หนุ่มเจ้าของเสื้อ 'ดอนผีบิน' หนีไปแล้ว พยานเล่านาที 2 โจ๋บุกปล้น มีดจี้สั่งให้ถอด-มีปืน
หนุ่มเจ้าของเสื้อ 'ดอนผีบิน' หนีไปแล้ว พยานเล่านาที 2 โจ๋บุกปล้น มีดจี้สั่งให้ถอด-มีปืน ลงมืออุกอาจกลางเมืองกรุง ตร.เร่งติดตามไล่ล่าตัว
จากกรณีมีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน ขี่และซ้อนจักรยานยนต์ ใช้มีดจี้ชิงทรัพย์กลุ่มวัยรุ่น 3 คน หนึ่งในนั้นถอดเสื้อวงดนตรีร็อกชื่อดัง “ดอนผีบิน“ แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดคืนวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายในซอยเอกชัย 76 แยก 4 กทม. ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น
สำหรับความคืบหน้า เมื่อวันที่ 4 ม.ค.67 พ.ต.อ.กฤติเดช จันทร์เพชร ผกก.สน.บางขุนเทียน เปิดเผยว่า หลังเกิดเรื่องสั่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมไล่ตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ แต่จนขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความ ทราบว่าเป็นชาวลาว
แม้ว่าคดีนี้จะไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความหรือมูลค่าทรัพย์สินจะเล็กน้อย แต่การกระทำดังกล่าวถือเป็นเหตุอุกอาจ ซึ่งพฤติการณ์เข้าข่ายความผิดฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธและโดยมีพาหนะในการหลบหนี ซึ่งตำรวจกำลังตามตัวผู้เสียหายมาแจ้งความประกอบการทำสำนวน พร้อมเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
นางทองม้วน อายุ 70 ปี นายจ้างผู้เสียหาย กล่าวว่า ลูกจ้างทั้ง 3 คนเป็นชาวลาว เพิ่งเข้ามาทำงานได้ 6 วัน ซึ่งในวันเกิดเหตุ คนงานไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อกลางซอย ก่อนจะเดินกลับมายังที่พัก และยังขอเงินตนไปซื้อเสื้อผ้าใส่ กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งตนถามคนที่ถูกชิงเสื้อว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร เจ้าตัวบอกว่าถูกชิงไปเพียงเสื้อ ไม่ถูกชิงเงินไป โดยคนร้ายใช้มีดข่มขู่ แต่พอเห็นว่ามีปืนด้วย เลยตกใจและรีบถอดเสื้อไปให้ หลังเกิดเหตุวันรุ่งขึ้นคนงานทั้งสามก็เก็บข้าวของหนีไป เพราะกลัวจะโดนส่งกลับประเทศ สำหรับตนก็กลัวเหมือนกัน เพราะเพื่อนบ้านบอกกันว่าคนก่อเหตุเป็นเด็กในซอยนี้เหมือนกัน
ขณะที่นายวัฒน์ อายุ 41 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เผยว่า ได้ยินเสียงวัยรุ่นตะโกนโวยวายอยู่หน้าบ้าน จึงออกมาดูก่อนเห็นจักรยานยนต์คันก่อเหตุวิ่งหลบหนี มุ่งหน้าหมู่บ้านเพชรสยาม (สำเพ็ง 2) จากนั้นตนถามวัยรุ่นว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่ถูกชิงเสื้อยังอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าถูกปล้นเอาเสื้อไป โดยพวกตนเป็นแรงงานต่างด้าว ก็เกรงจะมีปัญหา เพราะตอนแรกรู้สึกคล้ายกับคนร้ายที่ขี่จักรยานยนต์มา เหมือนเห็นหน้าที่ร้านสะดวกซื้อในซอยก่อนเกิดเหตุ ซึ่งตอนนั้นคนซ้อนเป็นผู้หญิง ก่อนมาถูกชิงทรัพย์ดังกล่าว
นายวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทราบจากแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ว่า เหยื่อวัยรุ่นรายนี้ย้ายออกไปทำงานที่อื่นแล้ว เพราะกลัวจะมีเรื่องซ้ำรอยอีก ส่วนตัวก็รู้สึกหวาดกลัวเพราะเหตุเกิดที่หน้าบ้าน และในพื้นที่ก็มีเหตุลักขโมยกันบ่อยครั้ง อีกทั้งครอบครัวยังทำงานกลับบ้านมืดค่ำด้วย