โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ทำยังไงดี ถ้าไม่มีงานทำ - เพจเจ้าหญิงแห่งวงการHR

TALK TODAY

เผยแพร่ 14 พ.ย. 2562 เวลา 05.29 น. • เพจเจ้าหญิงแห่งวงการHR

มีวันนึง ที่เหตุการณ์นึงเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการทำงานไปตลอดกาล …

เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่อายุยังประมาณ 20 ปลายๆ ตอนนั้นก็ทำงานมาได้ 5-6 ปี แล้ว ซึ่งใน 5-6 ปี นั้น เปลี่ยนงานมา 4 ที่ ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ แต่เราก็เรียกทั้งหมดว่าเหตุผล แล้วตอนนั้นก็เป็นพนักงานในแบบที่ไม่เคยมองว่าอนาคตจะยังไงต่อ รู้แค่ว่ามีงานทำก็ดีแล้ว ถ้าไม่มีงานทำก็คิดแค่ว่าจะอายเพื่อน เดี๋ยวคนจะหาว่าหางานทำไม่ได้ คิดแค่นั้นเลย

แล้ววันนึงระหว่างที่นั่งทานอาหารกลางวันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแถวออฟฟิศ ได้ยินเสียงคนโวยวาย หันไปดูก็เห็นลุงคนนึงอายุน่าจะซัก 50 ปีได้ กำลังโดนซ้อม ซึ่งก็มาพร้อมกับเสียงคนแถวนั้นบอกว่า ลุงแกไปขโมยของในร้านขายของชำ แกทำบ่อย ร้านแถวนี้โดนมาเกือบหมดแหละ แกไม่ได้ทำงานอะไร ก็ป้วนเปี้ยนๆอยู่แถวๆนี้แหละ สงสารแกนะ …. ใช่ สงสารลุงเค้านะ 

เป็นจังหวะที่พอดีกับตัวเองที่กำลังเข้าสู่วัย 30 ปี และเริ่มสับสนว่าชีวิตจะเป็นยังไงต่อไป ด้วยความคิดมาก ฟุ้งซ่าน หรืออะไรก็ตาม ภาพของคุณลุงคนนั้น มันถูกทดแทนด้วยภาพของตัวเราเองว่า … ถ้าเป็นเรา ที่ต้องไม่มีงานทำในวันที่อายุเยอะๆ กว่านี้ แต่มันคงจะดีแน่นอนแหละ ถ้าการไม่ต้องทำงานนั้นมาจากการตัดสินใจเกษียณตัวเอง แล้วมาใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อพักผ่อน หาความสุข … แต่ถ้าไม่ใช่แบบนั้นหล่ะ ถ้าเป็นการไม่มีงานทำ แล้วไม่มีเงินพอด้วย เราจะอยู่อย่างไร จากความกลัวในตอนนั้นก็เริ่มคิดแล้วว่า จะทำยังไงกับชีวิตต่อ เพราะเราคิดเสมอว่าชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอน เราทำได้มากที่สุดคือการป้องกันและบริหารความเสี่ยงให้ดีที่สุด #มาถึงตรงนี้โฆษณาประกันชีวิตต้องเข้าละ 555 #หยอกๆ

เลยเริ่มต้นวางแผนชีวิตแบบจริงๆจังๆ ตามประสาของคนแบบเราอ่ะนะ ว่าจะต้องทำอะไรกับชีวิตบ้างหลังจากนั้น

