โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

กฤช เหลือลมัย : ‘แกงบวนเนื้อ’ ในกลอนเสภาสุนทรภู่

MATICHON ONLINE

อัพเดต 20 เม.ย. 2567 เวลา 06.58 น. • เผยแพร่ 20 เม.ย. 2567 เวลา 05.50 น.

แกงโบราณที่เรียกกันว่า “แกงบวน” นั้น ยังคงเป็นปริศนาอยู่จนทุกวันนี้ เพราะแม้จะมีสูตรมาตรฐานที่ให้แกงกับเครื่องในหมู ใส่น้ำคั้นใบพืชกลิ่นหอม ปรุงด้วยปลาร้าหรือปลาเค็ม ไม่ใส่พริกในเครื่องแกงที่ต้องคั่วส่วนผสมบางอย่างให้สุกหอมก่อนตำ จนได้น้ำแกงหอมๆ สีคล้ำ แต่ไม่เผ็ดแล้ว คำว่า ‘บวน’ นี้ยังคงสืบหาความหมายไม่ได้แน่ชัด ทางภาคอีสานตอนใต้อธิบายว่า บวนแปลว่าสี่ คือต้องใส่เครื่องในหมู 4 อย่าง แต่แกง ‘บวน’ ของคนเพชรบุรีสายหนึ่งกลับหมายถึงการเอากับข้าวหลายอย่างมาปรุงผสมกันใหม่ อย่างแกงสำรวมของเด็กวัดสมัยก่อน

แกงบวนจึงมีหลายสูตร แตกต่างกันไปในแต่ละแห่ง

แต่ลักษณะร่วมอย่างหนึ่งคือมันไม่เผ็ดครับ เพราะเกือบทุกสูตรจะไม่ใส่พริกในเครื่องตำ ใส่ก็แค่พริกไทย มักมีกลิ่นหอมและน้ำค่อนข้างข้นจากการคั้นใบพืชบางชนิด เช่น มะตูม มะขวิด ตะไคร้ หรือผักชีผสมน้ำเป็นน้ำแกง

ผมอยากเสนอว่า มันอาจเป็นการสืบทอดลักษณะอาหารยุคบรรพกาลของชาวอุษาคเนย์ ก่อนที่พริก (chilli) จะแพร่เข้ามากับเรือสำเภาในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 22 ด้วยซ้ำไป

ตำราอาหารเก่าหลายเล่มบันทึกสูตรแกงบวนไว้ละเอียดลออ เราจึงสามารถทำตามได้ทันที ถ้ามีเครื่องในหมูและวัตถุดิบอื่นๆ ครบ อย่างเช่น ตำราแม่ครัวหัวป่าก์ เล่ม ๑ (พ.ศ.2452) ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ อย่างไรก็ดี ในเล่มเดียวกันนี้เอง ท่านผู้แต่งยังได้อ้างตัวบทกลอนชมสำรับกับข้าวของสุนทรภู่บทหนึ่งว่า

“…เป็ดนึ่งจังรอนสุกรหัน
ทั้งแกงขมต้มขิงทุกสิ่งอัน
กุ้งทอดมันม้าอ้วนแกงบวนเนื้อ”

รายการสุดท้ายควรจะหมายถึงแกงบวนที่ทำจากเนื้อวัวและเครื่องในวัว นี่เป็นร่องรอยเพียงหนึ่งเดียวที่ผมพบในเวลานี้ เพราะแกงบวนในตำราทุกสูตรล้วนเป็นเนื้อหมูและเครื่องในหมูทั้งสิ้น แต่แค่นี้ก็เพียงพอจะยืนยันว่ามันเคยมีอยู่จริง และย่อมไม่ยากที่จะลองชุบชีวิตมันขึ้นมาใหม่

ผมทำแกงบวนเนื้อโดยปรับใช้สูตรแกงบวนในตำราเล่ม ๑ นี้แหละครับ ท่านผู้เขียนบอกให้ตำเกลือ ตะไคร้ พริกไทย รากผักชี กระเทียมเผา หอมเผา กะปิเผา ปลาสลาดย่างป่นเข้าด้วยกันให้ละเอียด

ส่วนน้ำคั้นใบพืชกลิ่นหอมนั้น ท่านให้เลือกใช้ใบอะไรสักอย่างหนึ่ง มีใบขี้เหล็ก ใบมะขวิด ใบมะตูม ใบเลียด ใบตะไคร้ โขลกคั้นน้ำ แต่ผมเองเคยเห็นสูตรแกงบวนบางเล่มให้ใช้ใบตะไคร้ ใบผักชี และใบมะตูมตำรวมกันคั้นน้ำ เลยเลือกสามใบนี้ครับ ใช้มากๆ โขลกให้เกือบๆ ละเอียด เติมน้ำนิดหน่อย แล้วคั้นสักสองครั้ง จะได้น้ำเขียวๆ ข้นๆ มาชามใหญ่

