ตอนเด็กๆผมชอบกินตะกวดเป็นอาหาร
‘ตะกวด’ที่ว่าคือสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง
ตอนนั้นและตอนนี้ผมก็ยังเห็นว่ามันแตกต่างจาก ‘เหี้ย’
(ถ้าต้องแยกสายพันธ์ุ สปีชี่ กันจริงๆจังๆ ตะกวดอาจจะดูตัวเล็กและลวดลายน้อยกว่า)
ไม่ว่าจะเห็นมันที่ไหน บนต้นมะพร้าว ในสวนหรือริมถนน นำ้ลายก็สอขึ้นมาทันที
อาจบังเอิญแบบเดินๆ เจอกันโดยไม่ตั้งใจ ถ้าเดินไปกับผู้ใหญ่หรือหมา ก็ง่ายหน่อย เพราะหมาจะงับ ผู้ใหญ่จะไล่ตี แล้วยกให้เราเอามาปิ้งย่าง
บางครั้งมันอาจจะถูกรถทับดิ้น หรือแน่นิ่งอยู่บนถนน
บางคราก็ตั้งใจจะขับมอเตอร์ไซค์ขยี้มันเพื่อนำมาเป็นอาหาร
อีกวิธีซึ่งเป็นเรื่องเป็นราว สมควรบันทึกไว้เป็นตำนาน นั่นก็คือ พวกเราเหล่าทโมนจะจัดทีมออกไล่ล่า ด้วยการเดินลาดตระเวนในสวน
ตะกวดบนเกาะสมุย ห้าสิบปีก่อนนั้นมีปริมาณกำลังพอเหมาะพอดี คือไม่เยอะจนน่าตกใจ และไม่น้อยจนริบหรี่ไร้ความหวัง
ประมาณว่า… ถ้าเดินเล่นในสวนไปสักสองสามชั่วโมง ย่อมมีแนวโน้มว่าจะเจอ มันที่ไหนสักแห่ง
ก็เดินเล่นๆ กันไป หากมีหมานำ หมาก็ย่อมจมูกไว เดินไปสักพักครั้นหมาได้กลิ่นมันก็จะวิ่งไปเห่าไล่ จนตะกวดออกจากที่อำพรางกาย หรือไม่ก็ตื่นตระหนกตกใจวิ่งขึ้นต้นมะพร้าว
ความยากก็ตอนที่มันขึ้นต้นมะพร้าวไปแล้ว เพราะความสูงเป็นอุปสรรคสำหรับเด็ก
หนังกะติ๊กพร้อมกระสุนลูกหินอาวุธคู่มือ ต้องพยายามช่วยกันระดมยิงอุตลุด เพื่อให้มันบาดเจ็บตกลงมา แต่ก็นับว่ายากยิ่งที่จะแม่นยำและอานุภาพแรงจนทำให้มันตกลงมา
ดังนั้นจึงต้องใช้อีกมาตรการ นั่งคือส่งหน่วยผู้กล้าปีนตามมันขึ้นไปบนต้นไม้
ปีนให้ไวก่อนที่มันจะไต่หนีสูงจนเข้าไปถึงยอด เพราะใบมะพร้าวย่อมจะบดบัง ทัศนวิสัยการเห็น เรียกว่าแนวโน้มที่จะได้ตัวมันจะน้อยลงเป็นดัชนีหักเหกับความสูง
โอกาสที่มันจะกลายเป็นอาหารริบหรี่ จนเราต้องกลับไปทานแห้วหากปล่อยมันไต่สูงจนลับตา
ผู้ช่วยของเราอีกชนิด แบบไม่ได้ตั้งใจคือนกเอี้ยง นกเอี้ยงมักจะเป็นศัตรูกับตะกวดโดยธรรมชาติ เพราะนกเอี้ยงคงกลัวมันจะไต่ไปกินไข่ (อันนี้ก็เดาเอาเอง ไม่ได้ศึกษา)
เรามักจะเห็นฝูงนกเอี้ยงช่วยกันบินจิกโจมตีตะกวดที่ปีนขึ้นต้นมะพร้าว บางคราวเรารู้ว่ามีตะกวดก็เพราะฝูงนกเอี้ยงบินและร้องโหวกเหวกรอบๆต้นมะพร้าว
พอนกเอี้ยงบินโจมตี เจ้าตะกวดก็จะชะลอการไต่ขึ้น บางทีนกจิกหนักๆ มันก็ยอมไต่ลง ถ้ามันไม่ยอมลง เราก็ส่งเพื่อนคนที่ปีนเก่งๆ ปีนตามขึ้นไป
