โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

พญามังราย-พญางำเมือง-พญาร่วง ร่วมกันสร้างเชียงใหม่?!?

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 18 เม.ย. เวลา 16.48 น. • เผยแพร่ 18 เม.ย. เวลา 23.00 น.
พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ หรืออนุสาวรีย์สามกษัตริย์ คือ พญามังราย (องค์กลาง) พญางำเมือง (องค์ซ้าย) และพญาร่วง (องค์ขวา) ตั้งอยู่กลางเวียงเชียงใหม่ บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่

พญามังราย-พญางำเมือง-พญาร่วง 3 กษัตริย์ไม่ได้สร้างเชียงใหม่?!?

จังหวัดเชียงใหม่มีอนุสาวรีย์ “สำคัญ” อยู่แห่งหนึ่ง คือ “พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์” ตั้งอยู่บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ ด้านหน้าติดกับถนนพระปกเกล้า “สามกษัตริย์” ที่ว่าคือ พญามังราย, พญางำเมือง และพญาร่วง หรือพ่อขุนรามคำแหง ซึ่งทั้ง 3 พระองค์ได้ชื่อว่าเป็น “ผู้สร้าง เมืองเชียงใหม่” ใน พ.ศ. 1839

แต่นิตยสาร “ศิลปวัฒนธรรม” ฉบับเดือนกันยายน 2565 สมฤทธิ์ ลือชัย มาเสนอความคิดเห็นที่ต่างออกไปในบทความของเขาที่ใช้ชื่อว่า “3 กษัตริย์ไม่ได้สร้างเชียงใหม่”

สมฤทธิ์ ลือชัย มีหลักฐานอะไร? ที่ทำให้ลุกขึ้นมาทวนกระแสความคิดความเชื่อเดิมที่มีอยู่ และหลักฐานอะไร? ที่มีนั้นชวนให้น่าเชื่อถือเพียงใด

ข้อสังเกตแรกของสมฤทธิ์ก็คือ แม้ในภูมิภาคนี้หลายอาณาจักรจะมีความสัมพันธ์กันในทางการเมือง, การค้า หรือความเป็นเครือญาติ เช่น การแต่งงานเพื่อผูกญาติกันของชนชั้นนำ ตลอดจนความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ระหว่างรัฐใหญ่กับรัฐเล็ก พ้นจากนี้พระราชกรณียกิจ “ในต่างแดน” ของกษัตริย์ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการศึกและการพระศาสนา การเสด็จต่างบ้านต่างเมืองเพื่อช่วยพันธมิตรสร้างเมืองใหม่นั้น ค่อนข้างจะเป็น “ราชกิจที่แปลก”

การศึกษาคำตอบครั้งนี้อาศัยหลักฐานจาก เอกสารทางประวัติศาสตร์, ศิลาจารึก และพยานแวดล้อมอื่นๆ อาทิ ศิลปกรรม ภาษา ศาสนา ฯลฯ

ในที่นี้ขอนำเนื้อหาเฉพาะในส่วนของ “พยานแวดล้อม” ที่ว่า

ถ้า “พญาร่วง-พระโรจ-พระร่วง” หมายถึงกษัตริย์สุโขทัยและตีความว่าคือพ่อขุนรามคำแหงและมีความสัมพันธ์กับเชียงใหม่ ที่ใกล้ชิดกันจนถึงขนาดขั้นมาร่วมสร้างเชียงใหม่ แล้วเหตุใดเอกสารหรือหลักฐานอื่นๆ ของสุโขทัยถึงไม่กล่าวถึงเรื่องนี้

แม้แต่ “ศิลาจารึกหลักที่ 1” ซึ่งสันนิษฐานว่าส่วนต้นเขียนโดยพ่อขุนรามคำแหงและส่วนหลังๆ นั้นเชื่อกันว่าเขียนหลังรัชกาลพ่อขุนรามคำแหง หากในจารึกหลักนี้นอกจากไม่กล่าวถึงเรื่องพญาร่วงมาร่วมสร้างเมืองเชียงใหม่แล้ว หากชื่อเมืองเชียงใหม่กลับไม่ปรากฏในจารึกหลักนี้ ในขณะที่กล่าวถึงบ้านเมืองต่างๆ ที่อยู่รอบสุโขทัยทั้ง 4 ทิศ โดยเฉพาะทิศเหนือหรือทิศตีนนอน ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรล้านนานั้น จารึกกล่าวแต่เพียงว่า

“…ทิศตีนนอน รอดเมืองแพร่ เมืองม่าน เมืองน…เมืองพลัว พ้นฝั่งของ เมืองชวาเป็นที่แล้ว” ซึ่งไม่กล่าวถึงเมืองเชียงใหม่เลย

นอกจากนี้ เมื่อพ่อขุนรามคำแหงและพญามังรายมีมิตรไมตรีอย่างดี เช่นนั้นแล้วอักษรไทยที่พ่อขุนรามคำแหงประดิษฐ์ขึ้นใน พ.ศ. 1826 (ก่อนการสร้างเมืองเชียงใหม่ 13 ปี ) น่าจะมีอิทธิพลต่อเมืองเชียงใหม่ไม่มากก็น้อย

