โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

เกิดใหม่พร้อมระบบร้านค้านับอนันต์

นิยาย Dek-D

อัพเดต 24 พ.ย. เวลา 05.15 น. • เผยแพร่ 09 พ.ค. เวลา 08.29 น. • ลืมไปก่อน
หญิงสาวจากยุควันสิ้นโลกไม่เคยคิดฝันว่าพลังพิเศษที่เคยคิดว่าไร้ค่า จะทำให้ได้ใช้ชีวิตในร่างใหม่ ก่อนช่วงเวลาที่โลกจะเปลี่ยนไป ทั้งยังโชคดีได้ผูกมัดกับระบบร้านค้านับอนันต์ที่มีสินค้าจากโลกอื่นขาย!

ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้แต่ง นามปากกา ลืมไปก่อน

ผู้วาดปก facebook : Jakkree Jantakad

จัดอาร์ต facebook : ณภัทร ณภัทร

มู่อันได้ย้อนกลับมาในช่วงก่อนยุควันสิ้นโลกที่ผู้คนขนานนามให้ ในเมื่อได้ย้อนกลับมาเริ่มต้นก่อนวันสิ้นโลกแบบนี้ มีหรือที่เธอจะพลาดการกักตุนอาหารและสิ่งของจำเป็น

เป้าหมายของการใช้ชีวิตในร่างใหม่ครั้งนี้ คือจะต้องหาสถานที่ที่ห่างไกลจากเมืองที่เคยอยู่ในชีวิตก่อน จากนั้นเธอจะใช้ชีวิตสุขสบายกับตัวเองเงียบ ๆ ไม่ทำตัวโดดเด่น

โดยไม่คาดคิด ชีวิตสุขสบายในบ้านที่เคยใฝ่ฝันกลับต้องล้มเลิกไป เมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่คิด ทว่ายังดีที่ร้านค้าออนไลน์ของเธอถูกผูกเข้ากับ 'ระบบร้านค้านับอนันต์'

นับตั้งแต่ได้ใช้สินค้าจากร้านค้าต่างโลกเหล่านั้น ชีวิตก็สะดวกสบายขึ้นอีกขั้น

❗❗คำเตือน❗❗

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนิยายเรื่องนี้ เนื้อหาและตัวละคร ได้ถูกสมมุติขึ้นมาตามจินตนาการของผู้แต่งทั้งสิ้น หวังว่านักอ่านจะสนุกไปกับเนื้อเรื่องนะคะ

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ ปกติไรท์จะลงนิยาย วันละ2ตอน เวลา11.30กับ 12.00ค่ะ

ถ้ามีการแจ้งเตือนไปนอกเหนือจากเวลาทั้งสองช่วงนี้ อาจเป็นเพราะไรท์แก้คำผิดหรือเนื้อหาบางจุด ที่มีการผิดพลาดนะคะ ไม่ใช่การลงตอนใหม่น้า

นิยายเรื่องนี้ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537

ห้ามคัดลอก ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดในนิยายไปเผยแพร่ต่อ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน

การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นการกระทำที่มีความผิดทางกฎหมายตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537

ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติที่ได้ระบุไว้และจ่ายค่าเสียหายตามแต่เจ้าของผลงานจะกำหนด

1

ณ วันที่ 31 เดือน12 ปี ค.ศ.2044 มนุษยชาติได้พบผู้ติดเชื้อไวรัสซอมบี้ขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก

ทำให้ตั้งแต่วันที่ 1 เดือน 1 ปี ค.ศ. 2045 ได้ถูกขนานนามว่าเป็นยุควันสิ้นโลก ต่อมาผู้คนบนโลกได้มีความคิดเห็นตรงกันว่า จะให้วันที่ 1 เดือน 1 ปี 2045 เริ่มต้นเป็นปี 'วันสิ้นโลกปีที่1'

การที่ผู้คนทั่วโลกได้แสดงความคิดเห็นตรงกันเช่นนี้ ก็เนื่องมาจากว่า หลังจากการพบเจอผู้ติดเชื้อไวรัสซอมบี้ได้เพียงหนึ่งวัน มันได้ทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายต่าง ๆ มากมายขึ้นในทั่วทุกมุมโลก

นอกเหนือคนที่ติดเชื้อไวรัสซอมบี้จะกลายเป็นซอมบี้แล้ว ยังมีสัตว์ติดเชื้อและสัตว์ประหลาดหลากหลายสายพันธุ์เกิดขึ้นมากมาย แม้แต่ ‘มนุษย์’ ด้วยกันเอง ก็ถือเป็นภัยร้ายเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นคนปล้นชิงคน หรือคนกินเนื้อคน เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซอมบี้

ทว่าสิ่งเหล่านี้มนุษยชาติยังสามารถใช้กำลังและอาวุธต่าง ๆ ในการยับยั้งและปราบปรามได้ หากแต่ภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติ มนุษยชาติไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้เลย

เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น มนุษย์ตัวเล็ก ๆ ก็ไม่ต่างไปจาก ‘มด’ เท่าใด บางสถานที่บางแห่งกลายเป็นทะเลทรายไร้ที่สิ้นสุด บางสถานที่กลายเป็นเมืองใต้น้ำไปสิ้น หรือหากโชคดีหน่อย สถานที่ที่มนุษย์อาศัยอยู่ในบางจุดเพียงกลายเป็นดินแดนรกร้างไปเท่านั้น แน่นอนว่าแม้มันจะลำบาก แต่มนุษย์ยังคงดำรงชีพได้ต่อไป

