่ยว จึงทำให้ตำรวจทราบว่า มีดิว อริสราอยู่ในคดีดังกล่าวด้วย

นั่นจึงเป็นเหตุทำให้ในวันนี้ ทางพนักงานสอบสวนต้องเรียกสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีการกักขังหน่วงเหนี่ยวกันจริงหรือไม่ เพราะผู้เสียหายแจ้งความกลับไปกลับมาและให้การในตอนนั้นสับสน หากพบว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ก็จะพิจารณาดำเนินคดีกับผู้เสียหายในข้อหาแจ้งความเท็จต่อไป แต่หากพบว่าได้ดังกล่าวเป็นความจริง ก็จะดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง

สำหรับประเด็นที่ 2 ในเรื่องการแลกเงินดอลลาร์ปลอมนั้น เนื่องจากที่ผ่านมาตลอด 7 เดือน ยังไม่เคยมีการแจ้งความร้องทุกข์ในเรื่องเงินดอลลาร์ปลอมแต่อย่างใด เรื่องราวดังกล่าวเพิ่งมาปรากฏหลังจากที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ทั้งหมดไปออกรายการดังช่องหนึ่ง

นั่นจึงทำให้ตำรวจต้องเข้ามาสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะเนื่องจากมีประเด็นที่ว่า ยังไม่พบของกลางที่เป็นเงินดอลลาร์มูลค่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 99 ล้านบาท และยังไม่พบของกลางที่เป็นเงินดำหรือเงินปลอมตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง อีกทั้งยังไม่พบว่า มีใครให้ข้อมูลเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของชายชาวจีนและชายผิวสีที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ครั้งนี้

จึงเป็นเหตุทำให้พนักงานสอบสวนต้องทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง โดยเฉพาะที่ว่า ประเด็นที่มาของเงินว่ามาจากใครและเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก่อนนำไปสู่การดำเนินคดีบุคคลที่อาจจะกระทำความผิดต่อไป ส่วนภาพที่เปิดเผยในรายการในลักษณะการตรวจสอบเงิน อยู่ในระหว่างการตรวจพิสูจน์ว่า เป็นภาพของจริงหรือมีการตัดต่อหรือไม่

ทั้งนี้ ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ได้ดำเนินการสอบปากคำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พนักงานโรงแรม และผู้มีส่วนร่วมในวันเกิดเหตุ รวมถึงสามารถเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดมาเป็นพยานหลักฐานได้แล้ว แต่ในทางคดีนั้นจะต้องทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมทั้งประเด็นเรื่องของการกักขังหน่วงเหนี่ยวและการแลกเงินดอลลาร์ปลอม โดยยืนยันว่าจะทำเรื่องดังกล่าวให้ปรากฏความจริงแก่สังคม แต่ต้องให้เวลาพนักงานสอบสวนในการทำงานสักระยะ ข้อมูลบางประการอาจจะไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากอยู่ในสำนวนการสอบสวน

ขณะที่ล่าสุดพบว่า ดิว อริสรา ออกมาเคลื่อนไหวผ่าน instagram โดยโพสต์ผ่าน Story เซ้งร้านทำเล็บในราคา 1.5 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการ Seen Space Thonglor 13

พร้อมข้อความว่า “สาวๆคนไหนฝันอยากมีร้านทำเล็บเป็นของตัวเอง มีอุปกรณ์ครบ ทำเลดี” และข้อความ “ดิวขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ประกาศเซ้งร้านทำเล็บที่ดิวรักมากๆ” ซึ่งมีการโพสต์ภาพร้านทำเล็บในมุมต่างๆ พร้อมระบุว่าราคาต่อรองกันได้