'15 ค่ำ เดือน 11' อย่างที่ทราบกันดีว่าตรงกับ 'วันออกพรรษา' ขอทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง ที่ผู้นับถือศาสนาพุทธจะร่วมทำบุญตักบาตรเทโว และถือเป็นวันสิ้นสุดการจำพรรษาของพระสงฆ์
นอกจากนี้ยังเกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์อย่าง 'บั้งไฟพญานาค' ที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่ศรัทธาแห่หลั่งไหลมาชมกันริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในอำเภอโพนพิสัย อำเภอรัตนวาปี อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย และ อำเภอเมือง อำเภอบึงโขงหลง อำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งในทุกปีเรื่องความเชื่อ แรงศรัทธา ก็ทวีคูณเพิ่มขึ้น ถึงช่วงนี้มีสถานการณ์โควิด-19
ณ ปัจจุบัน เรื่อง 'บั้งไฟพญานาค' ก็ยังเกิดข้อกังขาถึงปริศนาที่เกิดขึ้น เป็นฝีมือมนุษย์ ? , ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ? หรือเกิดจากพญานาคที่กำลังเวียนว่ายอยู่ในแม่น้ำโขง ตามที่ชาวบ้านในพื้นที่เล่ากันปากต่อปาก แต่ทว่าด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ก็ทำให้หลายคนพยายามหาคำตอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อคลายปมสงสัย แต่กลับกลายเป็นการลบหลู่สิ่งที่ผู้คนนับถือ ดั่งคำที่ว่า 'ไม่เชื่ออย่าลบหลู่'
ล่าสุดเฟซบุ๊ก 'พิสูจน์บั้งไฟพญานาค' เพจที่พยายามหาคำตอบ พร้อมไขปริศนาที่เกิดขึ้นแท้จริงสิ่งที่เห็นเป็นฝีมือมนุษย์ โดยผู้ที่ตกเป็นข้อสงสัยอันดับต้น ๆ ของแสงที่เกิดขึ้นมาจาก 'กระสุนส่องวิถี' ที่ถูกยิงขึ้นฟ้ามาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน !?
เจ้าเซื่อเรื่องลูกปืนส่องแสงบ่
Posted by พิสูจน์บั้งไฟพญานาค on Sunday, October 24, 2021
เสาร์นี้ในอดีต : สัปดาห์นี้เราจะพาไปรู้จักกับผู้ต้องสงสัยอันดับต้น ๆ ของการเกิดลูกไฟที่ลอยขึ้นฟ้าคือ 'กระสุนส่องวิถี' ที่มักถูกพาดพิงของการอยู่เบื้องหลัง รวมถึงวิถีการยิงอย่างแนบเนียน ซึ่งกลุ่มคนที่พิสูจน์ปรากฏการณ์ได้ตั้งข้อสันนิษฐานนี้ทุกปี
อย่างที่กล่าวในข้างต้น กระสุนส่องวิถี มักเป็นสิ่งที่ผู้พิสูจน์ได้สันนิษฐานของการเกิดบั้งไฟพญานาค และเมื่อย้อนประวัติของผู้ต้องสงสัยพบว่า เป็นกระสุนพิเศษที่ฐานใต้หัวกระสุนถูกดัดแปลงให้บรรจุสารเคมี อาทิ ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม ฯลฯ หรือสังเกตได้ง่าย ๆ คือปลายกระสุนจะมีสีแดงและมีขนาดเพียง 7.62x51mm NATO และเมื่อเวลายิงก็จะเกิด ประกายไฟ ส่องความสว่าง จนเกิดวิถีกระสุนที่สามารถมองเห็นได้ในยามค่ำคืน
พูดถึงและพิสูจน์ทุกปี
นอกจากชาวบ้าน นักท่องเที่ยวที่มีความศรัทธาที่ตั้งตารอ การเกิดบั้งไฟพญานาคแล้ว ก็ยังมีผู้ที่รอพิสูจน์ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญออกมาให้คำอธิบายเช่นเดียวกัน ถึงจะผ่านมาหลายปีก็มักมีข้อสันนิษฐานให้ชวนคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติหรือฝีมือมนุษย์หรืออภินิหาร
เริ่มด้วย อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในทุกปีจะออกมาพูดถึงทฤษฎีในทางหลักวิทยาศาสตร์ถึงความเป็นได้มากที่สุด โดนเน้นย้ำว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล
ซึ่งในปี 2557 อ.เจษฎา ได้ยกทฤษฎีของนายแพทย์มนัส กนกศิลป์ บั้งไฟพญานาคที่เราเห็นอาจเกิดจากแก๊สธรรมชาติในท้องน้ำก๊าซมีเทน ผสมกับก๊าซไดโตรเจน และมีแบคทีเรียมากระตุ้นเป็นจำนวนมาก และเมื่อถึงจุดหนึ่งก๊าซที่สะสมมาเป็นเวลานานก็สามารถเคลื่อนตัว และเป็นกระทบกับออกซิเจนจึงทำให้เกิดลูกไฟ
แต่ทว่าทฤษฎีดังกล่าวเกิดข้อโต้แย้งเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยท้องน้ำของแม่น้ำโขงไม่ได้เป็นดินที่จะสะสมของแก๊สธรรมชาติใต้ท้องน้ำได้ เพราะก๊าซต้องมีภาชนะห่อหุ้มถึงจะสามารถติดไฟได้
แล้วถ้าไม่ใช่แก๊ส สิ่งที่เกิดก็คือฝีมือมนุษย์โดยใช้ 'กระสุนส่องวิถี’ เมื่อยิงขึ้นฟ้าสารเคมีจะทำปฏิกิริยากับอากาศแล้วกลายเป็นลูกไฟ ส่วนที่เห็นลูกไฟเคลื่อนตัวช้าก็เกิดจากวิถีการยิงในแนวตรงนั้นเอง
และเมื่อย้อนไปในปี 2555 กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เปิดผลพิสูจน์บั้งไฟพญานาคชี้ชัดว่าเป็นปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจาก การทำปฏิกิริยาของสารกับอุณหภูมิที่เหมาะสม จนกลายเป็นลูกไฟพุ่งขึ้นเหนือน้ำ โดยเฉพาะพบสารฟอสฟีนซึ่งติดไฟได้เอง เป็นสิ่งยืนยันว่าไม่ใช่ฝีมือมนุษย์
ล่าสุดผู้สื่อข่าวบีบีซีไทยได้พูดคุยกับ นายยุทธนา ศรีตะบุตร นายก อบจ. หนองคาย พร้อมเผยว่า บั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แม้จะยังอธิบายสาเหตุการเกิดขึ้นของลูกไฟไม่ได้ แต่สิ่งที่แน่นอนคือไม่ได้เกิดจากการกระทำของมนุษย์
ปรากฏการณ์ดังกล่าวทั่วโลกก็เคยปรากฎลูกไฟประหลาด คล้ายๆ กับบั้งไฟพญานาค ไม่ว่าจะเป็นที่ ฝรั่งเศส อเมริกา นอร์เวย์ และมีเฉดสีที่หลากหลาย ซึ่งที่ฝรั่งเศสจะเรียกว่า Feux follets หรือ Foolish fire หรือ Ghost light และพื้นที่ที่พบลูกไฟดังกล่าวมักจะอยู่ในที่ชื้นแฉะและมีน้ำท่วมขังนาน ๆ
"ทั้งนี้ บั้งไฟพญานาค ก็ยังเป็นปรากฎการณ์ที่ยังไม่สามารถหาคำอธิบายที่ได้อย่างชัดเจน มีเพียงแค่ข้อสันนิฐานว่าเกิดจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตามที่สื่อหยิบมานำเสนอ รวมถึงตำนานที่อยู่คู่กับริมน้ำโขงมาหลายชั่วอายุและเรื่องเล่ามากมายจากคนในพื้นที่ที่สืบทอดกันว่าบั้งไฟที่เกิดนั้นมาจาก พญานาค
ดังนั้นคำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ก็ยังสามารถใช้ได้ในทุก ๆ เรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อ แต่ทว่าวันเวลาหมุนเปลี่ยนไปทุกคนก็ต้องการพิสูจน์ในความเชื่อนั้นว่าแท้จริงแล้วมีมูลเหตุมาจากอะไร แต่ก็ควรที่จะอยู่ในกรอบเกณฑ์ที่ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันละกัน "
อ้างอิง
ความเห็น 98
ถามitvเมื่อหลายปีก่อนดู
27 พ.ย. 2564 เวลา 23.24 น.
Anant
อยากเห็นภาพ ”ลูกไฟพญานาค” ของจริง เป็นยังไงครับ
26 พ.ย. 2564 เวลา 01.28 น.
Lay5160
การศึกษาไม่ได้ช่วยให้คนบางกลุ่มวิเคราะห์เป็น แน่จริงให้เค้าพิสูจน์สิ ไม่ได้เสียหายอะไร ส่วนใครอยากดูก็ดูไป มันจะเกิดขึ้นเองหรือคนทำก็ไม่เป็นอะไรไม่ใช่เหรอ การพิสูจน์เพียงแค่ทำให้คนได้รู้ความจริง
19 พ.ย. 2564 เวลา 23.21 น.
nok
กระสุน ตัดออกไปได้เลย
ไม่มีใครมองเห็นลูกปืนที่ยิง
ออกจากกนะบอกปืน หรอก
ไฟ พญานาค นะลอยขึ้น ช้าๆ
ถ้าเป็นพลุส่องสว่าง จะลอยจากบนลงล่าง
12 พ.ย. 2564 เวลา 21.54 น.
Ko
ลาวเค้่าเเอบขำมานานเเล้วเเต่เค้าไม่อยากพูด ที่คนไทยไปดู..
02 พ.ย. 2564 เวลา 18.08 น.
ดูทั้งหมด