กลับมาที่ประเทศต้าเซี่ย ยามเมื่อได้ทราบว่าประเทศตนเองได้มีผู้ติดเชื้อไวรัสซอมบี้แล้วเป็นครั้งแรก ผู้นำสูงสุดได้ลงนามคำสั่งปิดกั้นบริเวณที่พบผู้ติดเชื้อทันที และประกาศให้ประชาชนในเขตนั้น ๆ อยู่แต่ภายในบ้านของตนเองเท่านั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น และเป็นการระงับการแพร่เชื้อได้ระดับหนึ่ง

สถานการณ์ดูเหมือนจะถูกควบคุมได้โดยง่าย เพราะประชาชนต่างกักตัวอยู่แต่ภายในที่พักของตนตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด แม้ไม่มีคำสั่งห้ามนี้ ประชาชนล้วนไม่กล้าออกจากบ้านไปรับเชื้อไวรัสซอมบี้อยู่แล้ว อีกทั้งพวกเขามีประสบการณ์การกักกันตัวอยู่แต่ภายในบ้านมาหลายครั้ง เวลาที่มีเชื้อไวรัสหรือโรคร้ายใหม่ ๆ แพร่ระบาด

ทว่าเหตุการณ์ที่เหมือนจะสงบสุขนี้ กลับอยู่ได้เพียงสามเดือนเท่านั้น เมื่อทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมของรัฐ ประชาชนต่างหวาดกลัวและเริ่มหาหนทางเอาตัวรอดกันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้หลังจากนั้นเหตุการณ์กลับไม่ราบรื่นเหมือนช่วงแรก ๆ อีกต่อไป

เมื่อผู้คนอาศัยอยู่กันแต่ภายในที่พักของตนเอง ในที่สุดย่อมมีการขาดน้ำและอาหาร เจ้าหน้าที่ที่มีจำนวนน้อยกว่าประชาชน ย่อมไม่สามารถแจกจ่ายและให้ความช่วยเหลือได้ตามต้องการของประชาชนมากมายเหล่านั้น

ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ปล้นชิงและไม่สนใจคำสั่งของทางการที่ห้ามออกจากบ้านอีกต่อไป ทำให้คนเหล่านั้นเกิดติดเชื้อจากการถูกซอมบี้และสัตว์ซอมบี้กัดมากมาย และพวกเขาได้นำเชื้อไวรัสนั้นกลับไปติดคนในครอบครัวอีกทอดหนึ่ง

กว่าที่เจ้าหน้าที่ประจำเมืองจะทราบว่ามีใครติดเชื้อไวรัสซอมบี้บ้าง ภายในเขตชุมชนบางแห่งผู้คนก็ได้กลายเป็นซอมบี้ไปเป็นจำนวนมากแล้ว

กระนั้นสถานการณ์บางเมืองยังคงสามารถควบคุมได้ด้วยการจัดการที่ดีของผู้นำเมืองนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นดูแลเรื่องความปลอดภัย หรือจัดตั้งทีมส่งสิ่งของอุปโภคบริโภคให้ประชาชน และรับสมัครคนส่งของและอาหารภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารอีกทางหนึ่งด้วย

เมื่อมีความช่วยเหลือของทางการ รวมถึงไฟฟ้าและน้ำประปายังคงสามารถใช้งานได้ในระยะเวลาหนึ่ง บางเมืองจึงมีผู้รอดชีวิตจำนวนมาก

ทว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ กลับทำให้ผู้รอดชีวิตจากเชื้อไวรัสซอมบี้ในระลอกแรกมาได้ ตกตายไปมากมาย ก่อนจะมีผู้ติดเชื้อไวรัสซอมบี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จนยากที่เจ้าหน้าที่ของทางการจะควบคุมไว้ได้อีกต่อไป แต่นั่นก็เป็นเพียงก้าวแรกของยุควันสิ้นโลกที่มนุษยชาติได้พบเจอเท่านั้น…

วันสิ้นโลกปีที่ 10 ได้เกิดมหันตภัยจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกอีกครั้ง ส่งผลทำให้เกิดแผ่นดินไหวไปทั่วโลก มหาสมุทรใต้ทะเลลึกมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จนก่อเกิดเป็นคลื่นยักษ์สึนามิขึ้นหลายพื้นที่ทั่วโลก

ดินแดนรกร้างบางที่ที่เหล่ามนุษย์เคยคิดว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิต กลับกลายเป็นทะเลเวิ้งว้าง ทำให้เหล่ามนุษย์ผู้รอดชีวิตจากเชื้อซอมบี้และภัยพิบัติต่าง ๆ มาได้เป็นสิบปี พากันตกตายไปเป็นจำนวนมากกว่าครึ่ง

ภายในเมืองหลวน ดินแดนรกร้างที่ใหญ่ที่สุดของทางใต้ ที่ที่ในวันปกติจะวุ่นวายและแออัดไปด้วยมนุษย์หลายแสนคน จู่ ๆ ในขณะนี้ผู้คนต่างก็ยิ่งชุลมุนวุ่นวายยิ่งขึ้น พร้อม ๆ เสียงแจ้งเตือนจากนาฬิการะบุตัวตนของพวกเขา ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนให้อพยพไปอยู่ในที่หลบภัยอย่างเร่งด่วน!

