ไทยซัมมิท เตือน ภาคส่วนยานยนต์ไทย มีเวลา 4 ปี ในการปรับตัวรับมือ รถยนต์ไฟฟ้าจีน
ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานอาวุโสไทยซัมมิท ชี้ ภาคส่วนยานยนต์ไทยมีเวลา 4 ปี ในการปรับตัวเพื่อรับมือกับ รถยนต์ไฟฟ้าจีน ก่อน แบรนด์ EV จีน นำซัพพลายเออร์เข้ามาเอง
วันที่ 23 กันยายน 2567 สำนักข่าวนิกเกอิเอเชีย รายงานว่า บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เอกชนรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า บรรดาซัพพลายเออร์และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นในไทย มีเวลาอย่างน้อย 4 ปีในการปรับตัวให้เข้ากับการแข่งขันจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของจีน บริษัทจีนเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดสงครามราคาด้วยการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าโดยไม่มีภาษีศุลกากร
บรรดาบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของไทยต่างแสดงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีน เช่น บีวายดี (BYD) มักนิยมจัดหาชิ้นส่วนจากจีนมากกว่า ในขณะเดียวกัน บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีประวัติยาวนาน ต่างกำลังลดการผลิตลงหรือปิดโรงงาน โดย ฮอนด้า มอเตอร์ (Honda Motor) ก็เตรียมปิดตัวโรงงานแห่งหนึ่งของไทยในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ได้เซ็นสัญญากับแบรนด์จีนหลายแบรนด์ เช่นBYD และฉางอัน (Changan) ที่วางแผนจะผลิตในประเทศไทย โดย น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการอาวุโส บริษัท ไทยซัมมิทโอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด เปิดเผยกับสำนักข่าวนิกเกอิเอเชียว่า กลุ่มบริษัทไทยซัมมิทมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทจีน รวมถึงมีโรงงานใน 7 ประเทศ รวมถึง ทำให้บริษัทสามารถบรรลุสัญญาได้ง่ายขึ้น
น.ส.ชนาพรรณ คาดการณ์ว่า แม้ในที่สุดบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจีนอาจนำซัพพลายเออร์ของตนเองเข้ามาในไทย แต่สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับรุ่นแรกของบริษัท โดย น.ส.ชนาพรรณประเมินว่าซัพพลายเออร์ในท้องถิ่นจะมีเวลาประมาณ 4 ถึง 8 ปีในการปรับตัว
น.ส.ชนาพรรณ เน้นย้ำว่าบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของไทยไม่สามารถรอการคุ้มครองจากการแข่งขันจากต่างประเทศได้ โดยเธอกล่าวว่าขณะนี้ บริษัทจีนกำลังตั้งโรงงาน จัดทำใบเสนอราคา และคัดเลือกซัพพลายเออร์ หากบริษัทท้องถิ่นพลาดสัญญาผลิตรุ่นเริ่มต้นเหล่านี้ พวกเขาก็จะสูญเสียธุรกิจไป 4 ปี และการแข่งขันจะยิ่งรุนแรงขึ้นหลังจากนั้น
รายงานระบุว่า ไทยซัมมิท ก่อตั้งขึ้นในปี 2520 โดย นายพัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ บิดาของ น.ส.ชนาพรรณ โดยเดิมทีบริษัทจำหน่ายสินค้าให้แก่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น และลูกค้าชาวญี่ปุ่นยังคงครองส่วนแบ่งรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัท แม้ว่าส่วนแบ่งการตลาดในไทยจะลดลงก็ตาม โดยบริษัทยังคงดำเนินการในอินเดียและเวียดนามเพื่อจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นในภูมิภาคดังกล่าวด้วย และในปี 2560 ไทยซัมมิท รายงานรายได้ 8 หมื่นล้านบาท (2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
โรงงานของ BYD ในไทยเริ่มดำเนินการในเดือนก.ค. และโรงงานของ Changan คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปีหน้า โดยไทยซัมมิท เป็นผู้จัดหาชิ้นส่วนโลหะและพลาสติก เช่น ประตูและกันชน ให้กับแบรนด์รถยนต์จีนทั้งสอง และจัดหาชิ้นส่วนแชสซีหรือโครงรถยนต์รวมเครื่องยนต์และล้อให้กับลูกค้าญี่ปุ่นและสหรัฐ รวมถึง เทสลา (Tesla)
น.ส.ชนาพรรณ กล่าวว่าไทยซัมมิท คาดการณ์ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตขึ้น ในขณะที่ไทยซัมมิทมีฐานการผลิตในจีนและสหรัฐ ซึ่งบริษัทเป็นผู้จัดหาชิ้นส่วนให้แก่ Tesla อย่างไรก็ตาม บริษัทจะย้ายฐานการลงทุนการผลิตไปยังต่างประเทศมากขึ้นในอนาคต
โดยน.ส.ชนาพรรณ ระบุว่า การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ขนาดใหญ่ภายในไทยมีประสิทธิภาพมากกว่า และด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ชะลอตัว บริษัทจึงมองเห็นโอกาสที่ดีกว่าในต่างประเทศ โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตรถยนต์ในปีนี้ลงสู่ระดับ 1.7 ล้านคัน จากประมาณการเบื้องต้นที่ 2 ล้านคันเมื่อเดือนม.ค.
ความกังขาเกี่ยวกับความสามารถของผู้ผลิตไทยในการแข่งขันกับบริษัทจีนกำลังเพิ่มมากขึ้น นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย แสดงความกังวลว่าบริษัทไทยอาจต้องดิ้นรนเพื่อตามให้ทัน
ทั้งนี้ ตามโครงการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทยนั้น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนจะต้องผลิตรถยนต์ในไทย ในจำนวนเทียบเท่ากับที่นำเข้ามา ในระหว่างการก่อสร้างโรงงานในไทย
น.ส.ชนาพรรณ กล่าวว่า แม้จะมีรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้น ส่งผลให้ราคารถยนต์สำหรับผู้บริโภคลดลง แต่ก็อาจสร้างแรงกดดันให้กับผู้ผลิตแบบOEM แม้ว่าต้นทุนคงที่จะยังคงทรงตัว แต่ผลกำไรต่อรุ่นจะลดลง อย่างไรก็ตาม น.ส.ชนาพรรณ กล่าวเสริมว่า ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นและซัพพลายเออร์ในไทยยังคงสามารถเติบโตได้ เนื่องจากอุปสงค์รถจักรยานยนต์และรถยนต์ไฮบริดยังคงมีสูง โดยยอดขายรถยนต์ไฮบริด โดยเฉพาะจาก โตโยต้า (Toyota)และ นิสสัน (Nissan) เติบโตขึ้น 66% ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 และแซงหน้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้า
ทั้งนี้ แม้ว่าการเติบโตดังกล่าวจะทำให้กับบริษัทที่ทำงานร่วมกับผู้ผลิตชาวญี่ปุ่นมีความโล่งใจได้ แต่ น.ส.ชนาพรรณ เตือนว่าการเติบโตนี้ไม่ได้เป็นข้อแก้ตัวในการเตรียมพร้อมสำหรับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิตรถยนต์จีน
อ้างอิง : asia.nikkei.com