ซื้อเครื่องในวัวรวมที่เขียงเนื้อเขาล้างและต้มพอสุกมาให้แล้วจะง่ายที่สุดครับ ไม่ต้องมานั่งล้างเครื่องในสด ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากมากๆ เขามักใส่ตะไคร้ใบมะกรูดดับคาวมาให้เสร็จสรรพ ทีนี้เราจะเพิ่มเนื้อวัวส่วนไหนที่ชอบอีกก็ได้ เอามาใส่หม้อเข้า เติมน้ำ ต้มต่อเตรียมไว้ก่อนสัก 1 ชั่วโมง พอให้เนื้อและเครื่องในทุกส่วนเริ่มเปื่อยนุ่มพร้อมปรุงแกงบวนเนื้อ

หั่นตะไคร้ซอยละเอียดไว้หนึ่งชามใหญ่ๆ ฉีกใบมะกรูดเตรียมไว้ด้วย พร้อมทั้งน้ำปลาร้า น้ำปลา ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นปลาร้า ก็ใช้เนื้อปลาเค็มแทนได้

เริ่มทำโดยตักพริกแกงบวนในปริมาณเหมือนเวลาเราจะแกงหม้ออื่นๆ นั่นแหละครับ ละลายในหม้อต้มเครื่องในวัวที่ต้มรอไว้ก่อนแล้ว ใส่น้ำคั้นใบพืชเขียวๆ ของเราลงไปเลย ยกตั้งไฟ พอเดือดก็ปรุงด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา เดาะน้ำตาลพอให้ออกหวานตามชอบ ปล่อยเดือดไฟอ่อนๆ ไปสักครึ่งชั่วโมง จึงใส่ใบมะกรูดฉีกและตะไคร้ซอย ครบ 1 ชั่วโมง ยกลงก่อน ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วตั้งไฟต่ออีก 1 ชั่วโมง คอยเติมน้ำเพิ่ม ถ้าเห็นว่าน้ำแกงเริ่มงวดแห้ง

ท่านผู้หญิงเปลี่ยนอธิบายไว้ว่า“แกงบวนนี้ ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงจึงจะเปื่อยเข้ากันดี ลางคนก็มักแกงไว้ค้างคืนเพื่อให้เปื่อยเข้าเนื้อดี” ผมใช้วิธีตั้งไฟต้มครั้งละ 1 ชั่วโมง สองครั้ง แบบนี้เนื้อและเครื่องในจะเปื่อยพอสำหรับคนที่ชอบให้ชิ้นเนื้อยังหนึบๆ พอให้เคี้ยวได้อยู่ หากต้องการให้เปื่อยจนนุ่ม ก็ตั้งไฟอีกครึ่งชั่วโมง คราวนี้จะนุ่มอร่อย เข้าน้ำเข้าเนื้อทั้งหม้อทีเดียวครับ

ก่อนยกลง ผมหั่นต้นผักชีใส่เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมด้วย

แกงบวนเนื้อวัวและเครื่องในวัวนี้ รสชาติเข้มข้นกว่าหมู แต่ก็ยังนับว่าเป็นรสที่นุ่มนวล เพราะไม่มีพริกเป็นส่วนผสมเลย เผ็ดร้อนแต่เพียงพริกไทยในเครื่องตำเท่านั้น อย่างไรก็ดี ใครชอบรสเผ็ดพริกก็ย่อมสามารถหั่นพริกชี้ฟ้า หรือบุบเม็ดพริกขี้หนูใส่ในตอนท้ายได้แน่นอนครับ

ในเมื่อเครื่องเคราที่ใส่ในแกงหม้อนี้มีตะไคร้ ใบมะกรูด หอม กระเทียม ข่า พริกไทย มันจึงย่อมละม้ายต้มเครื่องในวัวน้ำใสแบบโบราณที่ยังพอมีคนทำขายอยู่บ้าง เพียงแค่มีกลิ่นรสของน้ำคั้นพืชใบหอมเพิ่มเข้ามา ให้มีลักษณะเป็นน้ำข้นเท่านั้นเอง

แกงบวนเนื้อหม้อนี้จึงนับเป็นโจทย์ใหม่อายุร่วมสองศตวรรษ ที่ท้าทายคนชอบกินต้มเครื่องในวัวสูตรมาตรฐานไม่น้อยเลยแหละครับ

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กฤช เหลือลมัย : ‘แกงบวนเนื้อ’ ในกลอนเสภาสุนทรภู่

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...