แต่แม้ผู้คนจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการ ทว่าแผ่นดินใต้เท้าของพวกเขาที่กำลังสั่นไหว ก็ทำให้พวกเขารีบวิ่งไปหาสถานที่ปลอดภัยจนชุลมุนวุ่นวายกันยกใหญ่แล้ว

แม้เมืองหลวนจะมีสิ่งกีดขวางที่ก่อเป็นกำแพงสูง ทว่ามวลน้ำมหาศาลที่มุ่งหน้ามาทางนี้นั้นรุนแรงและรวดเร็วเกินไป ประกอบกับแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นใต้ฝ่าเท้ารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กำแพงเมืองที่สร้างขึ้นอย่างยากลำบากเมื่อหลายปีก่อน ได้พังทลายลงมาครึ่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว กระนั้นนี่กลับเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของมหันตภัยในครั้งนี้เท่านั้น

'มู่อัน' หญิงสาวที่พักอาศัยอยู่ภายในชั้นที่ยี่สิบห้าของอาคารสูงแห่งหนึ่งภายในเมืองหลวน รีบวิ่งลงไปชั้นล่างสุดของอาคารที่เธออยู่อย่างวิตกกังวล อาคารที่เธออาศัยอยู่เป็นอาคารสามสิบแปดชั้น

หากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง อาคารสูงแห่งนี้อาจพังทลายลงมาได้ แม้มันจะผ่านแผ่นดินไหวมาได้หลายครั้งแล้วก็ตาม

ทว่าในใจของเธอกลับมีความรู้สึกว่าแผ่นดินไหวในครั้งนี้จะรุนแรงกว่าครั้งไหน ๆ และตึกนี้อาจจะไม่สามารถยืนหยัดได้เหมือนที่ผ่าน ๆ มา

ชั่วขณะหนึ่งที่คิดว่าการออกจากอาคารไปถึงจะทำให้ตนเองมีชีวิตรอดมากขึ้น สายตากลับมองเห็นอะไรบางอย่างที่เคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

เมื่อมองชัดขึ้น ถึงพบว่านั่นคือคลื่นยักษ์ที่สูงกว่าตึกยี่สิบชั้นเสียอีก!

เธอกะประมาณด้วยสายตา พบว่าคลื่นยักษ์นี้สูงเกินกว่าจากที่เห็นไกลๆ มากนัก

มันอาจจะถูกถึง30ชั้นเลยทีเดียว!

มู่อันรีบวิ่งขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว ในหัวคล้ายจะมีตัวเธออีกคนที่ตะโกนว่าให้รีบวิ่งขึ้นไปข้างบนเร็ว ๆ ด้วยความตื่นตระหนก

ทว่าคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ นั้น กลับมีความสูงเกินกว่าจินตนาการของเธอมาก

เพียงไม่นานมวลน้ำมหาศาลได้ซัดเข้าหากำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเมืองหลวนที่ผู้คนพยายามสร้างและรักษาไว้มานานกว่าสิบปีก็พังทลายลง…

มวลน้ำไหลทะลักเข้าสู่เมืองอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแผ่นดินไหวที่เพิ่มความรุนแรงขึ้น เมื่อสองภัยพิบัติเกิดขึ้นพร้อมกัน พลังทำลายล้างจึงสูงเกินกว่ามนุษย์จะต้านทานได้ ไม่นานนักสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในเมืองพลันพังทลายจมลงไปในมวลน้ำ

ในขณะที่มู่อันพยายามวาดแขนถีบขา หวังพาตัวเองขึ้นไปบนผืนน้ำ เธอพลันรู้สึกถึงความแสบร้อนบริเวณข้อมือของตน ที่ที่ซึ่งมีคำว่า ‘Reset’ ถูกสลักไว้ และความรู้สึกนี้ มันเหมือนเป็นการบ่งบอกว่าพลังพิเศษกำลังจะทำงาน

คนอื่นจะเห็นว่ามันเป็นเพียงรอยสักตัวอักษรเท่านั้น มีเพียงเธอและครอบครัวที่ทราบว่ามันคือพลังพิเศษ ‘Reset’ ที่เธอได้มาตอนอายุสิบสามปี

ทว่าเธอไม่เคยรู้ว่าพลัง Reset นี้คือพลังอะไรกันแน่ ทั้งที่มันอยู่บนข้อมือของเธอมาได้หลายปีขนาดนี้แล้ว มันกลับไม่เคยแสดงความพิเศษอะไรออกมาเลยสักนิด

ทำไมฉันรู้สึกได้ถึงพลัง Reset

หรือว่า!

ขณะที่เธอกำลังดีใจที่พลังพิเศษของตนเองกำลังจะแสดงความพิเศษเป็นครั้งแรก จู่ ๆ ได้มีอะไรบางอย่างถูกกระแสใต้น้ำผลัดมากระแทกใส่เธอเข้าอย่างจัง ทำให้เธอสำลักน้ำและไม่สามารถควบคุมลมหายใจได้ทันท่วงที

ผิวน้ำที่อยู่ห่างออกไปเพียงเมตรกว่า ๆ กลับค่อย ๆ ไกลห่างออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับสติที่มีอยู่เมื่อครู่ดับวูบไปเป็นช่วง ๆ

ความเจ็บปวดและทรมานที่กวาดไปทั่วทั้งร่าง ทำให้เรี่ยวแรงของเธอค่อย ๆ หมดลง มือเท้าที่ตะเกียกตะกายโดยอัตโนมัติ ยามมนุษย์ตื่นตระหนกเพื่อรักษาเอาตัวรอดก็ค่อย ๆ แน่นิ่งลง

หากนี่เป็นการ Reset จริง ๆ เช่นนั้น ฉันก็อยาก Reset ชีวิตของฉันเหลือเกิน จะดีที่สุดหากสามารถย้อนไปก่อนที่จะเกิดวันสิ้นโลกบ้า ๆ นี่ก็ยังดี …

สมองของมู่อันคิดอะไรมากมาย ราวกับม้าที่หลุดจากการควบคุม สวนทางกับร่างกายที่ค่อย ๆ หมดลมหายใจไป สุดท้ายความดำมืดได้กลืนกินสติสัมปชัญญะเธอไปจนหมดสิ้น…

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ หากมีคำผิดหลุดมา เมนต์บอกได้เลยน้า

2

มู่อันที่หมดสติไป ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งด้วยความมึนงงสับสน ก่อนจะสังเกตเห็นว่าตนเองเหมือนกำลังบินอยู่กลางอากาศ!