ทว่าคำตอบกลับไม่เป็นเช่นนั้น สมฤทธิ์อธิบายในเรื่องนี้ว่า

“เหตุใดทางเชียงใหม่จึงไม่ได้อิทธิพลตัวอักษรของพ่อขุนรามคำแหง (ในขณะที่ล้านช้างกลับได้ไป) ล้านนาต้องพัฒนาอักษรของตัวเองไปจากอักษรมอญหริภุญไชย กว่าจะได้อิทธิพลอักษรสุโขทัยที่ต่อมาเรียกว่า ‘อักษรฝักขามก็เมื่อพระสุมนเถระนำพุทธศาสนารามัญวงศ์จากสุโขทัยมาเชียงใหม่ใน พ.ศ. 1914 รัชสมัยพระเจ้ากือนาแล้ว ซึ่งเกิดหลังจากสร้างเมืองเชียงใหม่ถึง 75 ปี

นอกจากนี้อักษรล้านนาที่ไปปรากฏในสุโขทัยครั้งแรกก็คือจารึกลานทองมหาเถรจุฑามุนี ซึ่งกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าก็คือมหาเถรศรีศรัทธาฯ ซึ่งจารึกนี้มีอักษรล้านนาที่ถือว่าเก่าที่สุดเขียนในตอนท้ายที่เป็นภาษาบาลี ระบุศักราช พ.ศ. 1919 ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาหลังจากพระสุมนเถระไปล้านนาแล้ว ที่เล่าเรื่องนี้ก็เพื่อจะยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างเชียงใหม่กับสุโขทัยเกิดหลังเหตุการณ์สร้างเมืองเชียงใหม่แล้วทั้งสิ้น”

อีกประเด็นสำคัญ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเชียงใหม่กับสุโขทัย ที่มีกล่าวในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ที่สมฤทธิ์ค้นมากลับเป็นว่า

“เป็นเรื่องศึกสงคราม หาได้ยืนยันเรื่องมิตรภาพไม่ สงครามครั้งแรกนั้นเกิดในสมัยเจ้าแสนเมืองมา เมื่อเจ้ามหาพรหมแห่งเมืองเชียงรายไปนำสุโขทัยมาตีเชียงใหม่แต่ก็ตีไม่ได้ และต่อมาเจ้าแสนเมืองมาก็ยกไปตีสุโขทัยก็แพ้กลับมา (ที่ตำนานว่าต้องให้ 2 ข้าไทแบกมา อันเป็นที่มาของรูปช้าง 2 เชือกที่ประตูช้างเผือก) และอีกครั้งเมื่อตอนที่เจ้ายี่กุมกามไปขอให้พระยาไสลือไทมาช่วยรบกับเจ้าสามฝั่งแกนแห่งเชียงใหม่ แต่คราวนี้ฝ่ายสุโขทัยแพ้กลับไป เห็นไหมครับว่าสุโขทัยกับเชียงใหม่มีแต่รบกัน ซึ่งเรื่องนี้จะนำไปสู่การเกิดศึกใหญ่ในเวลาต่อมาคือ ศึก 2 โลก’ ระหว่างพระเจ้าติโลกราชกับพระบรมไตรโลกนาถ”

นอกจากนี้ใน “ตำนานสิบห้าราชวงศ์” และ “ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่” ก็กล่าวข้อความคล้ายกันว่า “…ศักราชได้ 638 ตัวเจ้าพระยามังรายยังอยู่เมืองเชียงราย…ในหว่างอันนี้กูควรไปปล้นเอาเมืองพูยาวชาว่าอั้นแล ก็ยกเอาริพลสกลเสนาโยธาไปเถิงที่นึ่งแดนเมืองเชียงรายกับแดนเมืองพูยาวต่อกันที่นั้นชื่อว่าบ้านดอย พระยางำเมืองเจ้าเมืองพูยาวรู้ข่าวก็ยกริพลออกมาว่าจักต้อนจักรบพระยามังรายที่บ้านดอย ที่นั้นเจ้าพระยาทั้ง 2 ต่างคนต่างยกริพลเข้าชูกัน พ้อยบ่รบกัน ลวดมีไมตรีกับด้วยกัน เหตุว่าเวรานุเวรบ่มีแก่กันแต่ชาติอันก่อน…เจ้าพระยามังรายจิ่งเรียกพระยางำเมืองว่าเรือนเดียว พระยางำเมืองก็มีความชมชื่นยินดี จิ่งฝากแคว้นแก่พระยามังรายพุ่นพากนา 1 มี 500 หลังเรือนแก่พระยามังราย จิ่งเข้ามาแคว้นเชียงรายเพื่ออั้นแล…”

ทั้งหมดที่กล่าวไปนี้ คือบางส่วนของ “หลักฐาน” ยังมีเอกสารทางประวัติศาสตร์, ศิลาจารึก อื่นๆ ที่สมฤทธิ์ค้นหามาใช้คัดค้านว่า 3 กษัตริย์ หรือ พญามังราย, พญางำเมือง และพญาร่วง ไม่ได้ร่วมกันสร้าง เมืองเชียงใหม่ ส่วนจะหนักแน่นเพียงใด ขอท่านผู้อ่านโปรดอ่านเพิ่มเติมจาก 3 กษัตริย์ไม่ได้สร้างเชียงใหม่ นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับกันยายน 2565

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 6 กันยายน 2565

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พญามังราย-พญางำเมือง-พญาร่วง ร่วมกันสร้างเชียงใหม่?!?

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...