โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ทำไมต้องรักเธอ - หมอเอิ้น พิยะดา

THINK TODAY

เผยแพร่ 10 เม.ย. 2562 เวลา 11.00 น.

“ทำไมต้องรักเธอ คนที่ไม่เคยเจอในความฝัน "

แต่ในชีวิตจริงแค่เดินด้วยกันแค่นั้นก็อุ่นใจ

ไม่เคยคิดรักเธออาจเป็นเพราะฉันนั้นใช้หัวใจ

ตอบเหตุผลที่ไม่มีใครค้นเจอ”

(เพลงทำไมต้องรักเธอที่หมอเป็นคนเขียนเนื้อและทำนองไว้เมื่อมากกว่า 10 ปีก่อน)

เพลงนี้ใครฟังก็รู้ว่าเป็นเพลงรักที่ผู้หญิงคนหนึ่งพยายามจะหาเหตุผลว่าเพราะอะไรจึงรักผู้ชายคนนี้

คนที่ไม่ได้เหมือนในภาพฝัน สุดท้ายสาวน้อยในเพลงจึงยกให้เป็นเหตุผลของโชคชะตาที่กำหนดให้เธอและเขามารักกัน

แม้ว่าในเพลงจะไม่สามารถอธิบายเหตุผลของความรักระหว่างหนุ่มสาวผู้แตกต่างกันได้

แต่เชื่อไหมคะว่าเบื้องหลังเพลงนี้เกิดจากการพยายามอธิบายว่า

เพราะอะไรผู้หญิงกับผู้ชายจึงแตกต่างกัน

และเพราะอะไรจึงรักกัน

10 ปี ก่อนตอนจบแพทย์และเป็นจิตแพทย์ฝึกหัดใหม่ๆ ได้รับโจทย์จากอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่งให้ช่วยเขียนบทความเรื่องความแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงให้คนทั่วไปได้อ่าน หมอจึงตั้งใจเขียนเป็นเรื่องสั้น แล้วค่อยสรุปข้อมูลทางชีววิทยาเพื่อให้คนนึกภาพตามได้ง่ายขึ้น

เป็นเรื่องความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่รักกันพ้นช่วงโปรโมชั่นสามเดือนแรก

ชายหนุ่มเป็นคนเงียบขรึมใจเย็น ชอบครุ่นคิดกับปัญหาคนเดียว (เค้ามีภาพหญิงสาวเรียบร้อยอ่อนหวานเป็นนางในฝัน) ในขณะที่หญิงสาวเป็นคนสนุกสนานร่าเริงขี้เล่น พูดเก่งและชอบเข้าสังคม ( เธอมีภาพผู้ชายหน้าตาดีมีมนุษยสัมพันธ์เป็นชายในฝัน) ในช่วงเวลาของการตกหลุมรัก ดูเหมือนเหตุผลของคำว่าคนในฝันนั้นจะไม่ได้มีความหมาย

เพราะทุกครั้งที่เขาและเธออยู่ด้วยกันความรู้สึกเดียวที่มีคือ เธอช่างน่ารัก เราคือการเติมเต็ม

 เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสองเริ่มกลับมาสู่ความเป็นตัวตนของตัวเอง

ตัวตนนั้นชัดเจนขึ้นมากเวลาที่มีปัญหากัน เวลามีปัญหา ฝ่ายชายมักจะสวมบทของช่างซ่อมบำรุง ในขณะที่ฝ่ายหญิงมักสวมบทนักปรับปรุงที่ช่างพรรณนา สังเกตไหมคะว่าเวลาผู้หญิงมาระบายปัญหา เช่น ทะเลาะกับเพื่อนที่ทำงานให้ฝ่ายชายฟัง ฝ่ายชายมักมีวิธีการ 1,2,3… ที่ควรทำตอบกลับไป ในขณะที่หลายครั้งฝ่ายหญิงก็แค่อยากเล่าให้ฟัง

เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่เป็นดั่งที่คาดหวังของกันและกันผลลัพธ์มักจะเกิดการทะเลาะ

ทะเลาะกันทีไร ผู้ชายมักจะชอบเดินหนีไปหามุมหรือห้องที่เขาจะใช้เวลาในการครุ่นคิด (เข้าถ้ำ)

ในขณะที่ฝ่ายหญิงมักจะเดินตามหลังไป แล้วพูดว่า “กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน”

อารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมที่แตกต่างกันของคู่รักคู่นี้ไม่ได้เกิดจากการเลี้ยงดูหรือประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างเท่านั้น สิ่งสำคัญยังมาจากการมีฮอร์โมนเพศและโครงสร้างสมองที่แตกต่างกันด้วย

เราทราบกันอยู่แล้วว่าผู้ชายและผู้หญิงมีฮอร์โมนเพศที่แตกต่างกัน โดย ผู้ชายจะมีฮอร์โมน Testosterone ( เทสโทสเตอโรน) มากกว่าผู้หญิง 20 เท่า เป็นฮอร์โมนที่ทำให้รูปร่างของเด็กชายกลายเป็นชายหนุ่ม มีหนวดเครา เสียงห้าว ในแง่ของจิตใจ Testosterone เป็นฮอร์โมนแห่งเซ็ก 

การแข่งขัน ความก้าวร้าว และยืนกรานความเป็นตัวของตัวเอง แต่ในความแข็งแกร่งก็มีความอ่อนโยน เพราะผู้ชายยังมีฮอร์โมน Vasopressin ( วาโซเพรสซิน ) ทำให้ผู้ชายมีความรู้สึกมีคุณค่าเมื่อตัวเองได้ให้การคุ้มครอง เป็นผู้ปกครอง จึงมักทำตัวเป็นนายช่างคิดวิธีการแก้ปัญหา

 ในขณะที่ผู้หญิงมีฮอร์โมนEstrogen ( เอสโตรเจน) ทำให้รูปร่างของเด็กหญิงกลายเป็นหญิงสาว ในด้านอารมณ์ Estrogen ได้ชื่อว่า “ฮอร์โมนแห่งรัก” เพราะจะทำให้หญิงสาวอ่อนโยนและอยากทำเพื่อคนที่รัก โดยที่อาจไม่ใช่สิ่งที่คนรักต้องการหรือทำมากเกินไป 

ต่อมาคือฮอร์โมน Progesterone (โปรเจสเตอร์โรน) “ ฮอร์โมนของความเป็นแม่” และแม่ก็อยากจะปรับปรุงชีวิตของคนที่รักให้ดีขึ้น สุดท้ายคือฮอร์โมน Oxytocin ( ออกซิโตซิน) “ ฮอร์โมนแห่งความผูกพัน” ฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกมาตอนที่ผู้หญิงให้นมลูก หรือมีเซ็กส์ การมีเซ็กส์ของผู้หญิงจึงมีความหมายต่อจิตใจมากกว่าการเป็นเพียงกิจกรรมทางเพศ ในขณะที่ผู้ชายสามารถแยกเรื่องการมีเซ็กส์ การแต่งงาน และความรักออกจากกันได้

เราอาจมีคำถามว่า ผู้ชายบางคนก็ไม่ได้ดูเป็นผู้นำ หรือผู้หญิงบางคนก็ไม่ได้ดูอ่อนโยนอ่อนหวานตามชื่อฮอร์โมนนี่นา และก็ยังมีคนที่กายเป็นชายใจเป็นหญิง หรือกายเป็นหญิงใจเป็นชาย อย่างที่บอกว่าเราทุกคนมีฮอร์โมนที่กล่าวมาข้างต้น ในร่างกายของเราทั้งหมดเหมือนกัน แต่ระดับความมากน้อยนั้นต่างกันและฮอร์โมนคือสิ่งกำหนดจิตใจพื้นฐานตั้งแต่เราเป็นตัวอ่อนในขณะที่โครโมโซมเป็นตัวกำหนดความเป็นเพศทางด้านร่างกาย

(ในการตรวจสุขภาพจิต ผู้ที่มาขอแปลงเพศจากชายเป็นหญิงเกือบทั้งหมดมักตอบว่า “รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงตั้งแต่จำความได้และรู้สึกว่าการมีร่างกายเป็นผู้ชายคือสิ่งแปลกปลอม” )

 ยังไม่พอคะ ในแง่ความแตกต่างของสมองผู้ชายและผู้หญิง มีหนังสือที่ชื่อว่า Brain Sex เขียนโดย

David Jessel และ Anne Moir เป็นหนังสือที่รวบรวมงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความแตกต่างทางด้านสมองและพฤติกรรมระหว่างชายและหญิง ในงานวิจัยพบว่าผู้ชายมีขนาดสมองใหญ่กว่าผู้หญิง 9% ขณะที่ผู้หญิงมีการอัดแน่นของเซลล์ประสาทมากกว่าผู้ชาย ผู้ชายมีขนาดของสมองส่วนของ Hippocampus (ฮิปโปแคมปัส)ซึ่งทำหน้าที่เก็บความจำระยะยาวเล็กกว่าผู้หญิง

(ผู้ชายจึงมีเรื่องอดีตที่ฝังใจน้อยกว่า )

ผู้ชายเริ่มพูดได้ช้ากว่าแต่มีความคิดในทางเดียวได้มากกว่า ขณะที่ผู้หญิงเริ่มพูดได้เร็วกว่าเพราะสมองส่วนภาษามีพัฒนาการดีกว่า ( ทำให้ผู้หญิงมีการฟังที่อ่อนไหวต่อคำพูดของคนรอบข้างมากกว่าและชอบสื่อสารความรู้สึกของตัวเองด้วยการพรรณาเพื่อช่วยบรรเทาความไม่สบายใจ รวมถึงมี “ ญาณสังหรณ์แบบผู้หญิง” ได้โดยเฉพาะเวลาผู้ชายนอกใจจากการสังเกตสิ่งเล็กๆน้อยๆ และประมวลสถานการณ์โดยรวม)

 ผู้ชายร้องไห้เมื่อมีอะไรผิดพลาดร้ายแรงเกิดขึ้นจริง ขณะที่ผู้หญิงร้องไห้เป็นการเยียวยาตัวเอง ( เพราะสมองป้อนปัจจัยทางอารมณ์มากกว่า) ในการทำงานผู้ชายให้ความสำคัญกับความสำเร็จมากกว่า ขณะที่ผู้หญิงให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์มากกว่า

 หลายครั้งการไม่เข้าใจธรรมชาติของกันและกันอาจทำให้ไม่พอใจ หงุดหงิด หรือเกิดความขัดแย้ง

การทำความเข้าใจความจริงเรื่องความแตกต่างของชายและหญิงในเชิงชีววิทยา ไม่ได้ถูกศึกษามาเพื่อให้เราเอาชนะกัน แต่เพื่อให้เราได้เข้าใจความจริงของกันและกัน ช่วยกันเติมเต็มและพัฒนาความรักให้ดำเนินไปด้วยการยอมรับและเข้าใจ

 ความเหมือนอาจนำพาให้เราได้พบกัน แต่ความแตกต่างนั้นทำให้เราได้รักกัน

 นี่คือคำตอบของคำว่า “ ทำไมต้องรักเธอ”

Youtube :https://youtu.be/ddGb5sywSPQ เพลงทำไมต้องรักเธอ (original version) 

https://youtu.be/TKRtvyLIgjk ความสุขง่ายๆที่เราทำได้เอง เที่ยวแถวบ้านที่อำเภอภูหลวง

Page FB ดีต่อใจ โดย หมอเอิ้น พิยะดา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10156783544953550&id=306538978549

IG :https://www.instagram.com/earnpiyada/

Website : http://www.earnpiyada.com/

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0