ภาพความทรงจำในวัยเยาว์ของเราก็คือ ต้นมะพร้าวสูงๆมีตะกวดอยู่กลางต้น มีทโมนน้อยกำลังปีนตาม ด้านบนมีนกเอี้ยงบินวนจิกตี ส่วนรอบๆโคนต้นตรงพื้นดินมีเหล่าสมุนน้อยใหญ่ ถือหนังสติ๊กและไม้ขนาดเหมาะมือคุมเชิง เพื่อช่วยกันรุมกระหน่ำในกรณีที่ตะกวดโดนดึงหางให้พลัดหล่น หรือเสียขวัญหวาดกลัวแล้วทิ้งตัวลงมาสู่พื้นพสุธา
โอกาสจะโดนหมาไล่ล่าหรือ พวกเรารุมล้อมทุบตีย่อมมีมากขึ้น
พูดได้ว่าพวกมันตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก พร้อมจะเสี่ยงต่อการถูกกินและสิ้นชีพ
แต่บางคราเสียงตุ๊บที่ดัง อาจไม่ใช่ตะกวด กลับกลายเป็นเจ้าหัวทโมนผู้หมดแรง ร่วงลงมากระแทกพื้นเอง
หากเป็นสหายเราก็ต้องรีบปฐมพยาบาล หรือหามไปสุขศาลา
แต่หากเป็นตะกวดที่ตกลงมา
มันมักจะโดนการทุบตีจนตัวน่วม
หลังจากนั้น
ก็มาสู่กระบวนสำคัญ ของเด็กทโมนชาวเกาะ คือการก่อไฟด้วยทางมะพร้าวแล้วนำร่างของมันไปเผา
ส่วนใหญ่ตะกวดจะโดนตีจนสะลึมสะลือ คือจะตายมิตายแหล่แต่ยังไม่ตาย ครั้นเราโยนมันเข้าไปกองไฟมันก็จะพยายามตะเกียกตะกาย วิ่งหนีความร้อนออกมา
เด็กเวรทั้งหลาย ซึ่งขาดไร้ซึ่งความเมตตาปรานี ก็จะผลักไสไล่ส่งมันกลับเข้าไปสู่กองไฟอีกครา และอีกครา
จนถึงวาระสุดท้ายที่มันหนีออกมาไม่ไหว ได้แต่บิดตัวร้อนเร่าแอ่นตัวท่ามกลางเปลวเพลิง เด็กเปรตอย่างพวกเราก็จะหัวเราะร่า พลางชี้ให้ดูกันว่า นั่น…. ตะกวดรำมโนราห์บูชายัญ
ต้องยอมรับนับว่า ตอนนั้นเราเป็นเด็กที่จิตใจเลวบริสุทธิ์
ที่ว่าเลวบริสุทธิ์คือเราไม่รู้ตัวเลยว่า สิ่งซึ่งเรากระทำนั้นมันเป็นกรรมวิธีอันแสนโหดร้าย เราเป็นเด็กไร้เดียงสา ไม่มีใครห้ามใคร ประกายสดใสของเราไม่เคยหม่นมัว เมื่อมองมันดิ้นทุรนทุราย
ไม่มีแม้แต่น้อยนิดที่เราจะรู้สึกผิด รู้สึกบาป หรือรู้สึกหยาบช้า
จนทำให้ปักใจเชื่อได้เลยว่า หากไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน หรือได้รับการอบรมสั่งสอนไปในทางที่ต่ำทราม คนเราย่อมสามารถทำความผิดแบบไม่รู้เลยสักนิด ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ตนทำนั้นมันแสนจะชั่วช้าและแสนทราม
ไม่เฉพาะกับสัตว์ แต่เราอาจจะทำสิ่งเลวร้ายกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้โดยไม่รู้สึกผิดบาป แถมอาจจะคิดว่ามันโก้เก๋ด้วยซ้ำไป
………..
