โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

รู้จัก "เครดิตเรตติ้ง" กุญแจสำคัญก่อนลงทุนหุ้นกู้

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 16 พ.ค. 2567 เวลา 10.39 น. • เผยแพร่ 16 พ.ค. 2567 เวลา 09.50 น.

Credit Rating คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับการลงทุนหุ้นกู้ ?

วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นกู้ เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสม่ำเสมอ และช่วยกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตการลงทุน แต่ก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้นกู้ เคยสงสัยกันไหมว่า ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาคืออะไร

ทั้งนี้ จากบทความของ Finnomena ให้ข้อมูลว่า อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) คือการประเมินความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agencies) ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในประเทศไทย สถาบันจัดอันดับเครดิตมี 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด และบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด

อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) บอกอะไร ?

อันดับความน่าเชื่อถือบ่งบอกได้ว่าผู้ออกหุ้นกู้มีความสามารถในการชำระหนี้มากน้อยเพียงใด ยิ่งหุ้นกู้มีอันดับเครดิตสูง ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ก็ยิ่งต่ำ ทั้งนี้เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลประกอบการพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้นกู้นั้น ๆ

เกณฑ์การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating)

  • ลักษณะของบริษัทที่ออกหุ้นกู้
  • ผลประกอบการของบริษัทที่ออกหุ้นกู้
  • การมีหลักทรัพย์ค้ำประกันของบริษัทที่ออกหุ้นกู้
  • ข้อตกลงและสัญญาที่ต้องปฏิบัติตาม
  • ปัจจัยภายนอก เช่น สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ

อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของตราสารหนี้

1. Investment Grade

เป็นหุ้นกู้กลุ่มที่มีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับน่าลงทุน โดยมีอันดับเครดิตตั้งแต่ AAA คืออันดับความน่าเชื่อถือสูงสุด AA+ AA AA- A+ A A- BBB+ BBB ไปจนถึง BBB- เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำถึงปานกลาง

2. Noninvestment Grade หรือ Speculative Grade

เป็นหุ้นกู้กลุ่มที่ลงทุนเพื่อเก็งกำไร มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงกว่ากลุ่ม Investment Grade แต่ก็จ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าเช่นกัน โดยมีอันดับเครดิตตั้งแต่ BB+ ลงมา เรียงจาก BB+ BB BB- B+ B B- CCC+ CCC CC C โดย C มีความเสี่ยงที่สูงที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข และต่ำสุดคือ D เป็นหุ้นกู้ที่อยู่ในสถานะผิดนัดชำระหนี้ ไม่สามารถจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามเงื่อนไข

3. Unrated Bond

เป็นหุ้นกู้กลุ่มที่ไม่มีการจัดอันดับเครดิต เนื่องจากเป็นหุ้นกู้ที่ไม่ได้ส่งไปจัดอันดับ หรือเป็นหุ้นกู้ที่ขอให้จัดอันดับแล้วแต่ไม่ได้รับการพิจารณา หุ้นกู้กลุ่มนี้มักจ่ายดอกเบี้ยให้สูงกว่ากลุ่มอื่น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน

แนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating Outlook) คืออะไร ?

แนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือช่วยบอกได้ว่าอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทนั้นมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ โดยวิเคราะห์จากบริษัทที่ออกหุ้นกู้นั้น ๆ รวมถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโดยรวม แบ่งได้เป็น 4 ระดับ ดังนี้

  • Positive = มุมมองเป็นบวก = Credit Rating อาจปรับขึ้นได้
  • Stable = มุมมองคงที่ = Credit Rating อาจไม่เปลี่ยนแปลง
  • Negative = มุมมองเป็นลบ = Credit Rating อาจปรับลงได้
  • Developing = มุมมองไม่แน่นอน = Credit Rating อาจปรับในทิศทางใดก็ได้

กล่าวโดยสรุป อันดับความน่าเชื่อถือ หรือ Credit Rating เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการวิเคราะห์บริษัทที่ออกหุ้นกู้ว่ามีโอกาสหรือความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้มากน้อยเพียงใด เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจก่อนลงทุนหุ้นกู้ ทั้งนี้อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะเศรษฐกิจและพื้นฐานของบริษัทนั้น ๆ ดังนั้นนักลงทุนควรติดตามข้อมูลข่าวสารเสมอ และเลือกลงทุนในหุ้นกู้ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รู้จัก “เครดิตเรตติ้ง” กุญแจสำคัญก่อนลงทุนหุ้นกู้

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...