ก่อนแต่ง -หลังแต่ง หนี้แบบไหน -จัดการยังไงดี ?
ทันข่าว Today
อัพเดต 23 ธ.ค. 2563 เวลา 00.00 น. • เผยแพร่ 23 ธ.ค. 2563 เวลา 00.00 น. • ทันข่าว ChannelHighlight
การแต่งงาน คือ ภาพฝันของหลายๆ คู่ ที่เต็มไปด้วยช่วงเวลาแห่งความสุข แต่ภาพแห่งความจริง กับหลายๆ เรื่องราวที่เรามักได้ยิน
หลังแต่งงานหลายคู่พบว่า แฟนเรามีหนี้สินมากมาย (ที่เราอาจจะไม่รู้มาก่อน) แล้วทีนี้ ทรัพย์สินของเรา บ้าน คอนโด รถยนต์ เราจะถูกยึดไปด้วยมั้ย?
หนี้สินก่อนแต่งงาน กับ หลังแต่งงาน เราจะจัดการยังไงได้บ้าง ⁉️
หนี้สินก่อนแต่งงาน
ก่อนที่คู่สมรสจะจดทะเบียนสมรส ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีหนี้สินติดตัวมาไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้าน หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้จากการทำธุรกิจ เมื่อจดทะเบียนสมรสกันแล้ว หนี้ส่วนนี้ คู่สมรสไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ !! (โล่งอกไปที)
อย่างเช่น
ก่อนจดทะเบียนสมรส ฝ่ายชายได้ขอสินเชื่อเพื่อทำธุรกิจ หลังจากนั้น ธุรกิจดำเนินไปได้ไม่ดี ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ใรเคสแบบนี้ ธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้จะไปเรียกร้องหนี้ส่วนนี้จากสินส่วนตัวของฝ่ายชาย และหากสินส่วนตัวไม่เพียงพอ ก็จะไปเรียกร้องจากสินสมรสของฝ่ายชาย (ครึ่งหนึ่งของสินสมรส)
โดยฝ่ายหญิงไม่ต้องรับผิดชอบภาระหนี้ส่วนนี้ เพราะเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนจดทะเบียนสมรส‼️
หนี้สินหลังแต่งงาน
สำหรับหนี้สินหลังแต่งงานนั้น ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ได้มีการก่อภาระหนี้ และไม่สามารถทากรจ่ายชำระหนี้ก้อนนั้นได้ ก็ทำให้ต้องนำสินสอนมาชำระหนี้ และถ้าสินสอนไม่เพียงพอ ก็จะมีการนำสินสมรสส่วนตัวนั้นมาทำการชำระหนี้กันต่อไป
แต่ก็มีบางเงื่อนไข รายละเอียด ที่ต้องรู้ไว้ ถ้าฝ่ายใดก็จะเป็นผู้ก่อหนี้ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน มี 4 กรณี
▪️ หนี้สินที่เกี่ยวกับสินสมรส
ยกตัวอย่างเช่น หากสามีกู้ยืมเงินเพื่อมาต่อเติมบ้าน โดยที่บ้านหลังนี้เป็นสินสมรส หนี้ก้อนนี้จะถือว่าเป็นหนี้ร่วมกัน ซึ่งภรรยาต้องร่วมรับผิดชอบด้วย
▪️ หนี้สินที่เกี่ยวกับการจัดการบ้านเรือนและสิ่งจำเป็นในครอบครัว
ยกตัวอย่างเช่น หนี้สินที่เกี่ยวกับการเลี้ยงดู การรักษาพยาบาลคนในครอบครัว การศึกษาบุตร โดยกฎหมายระบุว่า จำนวนบุคคลและจำนวนหนี้ต้องสมเหตุสมผลตามอัตภาพ
▪️ หนี้สินจากอาชีพการงานที่ทำร่วมกันระหว่างคู่สมรส
หากสามีภรรยาทำธุรกิจร่วมกัน ทั้งคู่ต้องรับผิดชอบภาระหนี้จากการทำธุรกิจร่วมกัน แม้ว่าชื่อของลูกหนี้จะเป็นชื่อของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ตาม
▪️ หนี้สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว
แต่อีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบัน ซึ่งการให้สัตยาบันจะทำให้หนี้ดังกล่าวกลายเป็นหนี้ร่วมที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องรับผิดชอบร่วมกัน
ซึ่งเป็นไปตาม ข้อกฏหมายสำคัญของ”หนี้ร่วม”
▪️ ป.พ.พ. มาตรา 1489
บัญญัติเอาไว้ว่า ถ้าสามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ให้ชำระหนี้นั้นจากสินสมรสและสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่าย
▪️ ป.พ.พ. มาตรา 1490
บัญญัติเอาไว้ว่า หนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกันนั้น ให้รวมถึงหนี้ที่สามีหรือภริยาก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างสมรส
แต่ถ้าใครไม่จดทะเบียนสมรส ก็ไม่เข้าข่ายนี้
เพราะหนี้สินที่เกิดขึ้นระหว่างอยู่กินกันฉันสามีภรรยา โดยที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะถือว่าไม่ใช่หนี้ที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน!!
แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะก็มีข้อยกเว้น จากหนี้ที่ไม่ได้ก่อร่วมกัน!!
ในเคศที่อีกฝ่ายแอบไปสร้างหนี้ แล้วครอบครัวไม่ได้เห็นชอบ หรือไม่ได้ใช้เงินก้อนนั้นด้วย แม้ตามกฎหมายจะไม่ได้ระบุคำว่า “หนี้ส่วนตัว”
ไว้เฉพาะเจาะจง แต่ตามกฎหมาย “ป.พ.พ. มาตรา 1490 ได้บัญญัติเรื่อง หนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกัน” ดังนั้นถ้าอะไรที่ไม่ใช่หนี้ร่วม
ให้ถือว่าเป็น “หนี้ส่วนตัว” คู่สมรสจึงไม่ต้องชดใช้แม้จะจดทะเบียนกันแล้วก็ตาม
ตัวอย่างประเภทของหนี้ส่วนตัว
▪️ หนี้บัตรเครดิตที่นำมาใช้จ่ายในเรื่องส่วนตัว
▪️ หนี้การพนัน
▪️ หนี้ที่เกิดขึ้นขณะที่แยกกันอยู่กับภรรยาหรือสามี
▪️ หนี้ที่เกิดจากการกู้ไปให้บุคคลอื่น ด้วยความพิศวาสเสน่หา
▪️ ภาระหนี้ที่เกิดจากการค้ำประกันให้บุคคลอื่น
ยกตัวอย่าง สามีไปติดหนี้การพนันออนไลน์และการกู้เงินต่าง ๆ เพื่อมาโปะหนี้นั้น ภรรยาไม่จำเป็นต้องจ่ายหนี้แทน
เพราะการติดหนี้การพนัน และการกู้เงินเพื่อใช้ส่วนตัว (ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งจำเป็นในครอบครัว) ถือเป็น “หนี้ส่วนตัว” ไม่ใช่หนี้ร่วม
แต่สุดท้ายแล้ว ทางที่ดีที่สุด คือ ก่อนเป็นหนี้สิน ทั้งสองฝ่ายควรหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยกัน เพราะทุกอย่างแก้ไขได้ ถ้าเข้าใจกัน