เกิดอะไรขึ้น!

แม้จะตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ตรงหน้า ทว่าเพียงไม่กี่ลมหายใจ อารมณ์ของเธอก็กลับมาสุขุมและมั่นคงดังเดิม

หลังจากยืนยันว่าตอนนี้ตัวเองกำลังบินอยู่กลางอากาศจริง ๆ ก็พยายามพาตนเองลงสู่พื้นดินด้านล่าง

ทว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจควบคุมร่างกายของตนเองได้เลย จึงได้แต่มองดูสภาพแวดล้อมด้านล่างด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ทิวทัศน์ด้านล่างคือเมือง ๆ หนึ่ง

บนถนนมีรถยนต์วิ่งไปมามากมาย อีกทั้งยังมีผู้คนเดินกันขวักไขว่บนทางเท้าอย่างเร่งรีบบ้าง เอื่อยเฉื่อยบ้าง ที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นตึกสูงสวยงามตามข้างทางทั้งสองฝั่ง ภาพเหล่านี้ทำให้มู่อันอดจะตกตะลึงไม่ได้จริง ๆ

ทว่าจู่ ๆ เธอกลับได้ยินเสียงของชายหญิงคู่หนึ่งที่คล้ายกำลังโต้เถียงอะไรกันบางอย่างกันอยู่ เสียงของพวกเขาดึงความสนใจของเธอไปจากสภาพการณ์เบื้องล่างทั้งหมด เธอหันไปตามทิศทางที่เสียงของพวกเขาด้วยความสนใจ

แม้เธอจะเห็นสิ่งต่าง ๆ มากมาย รวมถึงเสียงแตรรถยนต์และเสียงประกาศจากทีวีจอใหญ่บนตึกสูง แต่เธอกลับได้ยินเสียงสองเสียงที่โต้เถียงกันนี้อย่างชัดเจน

อาจเพราะเธอสนใจเสียงสนทนาของพวกเขา ทำให้เธอรู้สึกว่าเสียงทั้งสองนี้ กำลังดึงตัวเธอที่ลอยอยู่บนฟ้าไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาหนึ่งเธอก็พบชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังทะเลาะกันอยู่ภายในห้องนอนใหญ่

จากการโต้เถียงของพวกเขา ทำให้เธอทราบว่า ผู้ชายคนนี้แอบมีคนรักอีกคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้จึงเสียใจและขอร้องให้เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้น หล่อนพร้อมให้โอกาสเขาอีกครั้ง

มู่อันไม่อยากรู้เรื่องพวกเขา จึงหันไปสนใจสภาพแวดล้อมภายในห้องนอนที่พวกเขาอยู่แทน

ห้องนอนนี้สะอาดสะอ้าน ต่างจากเมืองรกร้างที่เธออยู่มาก อีกทั้งที่นี่ยังมีไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศใช้ด้วย แต่ที่ดึงดูดสายตาของเธอมากที่สุด ก็คือหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่บนโต๊ะนั่น

บนหน้าจอยังคงมีภาพชายหญิงคู่หนึ่งอยู่นับสิบรูปภาพทับซ้อนกัน เธอ ‘บิน’ ไปดูหน้าจอชัด ๆ แล้วถึงเห็นว่าเป็นผู้ชายที่อยู่ในห้องนี้กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง คงเพราะมีหลักฐานมัดแน่นหนาแบบนี้ ทั้งคู่ถึงได้ทะเลาะกันใหญ่โต

ขณะนี้ผู้ชายได้บอกเลิกหญิงสาวอย่างจริงจัง และเก็บกระเป๋าออกจากห้องไป โดยไม่สนใจคำอ้อนวอนของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย ทำให้หญิงสาวไร้เรี่ยวแรงจะทรงตัวยืนไหว ถึงได้คุกเข่าลงไปพลางกรีดร้องออกมาด้วยความปวดใจ

มู่อันอยากจะบอกหญิงสาวเหลือเกิน ว่าผู้ชายแบบนี้ไม่คู่ควรกับคำขอร้องอ้อนวอนหรอกนะ จนใจที่เธอเป็นเพียง 'ผู้ดูละคร' มิอาจเอ่ยปากเปล่งเสียงพูดออกมาได้

ใช่แล้ว เธอไม่สามารถพูดได้ ทำได้แค่มองและฟังเท่านั้น อีกทั้งยังไม่สามารถออกจากห้องนี้ไปได้ดังใจนึกด้วย

มู่อันคิดว่าตอนนี้เธอคงกำลังฝันอยู่ หรือไม่ก็อยู่ในช่วงเวลาแห่งความตายที่วิญญาณออกจากร่าง และคงเป็นพลังResetของเธอ ที่ทำให้เธอได้มาเห็นภาพอะไรแบบนี้ เพื่อเติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของเธอก่อนไปสวรรค์หรือไม่ก็นรก

ใช่แล้ว เธออยากเห็นโลกในวันก่อนที่โลกจะกลายเป็นยุควันสิ้นโลกด้วยตาของตนเองอีกสักครั้งมาโดยตลอด และตอนนี้ที่นี่ก็ดูเหมือนจะเป็นโลกที่เธอใฝ่ฝันถึงในทุกเมื่อเชื่อวัน

เธออยากจะออกจากที่นี่ไปที่อื่นแทน ทว่ากลับไม่สามารถทำได้ดังใจนึก จึงได้แต่หันไปโฟกัสที่โทรศัพท์มือถือในมือของผู้หญิงภายในห้องอย่างสนอกสนใจแทน นั่นเป็นสิ่งที่เธอใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของมากที่สุดในยุควันสิ้นโลก

