โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ข้าวที่เกาะแก้วพิสดาร ในพระอภัยมณี

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 08 มี.ค. 2566 เวลา 11.14 น. • เผยแพร่ 27 ธ.ค. 2565 เวลา 09.26 น.

เกาะแก้วพิสดาร

ที่ตั้งของเกาะแก้วพิสดารต้องเอามาจากปากคำของเงือกซึ่งเล่าเป็นกลอนไว้ว่า

อายุข้าห้าร้อยแปดสิบเศษ

จึงแจ้งเหตุแถวทางกลางสมุทร

แม้นจะหนีผีเสื้อด้วยแรงรุทธ

เห็นไม่สิ้นสุดแดนด้วยแสนไกล

แต่โยคีมีมนต์อยู่ตนหนึ่ง

อายุถึงพันเศษถือเพทไสย

อยู่เกาะแก้วพิสดารสำราญใจ

กินลูกไม้เผือกมันพรรณผลา

พวกเรือแตกแขกฝรั่งและอังกฤษ

ขึ้นเป็นศิษย์อยู่สำนักนั้นหนักหนา

ด้วยโยคีมีมนต์ดลวิชา

ปราบบรรดาภูตพรายไม่กรายไป

แม้นพระองค์ทรงฤทธิ์จะคิดหนี

ถึงโยคีเข้าสำนักไม่ตักษัย

เผื่อสำเภาเขาชัดผลัดเข้าไป

ก็จะได้โดยสารไปบ้านเมือง

จากปากคำของนางเงือกนี้ทางหนึ่ง กับเมื่อตอนนางผีเสื้อออกตามพระอภัยไปพบพวกผีพราย มีกลอนว่า “ฝ่ายพวกผีที่อยู่ทิศทักษิณ” อีกทางหนึ่งประกอบกันเข้า ทำให้สันนิษฐานได้ว่าเกาะแก้วพิสดารอยู่ต่อลงมาข้างใต้ถ้ำนางผีเสื้อยักษ์และคงจะไม่ไกลลี้ลับจากถ้ำนางผีเสื้อนัก เพราะในกลอนแสดงว่าจากถ้ำนางผีเสื้อไปถึงที่ใกล้ที่สุดจะมีมนุษย์อยู่ก็เป็นเกาะแก้วพิสดารทีเดียว

ฉะนั้น เกาะแก้วพิสดารจะต้องกำหนดเอาว่าอยู่กลางทะเลที่จะเข้าช่องมะละกา หากดูตามแผนที่ตรงนี้ก็จะเป็นทะเลใหญ่ไม่น้อย แต่ถ้ายิ่งเลื่อนเกาะสุมาตราลงมาเสียอีกได้ หรือไม่ก็เอาออกเสียจากแผนที่เลย ซึ่งสุนทรภู่อาจจะเดาคาดคะเนเอาว่าไม่มีจริงหรือไม่ก็มีอยู่ไกลไหน ๆ มิรู้ แล้วเลื่อนถ้ำนางผีเสื้อกับเกาะแก้วพิสดารลงมาตาม ๆ กันอีกสักพักหน่อย เกาะแก้วพิสดารก็จะยิ่งอยู่ใน “สมุทรทัยซึ้งซึกลึกหนักหนา” สมตามคาดคะแนมากขึ้น

เรื่องคนโบราณนั้นเป็นสิ่งที่เราคนสมัยใหม่ไม่สามารถรู้ความคิดของเขาได้เลย ให้คิดยังไง ๆ ก็ไม่ถึง สุนทรภู่จึงอาจจะคิดลึกซึ้งพิสดารไปอย่างไรก็ได้

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงจะสมมติเอาตามแผนที่จริง ๆ คือให้เกาะแก้วพิสดารอยู่กลางทะเลสุมาตราตอนจะเข้าช่องมะละกาตรงนั้นก็เป็น “สมุทรทัยซึ้งซึกลึกหนักหนา” สำหรับสมัยสำเภาเป็นเจ้าทะเลได้อย่างดี ๆ เหมือนกัน

ในเกาะแก้วพิสดารมีพันธุ์ข้าวชนิดหนึ่ง ซึ่งพระฤๅษีบอกว่า

“อันเกาะแก้วพิสดารสถานนี้

โภชนาสาลีก็มีถม

แต่คราวหลังครั้งสมุทรโคดม

มาสร้างสมสิกขาสมาทาน

เธอทำไร่ไว้ที่ริมภูเขาหลวง

ครั้นแตกรวงออกมาเล่าเป็นข้าวสาร

ได้สืบพืชยืดอยู่แต่บูราณ

จงคิดอ่านเอาเคียวมาเกี่ยวไป”

ก่อนที่จะแต่งเรื่องพระอภัยมณี สุนทรภู่ได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับแขกเพียงใดหรือไม่ ไม่รู้ แต่ชอบกลที่นำเอาเรื่อง ข้าว มากล่าวไว้ในตอนนี้

ในอินโดนีเซียนับถือว่า ข้าว เป็นอาหารสำคัญ (เหมือนไทย) จึงมีนิยายและประเพณีเกี่ยวกับพันธุ์ข้าวซึ่งเขายังถือกันอยู่จนทุกวันนี้ นิยายย่อ ๆ มีว่า

พระพรหม ซึ่งชวาเรียก ปะตาระกาหลา ทรงสร้างนางฟ้าขึ้นนางหนึ่ง มีรูปโฉมงดงาม และจะให้นางเป็นชายา นางไม่ยอม วิญญาณของนางจึงหนีไปจากร่าง

ปะตาระกาหลาทำอย่าไรก็ไม่สามารที่จะให้นางฟื้นขึ้นมาได้ จึงเอาร่างนางมาฝังไว้ที่เกาะชวา

ล่วงมาไม่ช้าก็ปรากฏว่า ณ ที่ตรงหลุมฝังศพนั้นได้เกิดมีพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งงอกขึ้น ไม่มีใครรู้จักว่าต้นอะไร

ร้อนถึงปะตาระกาหลาบนฟากฟ้าต้องเหาะมาบอกว่าให้บำรุงรักษาพันธุ์ไม้ไว้ จะตกรวงออกเมล็ดได้เป็นอาหารของมนุษย์สืบไป

ตามนิยายนี้ ข้าว จึงเป็นอาหารสำคัญของชาวอินโดนีเซีย

เรื่องของข้าวสมุทรโคดมในเกาะแก้วพิสดารของสุนทรภู่ก็เป็นนิยายอีกอันหนึ่งเกี่ยวกับพันธุ์ข้าว การที่นำมาใส่ไว้ตรงเกาะแก้วพิสดาร ซึ่งเท่ากับเป็นหมู่เกาะอินโดนีเซียเกาะหนึ่งนี้จึงดูชอบกลและเหมาะเจาะดีด้วย

[ที่มา : กาญจนาคพันธุ์. ภูมิศาสตร์สุนทรภู่. พิมพ์ครั้งที่ 4. พระนคร : บำรุงสาส์น, 2515]

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

หมายเหตุ : คัดเนื้อหาจาก ‘ข้าวที่เกาะแก้วพิสดาร ในพระอภัยมณี’ ในหนังสือ “ข้าวปลาหมาเก้าหาง : ประชุมคำบอกเล่าเก่าแก่เกี่ยวกับกำเนิดต้นข้าว” บรรณาธิการโดย สุจิตต์ วงศ์เทศ (มติชน, 2546)

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 27 ธันวาคม 2565

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...