ในหนึ่งชั่วไฟของทางมะพร้าวดับมอด หลังจากมันโดนเผาจนหนังไหม้
เราจะเอามันออกมาจากกองเพลิง ลงมือขูดหนังที่เกรียมกรอบ เพื่อขูดลอกให้เห็นเนื้อในที่ขาวสะอาดชวนน้ำลายไหล สวรรค์รำไร ใกล้เข้ามา
หั่นเนื้อมันเป็นชิ้นๆ เอาขมิ้นผสมเกลือทาคลุกเคล้า
จากนั้นก่อไฟในเตาขึ้นใหม่
เอาเนื้อตะกวดที่คลุกขมิ้นจนเหลืองอร่าม ปิ้งอีกครา..รอเวลาน้ำลายสอ
ความเห็น 13
สมหมายอิสเทิน
ดีมากครับ ที่ช่วยเตือนสติให้กับสังคมครับ
04 ก.ย 2562 เวลา 11.58 น.
เป็นวิถีชาวบ้านที่บาปกรรมชะมัด อ่านแล้วสยอง >.<
ที่เจออุบัติเหตุโดนไฟคลอกตาย (หรือปางตาย) กัน ก็คงเพราะในอดีตเคยไปก่อกรรมแบบนี้กับสัตว์โลก
ป.ล. ตอนเด็กๆจำได้ว่าเราก็เคยเผามด เห็นมันเดินๆเป็นทางก็เอาไฟไปจี้มันซะงั้น พอเห็นตัวมันหด ก็ชอบใจใหญ่ โตมาโดนน้ำร้อนลวกจนเป็นแผลเป็นถึงทุกวันนี้ ส่วนตัวก็เชื่อว่าเป็นกรรมที่ทำกับมดนั่นแหละ จะช้าจะเร็ว จะหนักจะเบา ยังไงเค้าก็ต้องมาเอาคืน
04 ก.ย 2562 เวลา 12.11 น.
สมหมายอิสเทิน
การใช้ชีวิตพวกชนบทที่ คุณ ศุ เล่ามาคือความสุขมากในการดำเนินชีวิต คนชนบทครับ ชีวิตมีความสุขมากครับ ไม่ไผ่หาความรวย ครับ ชอบความคิดคุณครับ
04 ก.ย 2562 เวลา 11.54 น.
NZ Peter
เห็นภาพในยามเป็นเด็กทะโมนของตัวเองขึ้นมาชัดเจน เพราะเป็นเด็กเกาะสมุยรุ่นน้องพี่จุ้ย 2-3 ปีเช่นกัน (แต่ไม่มีตอนตะกวดรำมโนราห์นะ เพราะนักล่าก๊วนผมจะตีจนมันตายสนิททุกครั้ง)
04 ก.ย 2562 เวลา 11.48 น.
tik
กระสุนดิน ต้องโดนปลายจมูก
จิ้งจกดำยักษ์ ถึงจะร่วง
ปัจจุบัน ปลาดุกย่าง พ่อค้า
ใช้มีดบั้ง เนื้อปลายังระริก
จึงวางบนตะแกรงไฟ
04 ก.ย 2562 เวลา 12.44 น.
ดูทั้งหมด