เมื่อวันสิ้นโลกมาถึง โทรศัพท์มือถือที่เคยเป็นเครื่องมือสื่อสารที่หาได้ทั่วไป ได้กลายเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด จนบางคนไม่สามารถครอบครองได้อีกต่อไป

หลังจากพื้นที่ดินแดนรกร้างถูกสร้างให้เป็นเมืองปลอดภัย การจะหาเครื่องโทรศัพท์ที่ยังสามารถใช้งานได้ดี นับว่าค่อนข้างยากทีเดียว อีกทั้งหากไม่มีเสบียงมากพอ ก็ยากจะแลกเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือมาใช้งานได้

เมื่อยุควันสิ้นโลกมาถึง ช่วงเวลาที่เครือข่ายสัญญาณถูกตัดขาด โทรศัพท์มือถือที่เคยเป็นดั่งอวัยวะสำคัญของมนุษย์ ไม่สามารถใช้ติดต่อหากันได้อีก ผู้คนจึงละทิ้งมันไปอย่างน่าเสียดาย กว่าที่สัญญาณโทรศัพท์มือถือจะกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง มันก็ได้กลายเป็นสิ่งที่หาได้ยากไปเสียแล้ว

มู่อันที่จ้องมองโทรศัพท์มือถืออย่างใจลอยอยู่นั้น พลันตกใจเสียงตะโกนของหล่อนที่จู่ ๆ ก็โพล่งออกมา

หล่อนนั่งเหม่อลอย พลางพูดซ้ำๆ ว่าไม่มีใครรักฉันเลย ไม่มีใครเข้าใจฉันเลย

มู่อันมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ก็แค่ผู้ชายเลว ๆ คนเดียวไม่ใช่เหรอ

แต่เมื่อคิดว่านี่อาจเป็นรักแรกในชีวิตของอีกฝ่าย เธอก็ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรต่ออีก

คนเรามีสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจต่างกัน บางทีผู้ชายคนนั้นอาจเป็นโลกทั้งใบของหล่อนก็ได้ เมื่อเสียโลกทั้งใบไปแบบนั้น คงไม่แปลกที่หล่อนจะฟูมฟายขนาดนี้

มู่อันหันไปสนใจสิ่งต่าง ๆ ภายในห้องนอนขนาดประมาณยี่สิบตารางเมตรต่อ แต่ก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจอีก เธออยากจะออกไปดูด้านนอก ว่ายังมีห้องอื่น ๆ อีกไหม แต่กลับไม่สามารถออกไปจากห้องนอนนี้ได้

ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นเดินมาที่โต๊ะคอมพิวเตอร์แล้ว มู่อันเห็นหล่อนปิดภาพชายคนรักกับหญิงคนอื่น แล้วเปิดรูปคู่ของตนเองกับชายคนนั้นขึ้นมาแทนที่ พลางร้องห่มร้องไห้ปริ่มจะขาดใจไปด้วย

มู่อันอยากจะเอ่ยคำปลอบใจสักสองสามคำ แต่กลับไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ จึงได้แต่ถอนหายใจมองหล่อนเงียบ ๆ

ในขณะที่มู่อันกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พลางเหม่อมองท้องฟ้าใสกระจ่างที่ด้านนอกกระจกบานสูง เวลาผ่านไปอย่างไม่ทราบเวลาแน่ชัด เธอถึงรู้สึกว่าตนเองไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาวภายในห้องแล้ว

เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหยุดร้องไห้ไปตอนไหน แล้วตนเหม่อลอยไปนานเท่าใด พอหันไปมองอีกฝ่าย กลับพบว่าตอนนี้หญิงสาวได้นอนอยู่บนที่นอนแล้ว

มู่อันถอนหายใจอย่างไร้สุ่มเสียงออกมา ด้วยความคิดที่ว่าในที่สุดผู้หญิงคนนี้คงคิดตกแล้ว ถึงได้นอนหลับไปได้เช่นนี้

มู่อันมองร่างกายบนที่นอนพลางนึกคิดไปเช่นนั้น ทว่าจู่ ๆ เธอพลันรู้สึกว่าร่างกายของตนเองหนักอึ้งขึ้นมา ไม่ได้เป็นร่างไร้น้ำหนักเหมือนก่อนหน้าอีก และเพียงพริบตาพลันพบว่าตัวเองไม่ได้บินอยู่กลางอากาศอีกต่อไป หากแต่กลับถูกความมืดมิดดูดกลืนเข้าสู่วังวนที่น่าหวาดหวั่น

ไม่ทราบว่าเธออยู่ท่ามกลางความมืดมิดนานเท่าใด หากแต่จู่ ๆ แสงสว่างกลับนำเธอไป ‘เห็น’ เรื่องราวของหญิงสาวที่เพิ่งทะเลาะกับแฟนเมื่อครู่

ดูไปอยู่ครู่ใหญ่ เธอถึงเข้าใจได้ว่า ตอนนี้เธออาจได้เข้ามาในความทรงจำของหล่อนคนนี้ และเฝ้ามองดูทุกอย่างผ่านดวงตาทั้งสองข้างของหล่อน หรือกล่าวคือตอนนี้ตัวเธอกลายเป็น 'ดวงตา' ของหล่อนไปแล้วนั่นเอง

ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่เร็วไม่ช้า เพียงพอให้เห็นชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตของหล่อน กระทั่งมาถึงช่วงเวลาที่หล่อนทะเลาะกับแฟนหนุ่ม เธอถึงไม่อยากจะดูเรื่องราวนี้ต่อไป

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะ ‘ดวงตา’ อย่างเธอไม่อยากดูต่อแล้วหรือไม่ ความมืดถึงได้คืบคลานเข้ามาแทนที่ภาพเรื่องราวต่อจากนั้นแทน