• อันแรกคือเริ่มเก็บเงิน คือด้วยความที่ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย เลยทำให้เริ่มต้นชีวิตการทำงานแบบทำงานเพื่อรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตัวเองให้ได้ แล้วประกอบกับว่าพอเริ่มมีเงินเดือน ก็เริ่มสนองความอยากของตัวเองในอดีตที่เคยอยากทำ อยากได้ แต่ทำไม่ได้เพราะไม่มีเงิน พอเริ่มทำงาน มีเงินเดือนก็ไม่ได้วางแผนการใช้จ่าย นอกจากจ่ายค่าเช่าหอพัก ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่จำเป็นต่างๆแล้ว เงินที่เหลือ (อันน้อยนิด) ก็ถูกใช้ไปกับการเที่ยวเล่นหาความสุขให้ตัวเอง แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการใช้เงินแบบเดือนชนเดือนนะ #เพราะไม่เคยชน 555 เงินเดือนไม่เคยเหลือถึงสิ้นเดือนเลยจ้า เอาหล่ะ ความหนี้บัตรเครดิตก็ตามมา ก็เป็นงูกินหางแบบนี้มาหลายปี ทำงาน หาเงิน ใช้หนี้วนอยู่อย่างนั้นจนอายุจะ 30 ปี พอตั้งสติได้ก็เริ่มวางแผนการใช้เงินเป็นส่วนๆ ตามตำราที่เค้าแนะนำกันนั่นแหละ แต่เมื่อก่อนไม่ได้สนใจไง ก็คิดว่าไม่สำคัญ ก็เถียงตลอด ก็มีข้ออ้างตลอดว่าเป็นเรื่องของคนที่มีเงินเค้าทำกัน คนเขียนวิธีการบริหารเงินพวกนั้นไม่มีวันเข้าใจเราหรอก บลา บลา บลา ว่ากันไป แต่ก็ถึงเวลาที่ต้องลงมือทำอย่างจริงจัง เพราะมองไม่เห็นทางอื่นที่จะช่วยในการบริหารเงินของตัวเองได้

• อันดับต่อมาคือต้องมีงานที่ดี คือเข้าใจนะว่าใครๆก็อยากได้งานที่ดีๆ มีความสุข มีเงินเยอะๆ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีได้ มันคือความจริงที่โหดร้ายว่าในโลกธุรกิจอ่ะ เจ้าของเงินมีอำนาจในการต่อรองว่าเค้าจะใช้เงินไปกับอะไร หรือกับใคร ก็บอกตัวเองว่าถ้าเราต้องการเป็นคนที่ถูกเลือกให้ไปอยู่ในจุดที่ดี ก็ต้องทำตัวให้คู่ควร เพราะฉะนั้น นอกจากจะเริ่มบริหารการเงินแล้ว ก็เริ่มพัฒนาตัวเองด้วย เมื่อก่อนก็จะทำงานไปวันๆ พอจะถูกส่งไปอบรมอะไร ก็จะดูก่อนว่าจัดที่ไหน ใกล้บ้านรึป่าว โรงแรมดีมั้ย อาหารน่าจะอร่อย ถ้าไม่ใช่ก็หาเรื่องไม่ไป โอ้ยยย นึกแล้วเกลียดตัวเอง 555 ครั้นจะไปเรียนปริญญาโทก็ไม่มีเงิน ก็เริ่มด้วยการซื้อหนังสือมาอ่าน ตอนนั้นอ่านหนังสือเยอะมาก ใครพูดเรื่องอะไรที่ดูฉลาด ดูเก่ง ก็จะจำแล้วเอาไปหาใน google ว่ามันคืออะไร ตอนนั้นคิดว่าต้องรีบมีงานที่ได้เงินเยอะๆ เลยคิดว่าต้องเก่งขึ้น ถ้ายังทำได้ไม่เก่ง ก็ต้องพูดแล้วดูเก่ง 555 ก็ไม่ใช่ความคิดที่ถูกเท่าไหร่ แต่ตอนนั้นมันรีบแล้วไง แบบว่ารู้ตัวช้าไรงี้

