จากกรณีที่เศรษฐีวัย 67 ปี เข้าร้องสื่อ หลังถูกลูกชาย – ลูกสะใภ้ และครอบครัวของลูกสะใภ้ได้ทำการกักขัง ด้วยการกรอกยาสลบหมูนานกว่า 2 ปี และทำการจัดฉากให้เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ยื่นศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกก่อนถ่ายโอนทรัพย์สินกว่า 65 ล้านบาท ก่อนที่ภรรยาจะเสียชีวิตหนีจาก เชื่อเป็นการฆาตกรรม
จากการสอบถามบุรุษไปรษณีย์ คนที่เฮียหมูได้ส่งจดหมายขอความช่วยเหลือเล่าว่า เดิมทีตนรู้จักกับเฮียหมูและภรรยา เนื่องจากบ้านอยู่ละแวกเดียวกัน ไปซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าบ่อย และตนก็รู้จักลูกชาย ลูกสะใภ้ด้วย แต่มีช่วงหนึ่งที่ไม่ได้เจอเฮียหมูกับภรรยา พร้อมมีข่าวว่าทั้งคู่ได้เสียชีวิตแล้วก่อนจะได้รับจดหมายขอความช่วยเหลือที่ส่งไปให้หลาน
ต่อมาหลังจากที่หลานของเศรษฐีได้รับจดหมาย จึงสามารถช่วยเหลือเฮียหมู ให้รอพ้นจากภัยที่แสนทรมานกว่า 2 ปี ซึ่งหลานที่มาช่วยเฮียหมูยอมรับว่า ผิดสังเกตที่ทั้งคู่ป่วยพร้อมกัน แต่ทางลูกชายก็บอกว่า เป็นเพราะนอนน้อย จึงสงสัยว่า พ่อมีอาการแบบนี้ ทำไมไม่กระตือรือร้นพาไปหาหมอ
ครูสาวสั่งการบ้านเด็กนักเรียนให้ คัดคำศัพท์ ไม่คิดว่าจะทำตามเป๊ะขนาดนี้
เอ๋ ไพโรจน์ อัดคลิปสุดซึ้ง หลังเคยตัดพ้อ ทุ่มทำหนัง "วัยอลวน 5" กว่า 30 ล้านบาท
รวม 5 เครื่องรางที่เชื่อว่ามีติดตัวไว้ ช่วยให้การเดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย
แต่ทว่าล่าสุด ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กเพจ "ทนายคลายทุกข์" เกี่ยวกับคดีดังกล่าวโดยระบุว่า"คดีจัดฉากฆาตกรรมลูกชายลูกสะใภ้กักขังพ่อฮุบสมบัติ 65 ล้านระวังโอละพ่อนะครับฟังหูไว้หูข่าวลือคือข่าวจริงที่มาล่วงหน้า"
ต่อมาทนายเดชา ก็ได้โพสต์เพิ่มเติมอีกว่า "คดีจัดฉากฆาตกรรมเชื่อว่าอีก 2-3 วันลูกชายน่าจะมาแถลงข่าวไม่ได้หนีไปไหนส่วนลูกสะใภ้ก็ไปเที่ยวฮ่องกง ไม่ได้ทำผิดอะไร"
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Tnews
ความเห็น 1
คนพิเศษ
เดี๋ยวก็รู้หมู่หรือจ่า
14 ก.พ. 2566 เวลา 13.46 น.
ดูทั้งหมด