กทม. ใช้วิธี pipe jacking ขนส่งน้ำผ่านเกาะกลาง เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำบนถนนสายหลัก
พล.ต.อ.อัศวินขวัญเมืองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเปิดเผยว่ากทม. กำลังดำเนินการก่อสร้างท่อขนส่งน้ำในผิวจราจรบริเวณเกาะกลางด้วยวิธีดันท่อหรือPIPE JACKING ตามโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำในถนนสายหลักระยะที่1 ในพื้นที่ลุ่มต่ำและเป็นจุดเฝ้าระวังปัญหาน้ำท่วม11 จุดซึ่งมักเกิดปัญหาน้ำท่วมขังเป็นเวลานานอยู่เสมอแม้มีปริมาณฝนตกสะสมที่ไม่เกิน80 มม.ต่อวันโดยPIPE JACKING คือการสร้างบ่อใต้ดินสำหรับรองรับน้ำเวลาฝนตกและระบายน้ำออกจากพื้นที่ผ่านแนวท่อใต้ดินจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งทั้งนี้การก่อสร้างจะขุดเปิดผิวจราจรเฉพาะจุดก่อสร้างบ่อรับน้ำโดยจะดำเนินการในเวลากลางคืนตั้งแต่เวลา22.00–04.00 น. ของวันใหม่และจะคืนผิวจราจรชั่วคราวให้สามารถสัญจรผ่านได้ในเวลากลางวันเพื่อให้ส่งกระทบต่อการเดินทางของพี่น้องประชาชนน้อยที่สุด
อนึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าวภายในเดือนส.ค. ปีนี้ได้จำนวน8 จุดได้แก่1. ถนนสุขุมวิท21 (อโศกมนตรี) 2. ซอยสุขุมวิท31 และซอยสวัสดี3. ถนนทรงสวัสดิ์ถนนเยาวราชและถนนเจริญกรุง4. ซอยสุขุมวิท4 (นานาใต้) 5. ซอยสุขุมวิท14 6. ถนนนราธิวาสราชนครินทร์17 และถนนสวนพลู7. ถนนพหลโยธินบริเวณแยกเกษตรศาสตร์และ8. ซอยสุขุมวิท107 ถึงคลองบางนาและภายในเดือนก.ย. จำนวน3 จุดได้แก่ถนนศรีอยุธยาและถนนพระรามที่6 ถนนสุขุมวิท63 (เอกมัย) และซอยสุขุมวิท39 แต่ละจุดใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ10-13 เดือนขึ้นอยู่กับปริมาณงาน
ทั้งนี้คาดว่าเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่เฝ้าระวัง11 จุดดังกล่าวได้โดยมีขีดความสามารถในรองรับปริมาณฝนตกสะสมได้อย่างน้อย80 มม./วันและแม้ว่าจะเกิดกรณีฝนตกหนักจนมีปริมาณฝนสะสมเกินกว่านั้นก็จะสามารถช่วยระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
สำหรับเหตุผลที่กทม. เลือกวิธีPIPE JACKING มาใช้ในการระบายน้ำนั้นเนื่องจากท่อระบายน้ำในถนนตรอกซอยมีสภาพเก่าและมีขนาดเล็กไม่สามารถระบายน้ำได้ทันต่อปริมาณน้ำทิ้งและน้ำฝนประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของเมืองในปัจจุบันทำให้พื้นที่น้ำบางจุดมีระดับต่ำเมื่อเกิดฝนตกหนักจึงทำให้เกิดน้ำท่วมขังฉับพลันอีกทั้งมีสิ่งปลูกสร้างกีดขวางFLOODWAY ทำให้น้ำที่ท่วมขังไม่มีทางระบายออกตามธรรมชาติต้องใช้ระยะเวลาในการระบายน้ำเป็นเวลานานในขณะที่การขยายท่อขนส่งน้ำ(Transport Pipe) ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีแนวท่อระบายน้ำเดิมอยู่เต็มพื้นที่อีกทั้งยังมีระบบสาธารณูปโภคใต้ดินดินจำนวนมากนอกจากนั้นการขุดเปิดหน้าดินเพื่อวางท่อระบายน้ำดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อการจราจรเป็นอย่างมากอีกด้วย