โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

SAT อ่วม! 9 เดือนราคาหุ้นดิ่ง 33% โบรกฯ เสียงแตก แนะทั้ง “ซื้อ” และ “ขาย” มองครึ่งปีหลังชะลอตัว แต่ปันผลยังน่าสนใจ

Wealthy Thai

อัพเดต 16 ก.พ. เวลา 00.50 น. • เผยแพร่ 18 ต.ค. 2567 เวลา 10.28 น.

ราคาหุ้น บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาจนถึงวันทำการล่าสุด โดยราคาหุ้นปรับตัวลดลง 33.15% นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 18.40 บาท เมื่อวันที่ 2 ม.ค.67
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ต.ค.67 ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 12.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 14.03 ล้านบาท โดยปัจจัยที่เป็นตัวกดดันราคาหุ้น คาดว่ามาจากความกังวลด้านผลประกอบการที่มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแนวโน้มช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะยังชะลอตัวจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน
ทั้งนี้ จากการสำรวจบทวิเคราะห์ พบว่านักวิเคราะห์มีคำแนะนำทั้ง “ซื้อ” และ “ขาย” หุ้น SAT เนื่องจากมองว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 จะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิได้จากผลขาดทุนสต็อกน้ำมันที่ลดลงหลังราคาน้ำมันปัจจุบันเริ่มฟื้นตัว
โดย บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 16.90 บาท แม้กำไรทั้งปีที่คาดไว้ที่ 701 ล้านบาท จะมีความเสี่ยงว่าจะไปไม่ถึง หลังจาก SAT มองว่าเป้าการผลิตรถยนต์ที่ 1.7 ล้านคัน ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่มองว่าผลประกอบการจะไม่ต่ำไปกว่าช่วงไตรมาส 2/67 แล้ว เมื่อรวมกับเงินปันผลจ่ายทั้งปีคาดว่าจะจ่ายเกิน 1 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 10% ดังนั้นจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เพื่อรับเงินปันผลเช่นเดิม
สำหรับแนวโน้มช่วงครึ่งปีหลัง 2567 คาดว่าจะเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มรถยนต์พ้นช่วง Low Seasons ในช่วงไตรมาส 2/67 ไปแล้ว แต่ด้วยความเสี่ยงด้านการเมืองที่อาจจะทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ต้องชะลอตัวลง ทำให้เป้าการผลิตที่ระดับ 1.7 ล้านคัน ยังคงมีความเสี่ยงอยู่
เบื้องต้นทางผู้บริหารมองว่าระดับต่ำสุดของการผลิตรถยนต์รวมจะอยู่ที่ระดับ 1.6 ล้านคัน รวมถึงกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตร ที่คาดว่าปริมาณการผลิตจะปรับขึ้นเช่นกันหลังจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ด้านคำสั่งซื้อใหม่ทางผู้บริหารยืนยันว่ามีเข้ามาประมาณ 200-300 ล้านบาท/ปี โดยจะทยอยรับรู้ในช่วงปลายปี 2567 เป็นต้นไป (ปี 2567 คาดว่ามีไม่มาก แต่จะรับรู้เต็มที่ในปี 2568)
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้คำแนะนำ “ขาย” พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 11.40 บาท จากแนวโน้มผลประกอบการที่คาดว่ายังชะลอตัวจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ทั้งนี้ แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 คาดดีขึ้นจากครึ่งปีแรก โดยจะรับรู้รายได้ผลิตภัณฑ์ใหม่มากขึ้นสำหรับงาน Case set, Output shaft แต่คาดว่ายังชะลอตัวจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง ทำให้สถาบันเข้มงวดปล่อยสินเชื่อและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
นอกจากนี้ยังถูกดึงส่วนแบ่งตลาดจาก EV ที่ช่วงแรกยังเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศรวมถึงตลาดรถมือ 2 ที่ราคาตกต่ำส่งผลให้ยอดซื้อรถใหม่ลดลง ทำให้ค่ายรถยนต์ยังคงปรับลดกำลังการผลิตลงต่อเนื่องภาพรวมปี 2567 ทั้งนี้ คงประมาณการกำไร 644 ล้านบาท ลดลง 34% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน