Design Research Day: เปิดโลกนวัตกรรมเปลี่ยนอนาคต
ในโลกที่การออกแบบไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสวยงาม แต่คือเครื่องมือที่ช่วยแก้ปัญหาและสร้างผลกระทบต่อสังคม Design Research Day โดย CEA ได้เปิดเวทีให้เหล่านักออกแบบ นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา มาร่วมนำเสนอแนวคิดและนวัตกรรมที่กำลังเปลี่ยนแปลงอนาคต
ตั้งแต่การศึกษาสถาปัตยกรรมตึกแถวเก่าในนครศรีธรรมราชเพื่อการอนุรักษ์ ไปจนถึงการพัฒนา VR Game เพื่อสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม ทุกโปรเจ็กต์สะท้อนให้เห็นถึงพลังของการออกแบบที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นมุมมองทางศิลปะ เทคโนโลยี หรือแนวคิดเพื่อสังคม
“คิด” Creative Thailand ได้รวบรวมสาระสำคัญ พร้อมสรุปเนื้อหามาให้คุณได้ค้นพบแนวทางใหม่ ๆ ที่จะพลิกโฉมอนาคต ผ่านงานออกแบบและงานวิจัยสุดล้ำในงานนี้!
คุณรักสิริ แก้วเทวี ผู้รักษาการแทนหัวหน้าสถานวิจัยและผู้ช่วยคณบดี ฝ่ายกิจการต่างประเทศ สำนักวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ และการออกแบบ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
1. “Shophouse Facades on Ratchadamnoen Road in Southern Thailand: A Taxonomic Study to Produce a Dataset for AI Modelling”
คุณรักสิริ แก้วเทวี ผู้รักษาการแทนหัวหน้าสถานวิจัยและผู้ช่วยคณบดี ฝ่ายกิจการต่างประเทศ สำนักวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ และการออกแบบ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
นครศรีธรรมราชเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม นอกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างวัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) แล้ว ยังมีพื้นที่เมืองเก่าที่มีเสน่ห์ โดยเฉพาะย่าน "ท่าวัง" ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าทางเรือในอดีตที่มีตึกแถวโบราณเรียงรายตลอดแนวถนนราชดำเนิน ตึกแถวเมืองเก่าของนครศรีธรรมราชเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์เมืองที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์
ซึ่งการได้ศึกษาวิจัยในครั้งนี้ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของสถาปัตยกรรมตึกแถวรวมถึงแนวทางในการรักษาอัตลักษณ์ของพื้นที่เมืองเก่า โดยงานวิจัยของเราจะมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจและหาแนวทางอนุรักษ์ตึกแถวเหล่านี้ให้ยั่งยืน และเป็นแนวทางในการพัฒนาเมืองเก่าให้คงอยู่ร่วมกับชุมชนต่อไป”
และแม้ว่าการศึกษานี้จะมุ่งเน้นที่นครศรีธรรมราช แต่แนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่เมืองเก่าอื่นๆ ได้ เช่น กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองที่มีอัตลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจเช่นกัน
และเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์อัตลักษณ์ของย่านเก่า สำนักวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จึงได้จัดกิจกรรม Workshop “Old Town - Your Vision” ย่านพระนคร กรุงเทพมหานคร ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สำรวจและเรียนรู้เกี่ยวกับอัตลักษณ์ของพื้นที่ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดการรับรู้และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์อัตลักษณ์ของย่านเก่า เข้าใจในความเป็นพื้นถิ่นเมือง (Urban Vernacular) ผ่านองค์ประกอบที่เกิดจากการใช้งานจริงของคนในชุมชนที่ทำให้ย่านเก่าเหล่านี้ยังคงมีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์
เราต้องหาวิธีที่จะอยู่ร่วมกับตึกแถวเหล่านี้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงรักษาไว้ แต่ต้องทำให้มีชีวิตต่อไป
คุณพงศ์ภัค สงวนดีกุล นักศึกษาปริญญาโท CTO at Muland | UX/UI Designer | Product Designer สถาบันวิทยาลัยดุสิตธานี
2. “ประสบการณ์มูเตลูในโลกเสมือนจริง”
คุณพงศ์ภัค สงวนดีกุล
นักศึกษาปริญญาโท CTO at Muland | UX/UI Designer
Product Designer สถาบันวิทยาลัยดุสิตธานี
แอปพลิเคชัน MuLand เป็นแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริงและแพลตฟอร์มดิจิทัลได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องเผชิญปัญหาการเดินทางหรือข้อจำกัดด้านเวลาอีกต่อไป ซึ่งจุดเริ่มต้นของ MuLand มีแนวคิดจากการที่ทีมงานต้องการพัฒนาแอปฯ สายมูที่เชื่อมโยงความเชื่อและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน โดยได้นำไอเดียนี้เข้าสู่การแข่งขัน Startup Thailand League 2024 ซึ่งในรอบคัดเลือกจาก 30 ทีม วิทยาลัยดุสิตธานีสามารถเข้าถึง 5 ทีมสุดท้าย และก้าวไปแข่งขันในระดับภูมิภาค จนกระทั่งได้รับทุนสนับสนุนจาก NIA (สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ) เพื่อพัฒนาตัวแอปพลิเคชันอย่างจริงจัง
ซึ่งในช่วงระหว่างการพัฒนา ก็ได้ค้นพบ Pain Point ใหม่ของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการทำบุญ แต่ติดปัญหาเรื่องการจองคิว ทางทีมงานจึงพัฒนาฟีเจอร์ “จองคิวทำบุญ” เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าร่วมพิธีกรรมและกิจกรรมมูเตลูได้สะดวกยิ่งขึ้น และหากคุณต้องการไปไหว้พระ ขอพร หรือแก้บน แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน หรือไม่แน่ใจว่าต้องปฏิบัติอย่างไร แอปพลิเคชันนี้จะช่วยทำให้คุณรู้สึกว่าการมูเตลูนั้นง่ายนิดเดียว
โดยแอปพลิเคชันมี 3 การใช้งานหลักที่น่าสนใจสำหรับสายมูเตลู คือ 1) ผู้ใช้สามารถเลือกสถานที่ที่ต้องการทำพิธีกรรมได้ตามใจ 2) เข้าร่วมพิธีผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริงเพื่อสร้างประสบการณ์ที่สมจริง 3.) แบ่งปันประสบการณ์ของตนเองหลังจากเข้าร่วมพิธีกรรมลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยในอนาคต MuLand มีแผนที่จะพัฒนาให้รองรับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเติม รวมถึงการปรับปรุงการใช้งานต่างๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น
การพัฒนา MuLand สอนให้เรารู้ว่า เทคโนโลยีไม่ได้มาแทนที่วัฒนธรรม แต่มันช่วยรักษาและต่อยอดให้เข้ากับยุคสมัย ทำให้ทุกคนเข้าถึงประสบการณ์มูเตลูได้ง่ายขึ้น
คุณจุติกรานต์ อังคพนมไพร Previsualization Manager RiFF Animation Studio
3. “A Desktop VR Game-Cards Discovery Learning to Enhance Environmental Literacy”
จุติกรานต์ อังคพนมไพร
Previsualization Manager RiFF Animation Studio
โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ Virtual Reality (VR) ผสมผสานกับ เกมการ์ด กระตุ้นการเรียนรู้เชิงโต้ตอบที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เล่นสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ได้สำรวจและแก้ปัญหาผ่านการ์ด ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับประเด็นสำคัญ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า, การจัดการขยะ, มลพิษทางน้ำ และมลพิษทางอากาศ
โดยเกมนี้จะใช้แนวคิด Discovery Learning ให้ผู้เล่นได้สำรวจและเรียนรู้ด้วยตนเอง กระตุ้นให้เกิดการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา โดยจากการทดสอบกับนักเรียนมัธยมปลายพบว่า คะแนนความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมของผู้เล่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงเจตคติและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมดีขึ้น แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีสภาพแวดล้อมเสมือนจริงสามารถช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีศักยภาพในการนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการศึกษาในอนาคตได้อีกด้วย
เทคโนโลยีเสมือนจริงไม่ได้มาแทนที่การเรียนรู้แบบเดิม แต่มันช่วยเติมเต็ม ทำให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ที่จับต้องได้ และเข้าถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง
คุณญาณาริน พากเพียร นักศึกษาปริญญาโท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
4. “นวัตกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคโนโลยีเสมือนผสานความเป็นจริงเสริม ที่ใช้เกมเป็นฐานเพื่อส่งเสริมการเห็นคุณค่าของศิลปะวัฒนธรรมไทย สำหรับวัยรุ่นตอนต้น”
ญาณาริน พากเพียร
นักศึกษาปริญญาโท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โครงการนี้เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ การเรียนรู้ที่ช่วยให้เด็กและเยาวชนได้เข้าใจและเห็นคุณค่าของศิลปะไทยผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยใช้ Game-Based Learning ผสานกับ Museum-Based Learning สร้าง กิจกรรมการเรียนรู้ผ่านเกมและเทคโนโลยีเสมือนจริง สอดคล้องกับกระแส Design Up + Rising ยกระดับการออกแบบเพื่อสร้างการตื่นตัวทางวัฒนธรรม ปลุกกระแสให้ศิลปะไทยกลับมาเป็นที่สนใจของคนรุ่นใหม่
โดยจากการศึกษาพบว่า เด็ก ๆ ให้ความสนใจศิลปะวัฒนธรรมไทยในระดับปานกลางถึงน้อย ซึ่งสิ่งสำคัญที่ส่งผลให้ความสนใจลดลง ได้แก่ Pop Culture จากต่างประเทศ ที่เข้าถึงง่ายผ่านโซเชียลมีเดีย ระบบการศึกษาไทย ที่ไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เด็กยุคใหม่ ขาดการสนับสนุนจากครอบครัวและชุมชน ในการมีส่วนร่วมกับศิลปะไทย ดังนั้นเราจึงออกแบบแนวทางการเรียนรู้ที่ไม่เพียงแต่อนุรักษ์ศิลปะไทย แต่ต้องทำให้ ศิลปะกลับมามีชีวิตและน่าสนใจสำหรับเด็กยุคใหม่
โดยเราได้ออกแบบกิจกรรมมาเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ ผ่าน 4 กิจกรรมหลักและยังได้พัฒนาชุดขุดค้นโบราณคดีสำหรับเด็ก ที่สามารถเรียนรู้ผ่านการเล่นได้ 5 รูปแบบ เช่น การสวมบทบาทเป็นนักโบราณคดี การลงมือขุดค้นจริง ผลิตภัณฑ์นี้สามารถใช้เป็นเครื่องมือช่วยสอนในโรงเรียนและพิพิธภัณฑ์ เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่เข้าถึงเด็กยุคใหม่ได้ง่ายขึ้น
การออกแบบการเรียนรู้มันต้องไม่ใช่แค่อนุรักษ์เท่านั้น แต่เราต้องทำให้มันมีชีวิตและกลับมาน่าสนใจมากขึ้น
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รัชภูมิ ปัญส่งเสริม อาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
5. การพัฒนาตัวพิมพ์ไทยเพื่อทุกคน (Development of Thai Universal Design Font)
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รัชภูมิ ปัญส่งเสริม
อาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ยุคที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) และโลกที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน ปัญหาด้านการมองเห็นและการอ่านจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก โดยมีแนวคิดในการพัฒนาตัวพิมพ์ไทยผ่านโครงการนี้ ที่มีเป้าหมายเพื่อศึกษาข้อดีและข้อจำกัดของตัวอักษรไทยที่มีอยู่ในปัจจุบัน และพัฒนาฟอนต์ไทยที่สามารถช่วยให้ทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาด้านสายตาสามารถอ่านและใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
โดยงานวิจัยนี้มีหลักการออกแบบในการพัฒนาฟอนต์ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ 5 ปัจจัยหลักด้วยกัน คือ ความคมชัดของเส้นและโครงสร้างอักษร การจัดการพื้นที่ว่าง รูปทรงของตัวอักษร ทิศทางและลักษณะของเส้น
ผลลัพธ์จากการทดลองพัฒนาฟอนต์ พบว่า Thai Universal Design Font มีอัตราความถูกต้องในการอ่านสูงกว่าฟอนต์ไทยทั่วไปเมื่อทดสอบภายใต้สภาวะแสงต่ำและเมื่อถูกเบลอ นอกจากนี้ผลลัพธ์ยังแสดงให้เห็นว่าตัวอักษรที่มีเส้นชัดเจนและมีระยะห่างระหว่างตัวอักษรที่เหมาะสม สามารถช่วยให้การอ่านง่ายขึ้น ขนาดเส้นที่เหมาะสมทำให้ตัวอักษรยังคงอ่านได้ชัด แม้ในขนาดที่เล็ก และการปรับรูปทรงบางตัว เช่น การเพิ่มส่วนที่ยื่นออกจากโครงสร้างหลักของตัวอักษร ทำให้ลดความสับสนระหว่างตัวอักษรที่คล้ายกันได้
เราคำนึงถึงปัญหาสายตาในการมองเห็นและการรับรู้ โดยเฉพาะเรื่องการอ่าน ซึ่งมีความสัมพันธ์กับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังจะมาถึง
