มารศาสนา! “พระ” หรือ “ฆราวาส” ใครกันแน่ที่ทำศาสนาเสื่อม?
ศาสนาพุทธเปรียบเสมือนศาสนาประจำชาติไทยเรามาตั้งแต่สมัยยุคสุโขทัย ผูกผันกับคนไทยส่วนใหญ่ เป็นแหล่งให้ความรู้ เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นวิถีชีวิตของคนในสังคมไทย แต่ในยุคปัจจุบันนี้ศาสนาพุทธได้เปลี่ยนไปจากที่เราเคยได้รับรู้กันพอสมควร เราอาจจะเคยเห็นผ่านตาหรือได้ยินผ่านหู ทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์หรือโซเชียลมีเดียต่างๆถึงข่าวฉาวเกี่ยวกับวงการศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ เจ้าอาวาส พระลูกวัด กระทั่งฆราวาสเองก็มีข่าวฉาวให้เห็นพอสมควร หรือว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้นี่เองที่ทำให้คนเริ่มหันหลังให้กับศาสนาพุทธมากขึ้น
ท่ามกลางข่าวพระเสพยาบ้า มัวเมาสุรา หรือพระที่ร่วมรักกับสีกานั้น ก็ยังมีข่าวพระปลอมหลอกหลวงชาวบ้านเพื่อเอาเงิน ปลอมตัวเป็นพระเพื่อค้ายาเสพติด โจรขโมยเงินบริจาค/พระพุทธรูป หรือเป็นสีกาเองที่ไปล่อลวงพระ ฯลฯ สิ่งต่างๆแบบนี้ไม่เคยหมดไปจากศาสนาพุทธในสังคมไทย สังเกตได้จากเราจะเห็นข่าวแบบนี้อยู่ตลอดเวลาในระยะหลายต่อหลายปีมานี้
ดังสุภาษิต “ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง” มารศาสนาเหล่านี้เป็นส่วนที่คอยบั่นทอนความเชื่อ ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อพุทธศาสนา เมื่อศาสนาซึ่งสอนให้คนทำความดีละเว้นความชั่วกลับไม่สามารถที่จะขัดเกลาสาวกของตนให้ประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกต้องได้ แล้วจะมีใครกันเล่าที่นับถือศรัทธา ลองนึกภาพพระสงฆ์ที่ไปเสพสุราหรือมีความสัมพันธ์กับสีกา แต่กลับมานั่งสวดหรือเทศน์เรื่องการรักษาศีลต่างๆ ในเมื่อตนเองยังปฏิบัติตามสิ่งที่ตนเองสอนไม่ได้แล้วนั้น จะไปสอนให้ใครเขาทำตามได้
เช่นกันกับพวกที่ไม่ได้บวชเป็นพระแต่แอบอ้างปลอมตัวไปเป็นพระเพื่อหวังหลอกหลวงผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในศาสนา ซึ่งส่วนใหญ่ก็หลอกลวงเพื่อเอาเงินนั่นแหละ การกระทำเหล่านี้ก็เป็นการบั่นทอนความเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาลงด้วยเช่นกัน เพราะเราไม่อาจแยกได้เลยว่าใครเป็นพระแท้หรือพระปลอมที่มาหลอกใช้ความศรัทธาของเราเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
หรือถ้าลองพิจารณาให้ดีๆแล้ว ฆราวาสเองนี่แหละที่มีส่วนไม่น้อยในการชักนำพระสงฆ์ให้ออกนอกลู่นอกทาง ยกตัวอย่างเช่นการถวายปัจจัย ทั้งจากกิจนิมนต์ ทั้งจากการทำบุญต่างๆ การถวายปัจจัยให้พระสงฆ์ซึ่งบ้างครั้งจำนวนเงินก็ไม่ใช่น้อยๆ อาจจะเป็นแรงกระตุ้นให้พระสงฆ์เกิดความโลภ และอาจจะทำให้มีผู้ที่ไม่หวังดีมาปลอมตัวเป็นพระเพื่อหวังจะหลอกลวงเอาเงินก็ได้ การจัดตั้งองค์กรต่างๆ คณะกรรมการอะไรมากมายที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินภายในวัดเองก็ไม่ต่างอะไรกัน คนเหล่านี้ล้วนหาผลประโยชน์เข้าตัวเองทั้งนั้น ซ้ำยังดึงพระสงฆ์เข้ามาข้องเกี่ยวอีกด้วย
เช่นนี้แล้วผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคงจะต้องออกมากำกับดูแลระเบียบวินัยของศาสนาอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันพระสงฆ์ประพฤติปฏิบัติในทางที่ไม่เหมาะสม ป้องกันคนภายนอกแอบอ้างใช้ความเป็นพระสงฆ์เพื่อหลอกหลวงประชาชน และป้องกันพระสงฆ์จากฆราวาสเองที่เข้ามาหาผลประโยชน์กับศาสนา หรือการกระทำตามความเชื่อแบบผิดๆโดยไม่ทันระวังตัวซึ่งอาจนำพาพระสงฆ์ไปสู่ทางที่ไม่ควรได้ มิเช่นนั้นแล้วต่อไปในภายภาคหน้าคนในสังคมไทยอาจจะหมดความเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาพุทธก็เป็นได้
ท่านผู้อ่านคงต้องตัดสินเองแล้วล่ะครับว่าใครหรือสิ่งใดกันแน่ที่กำลังทำลายความเชื่อ ศรัทธาของพุทธศาสนาซึ่งเปรียบเสมือนศาสนาประจำชาติไทยของเรา?
