โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

อินโดนีเซีย ห้าม รพ. จ่ายยาน้ำเชื่อมให้แก่เด็ก หลังพบภาวะไตวายเฉียบพลัน

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

อัพเดต 20 ต.ค. 2565 เวลา 05.17 น. • เผยแพร่ 20 ต.ค. 2565 เวลา 04.41 น.

อินโดนีเซีย ประกาศห้ามแพทย์และโรงพยาบาลจ่ายยาน้ำและยาน้ำเชื่อมทุกชนิดให้แก่ผู้ป่วยเป็นการชั่วคราว หลังพบเด็กเสียชีวิตเกือบ 100 คนในปีนี้ จากภาวะไตวายเฉียบพลัน…

วันที่ 18 ตุลาคม 65 โมฮัมหมัด ชาห์ริล โฆษกกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียรายงานการตรวจพบผู้ป่วย "ไตวายเฉียบพลัน" (AKI) สูงถึง 206 รายในเด็ก และมีผู้เสียชีวิต 99 ราย นับตั้งแต่เดือน ม.ค. เป็นต้นมา

สำหรับสาเหตุของภาวะไตวายเฉียบพลันในเด็ก อยู่ในระหว่างการสอบสวน อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการป้องกัน ทางกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียจึงมีคำสั่งให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนงดสั่งจ่ายยาน้ำ และยาผสมน้ำเชื่อมทุกชนิดชั่วคราว จนกว่าทีมวิจัยจะตรวจสอบกรณีนี้เสร็จสิ้น

“เพื่อเป็นมาตรการป้องกัน กระทรวงได้ขอให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสถานบริการสุขภาพทุกแห่งหยุดสั่งจ่ายยาหรือให้ยาที่เป็นของเหลวหรือน้ำเชื่อมชั่วคราวจนกว่าการวิจัยและการสอบสวนของเราจะเสร็จสิ้น” โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

เหตุการณ์ไตวายเฉียบพลันในเด็กของอินโดนีเซียเกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลแกมเบียสอบสวนการเสียชีวิตของเด็ก 70 คนจากภาวะเดียวกันนี้ ที่เชื่อมโยงกับน้ำเชื่อมพาราเซตามอล ซึ่งมี "ไดเอทิลีนไกลคอล" และ "เอทิลีนไกลคอล" ในระดับที่มากเกินไป โดยส่วนผสมที่ผิดพลาดดังกล่าวเกิดขึ้นกับยาแก้ไอและยาลดไข้ 4 ขนาน ที่ผลิตโดย "เมเดน ฟาร์มาซูติคัลส์" บริษัทเวชภัณฑ์ของอินเดีย

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอาหารและยาของอินโดนีเซียกล่าวว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่มีจำหน่ายในประเทศ และส่วนผสมอันตรายทั้ง 2 อย่าง ก็ถูกห้ามใช้เป็นส่วนผสมในยาน้ำชนิดผสมน้ำเชื่อมสำหรับเด็กในอินโดนีเซียอยู่แล้ว

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่tnews

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...