โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

อาการติดหวาน อันตรายกว่าที่เราคิด!

SistaCafe

อัพเดต 27 ม.ค. 2560 เวลา 05.31 น. • เผยแพร่ 27 ม.ค. 2560 เวลา 05.31 น. • นู๋กบ

เพื่่อนๆ ทราบไหมคะ? ว่าทุกวันนี้คนไทยเราทานหวานกันเยอะขึ้นมากๆ จากการที่ขนมขบเคี้ยวนั้นสามารถหาได้ง่ายๆ อีกทั้งเครื่องดื่มต่างๆ ตามร้านสะดวกซื้อก็ทำมาเอาใจคนชอบหวาน ซึ่งนั่นเองค่ะทำให้คนไทยเราบริโภคน้ำตาลกันสูงถึง 20-26 ช้อนชาต่อวันเลยล่ะค่ะ ( ค่าโดยเฉลี่ย ) ซึ่งอันตรายของการทานหวานมากเกินไปก็มีอยู่เยอะเลยทีเดียว โดยจะมีอะไรบ้างนั้นเราขอยกตัวอย่างคร่าวๆ ดังนี้ค่ะ

1. ทำให้อ้วน

น้ำตาลนั้นส่วนใหญ่แล้วจะให้พลังงานเยอะมากๆ ดังนั้นการที่เราทานหวานมากเกินไปนั้น แน่นอนว่าย่อมจะส่งผลให้ร่างกายของเราได้พลังงานมากเกินไป และทำให้อ้วนได้ค่ะ!

2. อาจทำให้เกิดโรคร้าย

หากร่างกายของเรามีน้ำตาลอยู่มากเกินไป จะทำให้เกิดโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เราเป็นสารพัดโรคเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นโรคฟันผุ, โรคหัวใจ, โรคอ้วน, โรคเบาหวาน ฯลฯ

3. ทำให้เสพติดรสหวาน

ในสมองของคนเรานั้นเมื่อได้รับน้ำตาลเข้าไปจะรู้สึกเหมือนได้รับรางวัล ดังนั้นเมื่อเราทานน้ำตาลมากเกินไป สมองของเราก็จะต้องการน้ำตาลมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นอาการติดโรคหวาน ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายอื่นๆ ต่อไปค่ะหากเราทานหวานต่อเนื่อง

*วิธีการลดน้ำตาลแบบง่ายๆ *

เมื่อเพื่อนๆ รู้ถึงอันตรายของการทานหวานที่มากเกินไปแล้ว เราจะมาพูดถึงวิธีการลดการติดหวานและลดการทานน้ำตานกันค่ะ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

1. ค่อยๆ ลดน้ำตาล

หากเราทานหวานมากเกินไปจนรู้สึกว่าเยอะเกินไปแล้ว ให้เราใช้วิธีการหักดิบค่อยๆ ลดปริมาณน้ำตาลที่ทานในแต่ละวันลงทีละหน่อยค่ะ เพราะการหักดิบเลยนั้นจะทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน และอาจมีปฎิกิริยาตอบสนองเช่นหน้ามืดหรือเวียนหัวได้ค่ะ

2. เลี่ยงการดื่มน้ำหวาน

ปัจจุบันน้ำหวานหาดื่มได้ง่ายมากๆ แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ น้ำหวานส่วนใหญ่นั้นมีส่วนผสมของน้ำตาลอยู่เยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งน้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม ดังนั้นหากเลี่ยงได้ก็ควรลดค่ะ หรือหากอยากทานจริงๆ ให้หาแบบหวานน้อย หรือมีส่วนผสมของหญ้าหวานแทนการใช้น้ำตาลค่ะ

หากอยากดื่มน้ำผลไม้การคั้นเองเลยจะได้ประโยชน์ที่เยอะกว่ามากๆ ค่ะ
หากอยากดื่มน้ำผลไม้การคั้นเองเลยจะได้ประโยชน์ที่เยอะกว่ามากๆ ค่ะ

*3.หากิจกรรมอย่างอื่นทำ *

เมื่อเรารู้สึกอยากทานของหวานมากๆ ให้ลองหากิจกรรมอื่นทำ เช่นการเล่นเกม, อ่านหนังสือ, ออกกำลังหาย ฯลฯ เพื่อให้ลืมความอยากกินของหวานค่ะ

เป็นยังไงบ้างคะสำหรับบทความนี้ หวังว่าเพื่อนๆ จะรู้ถึงความอันตรายของการทานหวานกันนะคะ และก็สำหรับคนที่ชอบทานหวานมากๆ แต่เลิกไม่ได้ เราก็ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ รับรองว่าถ้าตั้งใจก็เลิกได้แน่นอน

 

ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook
SistaCafe เว็บไซต์รวบรวมบทความสำหรับผู้หญิง http://sistacafe.com
♥ ดาวน์โหลด App SistaCafe ฟรีได้แล้ววันนี้! ♥
iOS : AppStore
Android : PlayStore