โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

นักภาษาศาสตร์ถอดรหัสอักษรภาพอียิปต์โบราณได้อย่างไร?

Histofun Deluxe

อัพเดต 06 ธ.ค. 2567 เวลา 08.38 น. • เผยแพร่ 06 ธ.ค. 2567 เวลา 08.32 น.
จารึกโรเซตต้า กุญแจสำคัญที่นำไปสู่การถอดความอักษรภาพอียิปต์โบราณ
จารึกโรเซตต้า กุญแจสำคัญที่นำไปสู่การถอดความอักษรภาพอียิปต์โบราณ

เดือนกรกฎาคม 1799 ระหว่างการรณรงค์สงครามในอียิปต์ของนโปเลียน โบนาปาร์ต กองทหารฝรั่งเศสได้ค้นพบจารึกโรเซตต้า (Rosetta Stone) ที่นำไปสู่การถอดความหมายของตัวอักษรภาพอียิปต์โบราณหรือตัวอักษรเฮียโรกลิฟิก (Hieroglyphics) ที่เคยเป็นปริศนาของผู้ที่ศึกษาอียิปต์โบราณมาช้านาน

จารึกโรเซตต้าถูกสร้างขึ้นเมื่อ 196 ปีก่อนคริสตกาล โดยกล่าวถึงพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษีของฟาโรห์ปโตเลมีที่ 5 (Ptolemy V)

ราชวงศ์ปโตเลมีของฟาโรห์ปโตเลมีที่ 5 ปกครองอียิปต์ตั้งแต่ 323 จนถึง 30 ปีก่อนคริสตกาล โดยเป็นราชวงศ์เชื้อสายกรีก-มาชิโดเนีย ที่ก่อตั้งโดยฟาโรห์ปโตเลมีที่ 1 (Ptolemy I) อดีตขุนศึกของอเล็กซานเดอร์มหาราช

สำหรับตัวอักษรที่อยู่บนจารึกโรเซตต้า ประกอบด้วยตัวอักษรสามแบบ แบบแรกคือตัวอักษรเฮียโรกลิฟิก ที่ถือเป็นตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์และนักบวชอียิปต์โบราณ ตัวอักษรแบบที่สองคือตัวอักษรเดโมติก (Demotic) ที่ใช้งานโดยชาวอียิปต์ทั่วไป (ระหว่างศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาลจนถึงศตวรรษที่ 5) และตัวอักษรแบบที่สามก็คือตัวอักษรกรีกโบราณ

ในตอนที่ค้นพบจารึก ตัวอักษรเฮียโรกลิฟิกและเดโมติกยังไม่สามารถถอดความหมายได้ ยกเว้นตัวอักษรกรีกโบราณที่เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว ดังนั้นนักภาษาศาสตร์ในยุคนั้นจึงคิดว่า พวกเขาจะสามารถแปลตัวอักษรเฮียโรกลิฟิกและเดโมติกบนจารึกได้ไม่ยาก โดยเทียบเคียงกับตัวอักษรกรีกโบราณ

แต่ความเป็นจริง แม้ว่าจะมีการคัดลอกสำเนาตัวอักษรบนจารึกโรเซตต้าเพื่อให้ผู้ทรงความรู้ถอดความหมาย แต่ก็ต้องใช้เวลากว่าสองทศวรรษกว่าที่จะมีคนถอดความหมายได้สำเร็จ

โดยมีผู้ทรงความรู้สองคน ที่มีส่วนอย่างมากต่อการถอดความหมายตัวอักษรเฮียโรกลิฟิก คนแรกเป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ และผู้เชี่ยวชาญภาษาชาวอังกฤษ โทมัส ยัง (Thomas Young 1773-1829) ส่วนอีกคนเป็นนักภาษาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ฌอง ฟรองซัวส์ แซมโปลิยง (Jean-Francois Champollion 1790-1832)

เริ่มต้นที่ยัง ระหว่างที่เขาศึกษาจารึกโรเซตต้า เขาก็สังเกตว่า ตัวอักษรเฮียโรกลิฟิกบางจุดบนจารึกจะอยู่ภายในวงรีที่เรียกว่า คาร์ทูช (Cartouche) และเมื่อเทียบเคียงตำแหน่งของตัวอักษรเฮียโรกลิฟิกที่อยู่ในคาร์ทูชกับตำแหน่งที่เป็นตัวอักษรกรีกโบราณ ก็พบว่ามันคือคำว่า ‘ปโตเลมี’ (Ptolemy) ที่เป็นพระนามของฟาโรห์

ดังนั้นยังจึงสัณนิษฐานว่า อักษรเฮียโรกลิฟิกที่อยู่ในคาร์ทูช น่าจะอ่านออกเสียงว่าปโตเลมีเหมือนกัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้พระนามของฟาโรห์อยู่ภายในวงรีคาร์ทูช ก็เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการปกป้ององค์ฟาโรห์จากภัยอันตราย

ส่วนทางด้านของแซมโปลิยง ด้วยความที่เขามีความรู้เกี่ยวกับตัวอักษรที่เรียกว่า คอปติก (Coptic) ซึ่งเป็นภาษาอียิปต์โบราณที่เขียนด้วยตัวอักษรกรีก รวมกับเรื่องคาร์ทูชที่ยังเสนอ นำไปสู่การที่แซมโปลิยงถอดความหมายของตัวอักษรเฮียโรกลิฟิกได้ทั้งหมดในปี 1824 และทำให้เขาถูกยกย่องเป็นบิดาแห่งวิชาอียิปต์วิทยา (Father of Egyptology)

ปัจจุบันจารึกโรเซตต้าถูกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์บริติชมิวเซียม ประเทศอังกฤษ มาตั้งแต่ปี 1802 โดยทางการของอียิปต์ก็ได้มีความพยายาม ที่จะขอให้บริติชมิวเซียมส่งมอบจารึกคืนให้กับอียิปต์

ติดตามช่องทางอื่น ๆ ของ Histofun Deluxe

X http://bit.ly/3AfKmf2

Blockdit https://bit.ly/4e25dQX

LINE TODAY https://bit.ly/48uQvRp

Website https://bit.ly/4fnCVBB

YouTube https://bit.ly/3YEkhzB

อ้างอิง

• Live Science. How do we decipher Egyptian hieroglyphics and other ancient languages?. https://www.livescience.com/how-decipher-ancient-languages.html

• Smithsonian Magazine. Two Hundred Years Ago, the Rosetta Stone Unlocked the Secrets of Ancient Egypt. https://www.smithsonianmag.com/history/rosetta-stone-hieroglyphs-champollion-decipherment-egypt-180980834/