ทว่าแม้มู่อันจะไม่เห็นสิ่งใดอีกต่อไป หากแต่กลับรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายแทน มันเป็นความหวาดกลัวของหล่อน แต่ในความหวาดกลัวนี้ได้แฝงไว้ด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง หมดกำลังใจในการมีชีวิตอยู่

แม้จะมีอีกความรู้สึกหนึ่งชัดเจนขึ้นมาในภายหลัง กระนั้นมันกลับหายไปพร้อมกับความมืดมิดที่เข้ามาปิดกั้นความรู้สึกทั้งหมดอย่างไม่ทันตั้งตัว

ถึงจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วินาที มู่อันกลับจับความรู้สึกนั้นไว้ได้ทัน มันเป็นความรู้สึกผิดต่อพ่อแม่ รู้สึกผิดต่อตนเอง…

เมื่อความมืดมิดกลืนกินดวงตาและความรู้สึกของมู่อันแล้ว หลังจากเวลาผ่านไปไม่ทราบว่านานเท่าใด มู่อันถึงได้กลับมารู้สึกถึงแขนขาของตนเองอีกครั้ง เธอผุดลุกขึ้นนั่งด้วยใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

ฉันรู้สึกถึงร่างกายของตนเองแล้ว!

ไม่ใช่เหมือนเมื่อครู่ ที่คล้ายเป็นร่างวิญญาณควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้อีกต่อไป

“อา อือ ฉัน”

เธอลองเปล่งเสียงออกมาเพื่อดูว่าตนเองสามารถพูดออกเสียงได้หรือไม่ เมื่อได้ยินเสียงของตนเองที่เปล่งออกมาอย่างแหบพร่าก็พลันดีใจขึ้นมา

เธอหัวเราะออกมาอย่างดีใจ พลางมองสำรวจเนื้อตัวตนเองและสิ่งรอบตัว ก่อนจะตัวแข็งทื่อไป

เสื้อผ้าพวกนี้ สิ่งของพวกนี้… นี่มันห้องนอนของผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เหรอ!

มู่อันเบิกตากว้างพลางลุกพรวดออกจากที่นอน ทำให้ขวดสีขาวที่อยู่บนผ้าห่มกลิ้งตกลงมาด้วย เธอหยิบมันขึ้นมาดู ถึงเห็นว่ามันเป็นขวดยาเล็ก ๆ ขวดหนึ่ง ภายในขวดยาเหลือยาเพียงสามสี่เม็ดเท่านั้น

เธอมองดูขวดยา แล้วมองดูมือของตนเอง แล้วสลับไปดูขวดยาอีกครั้ง พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เลยรีบวิ่งไปหากระจกส่องทันที

เมื่อเธอเห็นหน้าตาของตัวเองในกระจกก็อดจะตะโกนออกมาไม่ได้

“นี่มันหล่อนไม่ใช่เหรอ!”

เธอนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะทำความเข้าใจได้ว่า ตอนนี้เธอได้เข้ามาครอบครองร่างกายของผู้หญิงคนนี้ไปแล้ว…

3

มู่อันใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะทำใจยอมรับ ว่าตนเองได้กลายมาเป็นผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้แล้ว ก่อนจะหันความสนใจไปมองห้องที่สะอาดสะอ้าน และเดินออกไปดูบริเวณรอบ ๆ ที่พักที่สะอาดและมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายนี้

พอเปิดประตูระเบียงออกไป เสียงจอแจด้านนอกพลันดังแว่วมาให้ได้ยิน เธอมองดูสะพานขนาดใหญ่ที่เชื่อมตัวอาคารต่าง ๆ ไว้อย่างสนใจ

บนสะพานคล้ายเป็นถนนลอยฟ้าสายหนึ่ง มีผู้คนและร้านค้ามากมายที่นั่น บรรยากาศล้วนเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เธอมองทิวทัศน์นี้อยู่นาน ก่อนจะละสายตาแล้วทอดมองลงไปด้านล่าง

บนถนนลอยฟ้าไม่มีรถยนต์สักคันหนึ่ง หากแต่ถนนด้านล่างกลับเต็มไปด้วยรถยนต์มากมายที่วิ่งอยู่บนท้องถนน

แม้ภาพเหล่านี้เธอจะเคยเห็นมาก่อนในชีวิตที่แล้ว ทว่านั่นก็ผ่านมานานมากแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้ตัวเองจะได้กลับมาเห็นอย่างชัดเจนอีกครั้ง

มู่อันสูดลมหายใจเอาอากาศที่บริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด แม้มันจะไม่ใช่อากาศบริสุทธิ์หนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ก็ตาม แต่นี่ถือว่าเป็นอากาศที่ดีที่สุดในรอบหลายปีที่เธอเคยได้สัมผัสมา

เมื่อนึกถึงยุควันสิ้นโลก และมองดูสิ่งต่าง ๆ ด้านนอก มู่อันพลันมีความคิดที่ไม่สมจริงขึ้นมาเรื่องหนึ่ง

เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนแล้วดูวันเวลาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หลังจากเห็นตัวเลขพวกนั้น ร่างทั้งร่างของเธอพลันแข็งทื่อไปทันใด เพราะบนหน้าจอได้แสดงเวลาและวันที่เอาไว้

14.23

27/12/2044

เธอจำได้แม่นว่าวันที่มีข่าว พบเจอผู้ติดเชื้อไวรัสซอมบี้ครั้งแรก คือคืนวันที่ 31 เดือน 12 ปี 2044 ในช่วงที่ผู้คนกำลังร่วมฉลองก่อนวันปีใหม่สากล นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนในโลกจดจำ และเธอเองก็จำได้ขึ้นใจเหมือนคนอื่น ๆ

หากเป็นอย่างที่เธอคิดจริง ๆ เช่นนั้นพลังReset ของเธอ ถือว่าเป็นพลังพิเศษที่ดีที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ!

หลังจากจัดการความรู้สึกหลากหลายภายในใจของตัวเองได้ มู่อันก็รีบนั่งลงบนเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์แล้วค้นหาเมืองต้าตง เขตตงเหอ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธออาศัยอยู่ในเวลานี้ทันที

โชคดีที่เธอมีความทรงจำของเจ้าของร่างนี้ ทำให้สามารถใช้ชีวิตในยุคนี้ได้สะดวก และยังใช้งานคอมพิวเตอร์ได้คล่องแบบนี้

ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า หากเธอมาอยู่ในร่างคนอื่นแบบนี้ แล้วตัวเธอที่อายุเพียงสิบสองปีในตอนนี้จะเป็นอย่างไร ยังอยู่กับป้าที่นั่น หรือกลายเป็นคนที่ไม่เคยมีตัวตนมาก่อนในโลกใบนี้…

เธอรีบค้นหาชื่อโรงเรียนที่ตนเองเรียนอยู่ทันที โชคดีที่เธอยังจำชื่อโรงเรียนในเขตตงเหอนั่นได้ ทว่ากลับไม่สามารถหาข้อมูลตัวเองพบ

บางทีนี่อาจเป็นการปกป้องข้อมูลเด็ก ทางโรงเรียนจึงไม่อนุญาตให้คนไม่เกี่ยวข้องหาข้อมูลของเด็กคนหนึ่งได้

เธอหันไปสืบค้นชื่อตัวเองจากสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ แต่ก็ไม่พบเช่นกัน

ทว่าเมื่อค้นหาข้อมูลพ่อกับแม่ กลับพบว่าพวกเขาได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุไปแล้วเมื่อสองปีก่อน ซึ่งตรงกับชีวิตเดิมของเธอ

เธอมองภาพพ่อและแม่บนหน้าจออย่างคิดถึงอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะยิ้มให้กับพวกท่านแล้วบอกว่าตนเองจะใช้ชีวิตให้ดี ขอให้พวกเขาไม่ต้องเป็นห่วง

แม้จะเจอข้อมูลของพ่อแม่แล้ว กระนั้นกลับหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอที่เป็นลูกสาวของพวกเขาไม่ได้เลย เธอจึงมีข้อสงสัยหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ

ตกลงฉันกลับมามีชีวิตใหม่ก่อนยุควันสิ้นโลก หรือฉันกลับมามีชีวิตใหม่ในโลกคู่ขนานอื่นกันแน่

มู่อันเกิดความสงสัยและสับสนในชีวิตเป็นอย่างมาก ทว่าตอนนี้เธอไม่สามารถรู้ได้จริง ๆ ว่าตอนนี้เธออยู่ในโลกเดิมหรือโลกใบไหนกันแน่ เพราะหาข้อมูลของตัวเองไม่พบ

อีกทั้งเมื่อชีวิตก่อน หลังจากกลายเป็นผู้ปลุกพลัง เธอได้ลืมความทรงจำบางส่วนของเธอไป ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องปกติของผู้ที่ปลุกพลังพิเศษขึ้มาได้ ทำให้ตอนนี้จึงสรุปไม่ได้จริง ๆ ว่าตกลงเธออยู่ในโลกใบเดิมหรือในโลกคู่ขนานกันแน่

นวนิยายที่เธอเคยอ่านในชีวิตก่อน มีเรื่องราวที่ตัวเอกไปต่างโลกบ้าง เกิดใหม่ในโลกเดิมบ้าง หรือเข้าร่างคนอื่นในโลกคู่ขนานบ้าง

นั่นทำให้เธอค่อนข้างรับได้โดยง่าย หากตนเองมายังโลกคู่ขนานหรือโลกใบอื่นที่ไม่มีตัวเองในโลกใบนี้

เมื่อพบข้อมูลว่าตอนนี้ตนเองอยู่ห่างจากเขตตงเหอเพียงหนึ่งร้อยกว่ากิโลเมตร มู่อันก็รีบเก็บของเพื่อจะเดินทางไปที่นั่นทันที

กระนั้นเมื่อมองสภาพของเธอในตอนนี้ มันช่างไม่เหมาะสมที่จะออกไปข้างนอกเสียเลย จึงต้องอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายก่อน ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจตกใจกับสภาพของเธอได้

มู่อันเดินกลับไปที่ห้องน้ำ แล้วเปิดก๊อกน้ำล้างหน้าล้างตา แล้วถอดเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

เธอรีบดูที่ข้อมือของตนเองทันที ทว่ากลับพบเพียงข้อมือขาวผ่องไร้ร่องรอยตัวอักษรใดเท่านั้น

ก็ใช่นะ พลังนั้นถูกใช้ไปแล้ว มันคงไม่กลับมาให้ใช้อีกครั้งหรอก

เธอถอนหายใจ พลางกดแชมพูสระผม สระผมยาว ๆ ของร่างนี้

ผมยาวจังเลยแฮะ ตัดสั้นดีไหมนะ

แม้เธอจะคิดเช่นนั้น หากแต่กลับไม่มีความคิดเรื่องที่จะไปร้านตัดผมเลยแม้แต่น้อย

มู่อันใช้เวลาอาบน้ำอยู่พักใหญ่กว่าจะยอมออกจากห้องน้ำ แชมพูสระผมและครีมอาบน้ำมีกลิ่นหอมจนเธออยากจะอาบน้ำนาน ๆ