• ทำตัวเองให้สำคัญ คือพอเราคิดว่าเราพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็ต้องทำให้มีผลงานที่ดีด้วย แล้วแบบไหนคือผลงานที่ดี ก็มองว่าคือต้องทำให้ตัวเองสำคัญต่อองค์กร คือไม่ได้คิดว่าจะต้องทำอะไรเพื่อไม่ให้มีวันที่จะถูกเลิกจ้างนะ ถ้าบริษัทมันขาดทุนจริงๆ หรือเกิดปัญหาอะไร เอาจริงๆคือทุกคนอ่ะ ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน สำคัญแค่ไหนก็มีโอกาสโดนทั้งนั้น แต่ที่บอกตัวเองว่าต้องทำงานให้ดี มีความสำคัญคือเพื่ไม่ให้เราถูกเลิกจ้างในวันที่องค์กรยังไปได้ดี แค่ไม่ต้องการมีคนอย่างเรา #เจ็บปวด

และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญสำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ถ้าอยู่ๆ วันนึงต้องตกงาน !!! ก็บอกตัวเองว่าจิตใจต้อง

เข้มแข็งไว้เสมอนะ อาจจะไม่ได้แกร่งตลอดเวลา แต่ต้องฝึกตัวเองให้มีกำลังใจมากพอที่จะรับมือกับความผิดหวังได้อย่างมีสติ ควบคู่ไปกับการวางแผนว่าจะไปยังไงต่อ ถ้าต้องตกงานจริงๆ

• มีอาชีพเสริม มีรายได้หลายช่องทาง ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะคิดว่าเป็นพนักงานออฟฟิศ มีตำแหน่งดีๆก็เพียงพอแล้ว ดูดีมีเกียรติ แต่อาจะไม่มีกิน 55 ก็เลยเริ่มทำเพจขึ้นมา เริ่มไปมองหาว่าถ้าเราตกงาน แต่ไม่ได้อยากเป็นคนไม่มีงานทำ จะทำอะไรได้บ้าง ถ้าเกิดไปตกงานตอนอายุเยอะๆ หางานยากขึ้น ตัวเลือกแบบว่าขายของออนไลน์ก็น่าสนใจนะ หรือจะเป็นการไปฝึกอาชีพกับทางราชการก็มีนะ ทุกจังหวัดเลย แบบไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย แอบแปะ link ไว้ให้นะ http://www.dsd.go.th/DSD/Intro/ListTrainging ดูน่าสนใจหลายอาชีพเลย

• ต้องเข้าใจกฎหมายแรงงานนะ ต้องรักษาสิทธิ์ของตัวเอง ถึงแม้จะเป็น HR ก็กลัวค่ะ ยอมรับว่ากลัวว่าถ้าไปอยู่ในบริษัทที่ไม่ตรงไปตรงมา จะน่ากลัวแค่ไหน ถ้าเราถูกเลิกจ้างแบบไม่ได้รับการชดเชยอย่างเป็นธรรม นี่ก็ท่องไว้ในหัวตลอดว่าถ้าจะถูกเลิกจ้าง จะไม่ยอมเซ็นต์ใบลาออกจนกว่าจะได้เงินชดเชย หรือจดหมายอย่างเป็นทางการว่าจะได้รับเงินเท่าไหร่ 55 แล้วอีกอย่างคือพอหลังจากอายุ 30 ปีมานี่ก็พยายามละเอียดรอบคอบในการเลือกบริษัทที่จะไปทำงานด้วยมากขึ้น เพราะนอกจากคิดว่าไม่อยากลาออกบ่อยๆแล้ว ยังเริ่มคิดว่าอายุงานมีผลต่อค่าชดเชยอ่ะเนอะ ถ้ามีงานที่ดี ก็น่าจะทำได้นานขึ้น แล้วถ้าจะเกิดการเปลี่นแปลงอะไรให้ถูกเลิกจ้าง อายุงานก็มีผลกับเงินที่เราจะได้นะ เอาเป็นว่าดูไว้เป็นข้อมูลประกอบการวางแผนชีวิตละกันเนอะ

- ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน

- ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน

- ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 3 ปีแต่ไม่ครบ 6 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน

- ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน

- ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 10 ปีขึ้นไป มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน

จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่รู้หรอกว่าเศรษฐกิจของประเทศเราดีหรือไม่ดี จะมีใครเป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือเราก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของตัวเองอยู่ดีนั่นแหละ ก็เลยพยายามบอกตัวเองอยู่เสมอว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องดี หรือไม่ดีกับชีวิตเรา ก็ต้องเป็นเราคนแรกที่แหละที่จะพยุงตัวเองขึ้นมาใหม่ จะโทษคนอื่นไปก็เท่านั้น ในวันที่ยังมีโอกาสก็ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม แต่ถ้าวันนั้นมาถึงแล้วก็ต้องไปต่อให้ได้ให้เร็วที่สุด 

ทุกวันนี้ก็มีข่าวเรื่องการลดคน การปลดคนออกมาอย่างต่อเนื่อง (ซึ่งจริงๆแล้วก็มีข่าวแบบนี้มาเกือบทุกปีอ่ะนะ) ขอเป็นกำลังใจให้คนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องเหล่านี้ด้วยนะคะ กับคนรู้จักที่ต้องเจอเหตุการณ์นี้ เราจะบอกเค้าว่าเรื่องนี้มันไม่ดีแค่ว่ามันเกิดโดยไม่ทันให้เราตั้งตัว มันเกิดขึ้นแล้วเปลี่ยนแปลงความคุ้นเคยบางอย่างในชีวิตเรา แต่มันไม่ได้ลดคุณค่าของเราเลยนะ

ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ชีวิตมันไม่เคยง่ายมาตลอดนั่นแหละ ซึ่งมันก็สนุกตรงที่เราไม่เคยรู้ว่าจะตื่นเช้ามาแล้วเจอกับอะไรบ้างไม่ใช่เหรอ วันนี้ก็คือความท้าทายใหม่ที่เราต้องเจอ และจะเป็นแบบนี้ในทุกๆวันที่เราตื่นขึ้นมา ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป แต่เรายังคงอยู่ และบอกตัวเองว่าจะอยู่ให้ดีขึ้นไปในทุกๆวัน

#รักนะคะ

#เจ้าหญิงแห่งวงการHR 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 22

  • เหมือนบทความที่พิมพ์ไปเรื่อย อยากระบายอะไรก็พิมพ์ออกมา มีแต่น้ำไม่มีเนื้อจับใจความไม่ได้
    14 พ.ย. 2562 เวลา 07.08 น.
  • อ่านนะ แต่จับประเด็น Topic สำคัญไม่ได้เลย
    14 พ.ย. 2562 เวลา 06.43 น.
  • คุณไนท์
    อ่านจนหมดเลย จะบอกว่าที่บอกมา ยังไม่ใช่ทางออกทั้งหมด หัวข้อกับเรื่องที่เขียนไม่ค่อยจะสอดคล้องกันเท่าไหร่ค่ะ แบบว่ายังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้คนที่ตกงานจริงๆนั่นเอง.การขายของออนไลน์ไม่ใช่ทางออกที่ดี สู้ขายของกินหรือของใช้แบบ face to face ตามตลาดนัดไม่ได้ รายได้แน่นอนกว่า
    14 พ.ย. 2562 เวลา 06.43 น.
  • Ta.
    คนเงินเดือนก้อเริ่มจะอดตาย. หรือทยอยตกงานอีกหลายบริษิท กำลังจะปิดตัว.
    14 พ.ย. 2562 เวลา 06.33 น.
  • ไม่ได้อ่านเนื้อหาอ่านแค่หัวข้อ,..ไม่ว่างอ่านจะนอนเพราะตกงานน่ะ...ก็ขอตอบว่า...ก็อดตายไง
    14 พ.ย. 2562 เวลา 06.14 น.
ดูทั้งหมด