คุณณฐวลัญช์ เนียมถนอม นักศึกษาปริญญาโท Hyper Island / Ris Impact
6. To What Extent Are Service Design Tools Adopted in The Public sector when applied to Virtual Policy Platforms?
ณฐวลัญช์ เนียมถนอม
นักศึกษาปริญญาโท Hyper Island / Ris Impact
โครงการมุ่งเน้นการนำ เครื่องมือออกแบบบริการ (Service Design Tools) มาใช้ในภาครัฐผ่านแพลตฟอร์มเสมือนจริง โดยศึกษาแนวทางการนำเครื่องมือเหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ แพลตฟอร์มนี้เป็นโปรเจกต์ร่วมกับ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เพื่อเป็นแพลตฟอร์มกลางสำหรับนโยบายภาครัฐ ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบ "Be Design Lab" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถเลือกใช้เครื่องมือออกแบบบริการได้ง่ายขึ้น โดยมีฟังก์ชันสำหรับการทำ Research Process และการปรับใช้แนวคิด Service Design ในโครงการต่าง ๆ ช่วยลดเวลาในการ Onboarding และการ Training ทีมงานเกี่ยวกับเครื่องมือต่าง ๆ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Be Design Lab ได้ถูกปล่อยให้ใช้งานผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเปิดให้หน่วยงานและบุคคลที่สนใจสามารถเข้าใช้งานได้ฟรี
Service Design Tools จำเป็นอย่างมากในช่วงแรกของการพัฒนาโครงการ เพราะมันช่วยให้เราเห็นภาพรวมของกระบวนการทำงาน และช่วยให้ผลิตภัณฑ์เหมาะสมกับผู้ใช้มากขึ้น
Dr. Eric Lung-Chi Lin Assistant Professor Dhurakij Pundit University
7. Exploring the tactile elements for sustainable perfume packaging practice in art and design
Dr. Eric Lung-Chi Lin
Assistant Professor Dhurakij Pundit University
ปัจจุบัน แนวคิดด้านความยั่งยืนเป็นปัจจัยสำคัญในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมน้ำหอม ซึ่งมุ่งเน้นให้ผลิตภัณฑ์สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและดึงดูดผู้บริโภคได้ ไม่เพียงแค่เรื่องของกลิ่น แต่ยังรวมถึงสัมผัสทางกายภาพของตัวบรรจุภัณฑ์ด้วย งานวิจัยนี้สำรวจองค์ประกอบพื้นผิวสัมผัส (Tactile Elements) และแนวทางการใช้วัสดุที่ยั่งยืนในกระบวนการออกแบบบรรจุภัณฑ์น้ำหอมผ่านมุมมองของศิลปะและการออกแบบ โดยเน้นถึงความสำคัญของสัมผัสที่ส่งผลต่อความรู้สึกและพฤติกรรมของผู้บริโภค
หนึ่งในแนวทางหลักของงานวิจัยนี้คือการใช้ วัสดุชีวภาพและวัสดุที่ยั่งยืน เพื่อทดแทนวัสดุสังเคราะห์ที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน เช่น พลาสติกและแก้ว โดยจากการศึกษาเชิงทดลอง พบว่าแม้การใช้วัสดุชีวภาพจะมีข้อดี แต่ก็ยังมีส่วนที่ท้าทายหลายประการเช่นกัน หนึ่งในปัญหาหลักคือ ต้นทุนและความพร้อมใช้งานของวัสดุ บางชนิดยังคงมีต้นทุนสูงและยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในเชิงพาณิชย์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดในเชิงสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และสร้างความแตกต่างในตลาดได้อีกด้วย
การผสมผสานวัสดุชีวภาพ เช่น เปลือกหอย เปลือกไข่ และกากกาแฟ ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเพิ่มมิติด้านสัมผัสที่สร้างความรู้สึกเป็นธรรมชาติและแตกต่างจากวัสดุอุตสาหกรรมทั่วไป
คุณชลธิชา อรุณรุ่งก้าวไกล Design Technology researcher and specialist FabCafe Bangkok
8. Claycelium 3D Printing for Adaptive and Sustainable Architecture