อีกทั้งมัวแต่คิดว่าหาก 'ตัวเอง' มีตัวตนและอาศัยอยู่กับป้าในตอนนี้จริง ๆ ตนเองจะเข้าหา 'ตัวเอง' ในวัยสิบสองปีอย่างไรดี และทำอย่างไรจะให้ ‘ตัวเอง’ ติดตามเธอเดินทางออกไปจากที่นั่นได้

หลังจากอิ่มเอมกับการอาบน้ำจนสดชื่นทั้งกายใจ ถึงได้พันผ้าขนหนูสีชมพูผืนใหญ่ที่มีวางไว้ในห้องน้ำ แล้วเดินออกไปที่ห้องนอนเพื่อแต่งตัว

ภายในตู้เสื้อผ้ามีเสื้อผ้าเต็มไปหมด แต่เธอกลับนึกถึงเสื้อผ้าที่ตากอยู่ด้านนอก จึงเดินออกไปนำเสื้อผ้าที่ตากอยู่มาใส่แทน เธออดไม่ได้ที่จะดมเสื้อผ้าที่มีกลิ่นแดดอ่อน ๆ อย่างพึงพอใจ

โลกในยุคนี้ นี่มันดีจริง

มู่อันหากระเป๋าเดินทางและเริ่มเก็บสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นลงไป โดยเปิดเพลงในคอมพิวเตอร์เอาไว้ด้วย

เพลงที่เธอจำได้ เธอสามารถค้นหาพบได้ทั้งหมด เธอจึงมีความคิดว่านี่อาจเป็นโลกใบเดิม เพียงแต่พลังReset ทำให้เธอต้องใช้ชีวิตในร่างคนอื่นแทน

ชีวิตก่อนเธอมักจะมีความรู้สึกไม่มั่นคงเล็กน้อยในใจ ทั้งที่ตนเองเป็นผู้ปลุกพลังแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้ว่าตนเองมีพลังพิเศษอะไรกันแน่ ไม่เหมือนผู้ปลุกพลังคนอื่น ๆ ที่สามารถนำพลังพิเศษออกมาใช้งานได้อย่างภาคภูมิใจ

ตอนนี้เธอรู้แล้วว่า 'Reset' ที่ตนและคนอื่นเคยมองว่าไร้ค่ามาโดยตลอด แท้จริงแล้วมันคือพลังสุดพิเศษ ที่แม้แต่ฝันคนอื่นก็ไม่กล้าจะฝันว่าจะได้ครอบครองพลังพิเศษเช่นนี้

มู่อันลูบข้อมือขาวเนียนพลางกล่าวขอบคุณเบา ๆ อย่างจริงใจ คำขอบคุณนี้ เธอขอบคุณพลังพิเศษและขอบคุณเจ้าของร่างเดิม

ถ้าฉันเจอไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่น ฉันสัญญาจะตีมันให้ขาหัก แก้แค้นให้เธอนะ

ถึงร่างกายนี้จะไม่ใช่ของเธอ แต่ตอนนี้เธอยอมรับอย่างเต็มร้อยแล้วที่จะใช้ชีวิตแทนเจ้าของร่างอย่างดี

หากนี่เป็นโลกเดิม นั่นแปลว่าเธอเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน ก่อนที่โลกจะพบผู้ติดเชื้อแสดงอาการเป็นครั้งแรก

มู่อันเก็บสิ่งของที่จำเป็นทั้งหมดลงในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เสร็จ เธอถึงเพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่า เธอไม่เคยเดินทางไปไหนเองเลย แล้วเธอจะเดินทางไปเมืองต้าตงได้ยังไง

มู่อันใช้เวลาทั้งวันในการศึกษาสิ่งต่าง ๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเดินทาง การจ่ายเงินผ่านโทรศัพท์ การใช้บัตรขึ้นรถประจำทางหรือรถไฟ รวมถึงการทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต

แม้จะมีความทรงจำของเจ้าของร่างอยู่ ทว่าสิ่งที่ควรต้องศึกษาเรียนรู้ก็ยังคงต้องใส่ใจอยู่บ้าง เพราะความทรงจำเหล่านั้นคล้ายเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เธอไม่ได้ตั้งใจดูนัก บางสิ่งบางอย่างจึงถูกละเลยไปบ้าง

โชคดีที่โทรศัพท์ของเจ้าของร่างเดิมใช้ลายนิ้วมือในการปลดล็อค ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องใช้เวลาในการค้นหาความทรงจำเกี่ยวกับรหัสปลดล็อคอีกนาน

ตอนนี้เธอได้กลายเป็นเจ้าของร่างไปแล้วจริง ๆ เธอสามารถจดจำความทรงจำทั้งหมดของเจ้าของร่างเดิมได้ เสมือนเป็นความทรงจำของตนเอง แต่บางอย่างอาจต้องใช้เวลาในการนึกนานหน่อยเท่านั้น

ส่วนความทรงจำของตัวเธอในชีวิตก่อน ตอนนี้กลับยิ่งเลือนรางมากขึ้นไปอีก แต่เธอไม่สนใจเท่าไรนัก ชีวิตนี้เธอมีเป้าหมายและจุดหมายปลายทางต่างจากชีวิตก่อน คงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากความทรงจำพวกนั้นได้มากนัก

เมื่อยุควันสิ้นโลกมาถึง แต่ละพื้นที่ของประเทศต่างได้รับผลกระทบต่างกัน ชีวิตก่อนเธออยู่ทางใต้ที่มักจะเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ ทว่าในชีวิตนี้เธอจะเดินทางขึ้นเหนือ เรื่องราวทางเหนือเป็นเช่นไรเธอไม่อาจทราบล่วงหน้าได้เลย…

นิยายลงวันละ 2 ตอนนะคะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ ❤️

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...