ชลธิชา อรุณรุ่งก้าวไกล
Design Technology researcher and specialist FabCafe Bangkok
การวิจัยนี้เน้นไปสามองค์ประกอบหลักได้แก่ไมซีเลียม (Mycelium) หรือหัวเชื้อของเห็ด, Claycelium Mold วัสดุ Composite ที่เกิดจากการผสมระหว่างไมซีเลียมและดินเหนียว Robotic 3D Printing การพิมพ์แบบสามมิติด้วยแขนหุ่นยนต์ รวมถึงแนวทางการนำไปใช้ในสถาปัตยกรรม โดยงานวิจัยนี้ได้นำเสนอการใช้งานที่แตกต่างกันสำหรับงานสถาปัตยกรรม 3 ระดับ 1) Modular Fabrication Scale การพิมพ์ชิ้นงานแบบแยกโมดูล แล้วนำมาประกอบในภายหลัง 2) Large-Scale Modular Construction การพิมพ์แบบต่อเนื่อง เพื่อให้ได้โครงสร้างขนาดใหญ่ขึ้นและ 3) On-Site Robotic Printing การติดตั้งหุ่นยนต์ ณ สถานที่ก่อสร้างเพื่อลดต้นทุนด้านขนส่งและกระบวนการบ่มเชื้อก่อนติดตั้งจริง
นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าการผสาน Bio-materials กับ เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับการออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่สามารถปรับตัวและเติบโตได้ แนวคิดนี้ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างอาคาร แต่เป็นการ "ปลูก" สถาปัตยกรรม ที่สามารถเจริญเติบโตและพัฒนาไปพร้อมกับอนาคตอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน วงการการก่อสร้างสถาปัตยกรรมยังมีการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การหลงเหลือของวัสดุเหลือใช้จากการรื้อถอน รวมถึงมลพิษต่างๆ ดังนั้นเราจึงควรมองหาแนวทางที่ยั่งยืนเพื่อรองรับปัญหาเหล่านี้
คุณเวธนี รุจิขจร Product Designer
9. The future of menstrual taboos in the workplace
เวธนี รุจิขจร
Product Designer
ปัจจุบัน ความเข้าใจเกี่ยวกับ "ประจำเดือน" ในที่ทำงานยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ ในขณะที่ผู้หญิงจำนวนมากต้องเผชิญกับอาการปวดประจำเดือน แต่ในหลายองค์กรกลับไม่มีการพูดถึงหรือให้การสนับสนุนที่เหมาะสมมากพอ หนึ่งในโครงการออกแบบที่น่าสนใจซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นนี้คือ "เก้าอี้สำหรับผู้หญิงที่ปวดท้องประจำเดือนในที่ทำงาน" ซึ่งพัฒนาโดย เวธนี รุจิขจร หรือ ลูกปู นักออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสนใจในประเด็นทางสังคม
โดยโครงการนี้ใช้แนวคิด Double Diamond ซึ่งเป็นกระบวนการออกแบบที่แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ Discover (ค้นคว้าและวิจัย), Define (ระบุปัญหา), Develop (พัฒนาแนวทางแก้ไข) และ Deliver (นำเสนอผลลัพธ์) ซึ่งโครงการออกแบบนี้ใช้แนวคิด Discursive Design เป็นแนวทางการออกแบบที่ไม่ได้เน้นแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการพูดคุยและเปลี่ยนแปลงแนวคิดทางสังคม ซึ่งเป็นสื่อสะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อมผ่านงานออกแบบ โดยหวังว่าแนวคิดนี้จะช่วยลดอคติที่มีต่อประจำเดือน และทำให้ผู้หญิงสามารถพูดถึงอาการของตัวเองได้อย่างเปิดเผยมากขึ้น
Discursive Design ไม่ใช่แค่การออกแบบผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการออกแบบเพื่อท้าทายแนวคิดทางสังคม และทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เราอยากให้ผู้หญิงสามารถพูดถึงประจำเดือนได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด
เรียบเรียงโดย : BKKDW