โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ถอดบทเรียน #เพลิงบุญ ดูแล้วได้อะไร

LINE TODAY

เผยแพร่ 01 ก.ย 2560 เวลา 10.23 น.

ท่ามกลางกระแส #ดราม่าเพลิงบุญ ทั้งเพลง ทั้งนักแสดง ยิ่งทำให้ละครเรื่องนี้ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ แถมเนื้อเรื่องยังโดนใจคนยุคนี้เข้าอย่างจัง โดยเฉพาะตัวละคร “ใจเริง” ที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ ทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งสามีของเพื่อนมาเป็นของตัวเอง โดยมีตรรกะโง่ ๆ ว่าถ้าฉันไม่ทิ้งไป เธอก็ไม่ได้ 

ในขณะที่คนดูพูดถึงการกระทำอันน่าหมั่นไส้ พฤติกรรมอ่อยจนน่าตบของใจเริง และความโง่ของพิมาลา นางเอกของเรื่อง เรียกว่าอินกันไปต่าง ๆ นานา แต่นอกจากเนื้อหาและตัวละครแล้ว ก็มียังส่วนอื่น ๆ ที่ละครบอกพวกเราแบบอ้อม ๆ ที่ให้ข้อคิดได้อย่างดี ลองมาถอดบทเรียนจากละครผัว ๆ เมีย ๆ เรื่องนี้กันดีกว่า ว่าเพลิงบุญให้อะไรกับเราบ้าง 

ความไว้ใจทำลายได้ด้วยการโกหกแค่ครั้งเดียว

รักกันให้ตาย เชื่อใจกันให้ตาย แต่ความไว้วางใจ ความเชื่อใจเหล่านี้ก็ทลายลงได้ง่าย ๆ แค่การโกหกหรือไม่บอกความจริงทั้งหมดเพียงครั้งเดียว ในเรื่องเพลิงบุญเราเห็นว่าพิมาลาไว้ใจและเชื่อใจพี่ฤกษ์ของเธอมากแค่ไหน แต่เพราะพี่ฤกษ์เลือกที่จะไม่พูดความจริงทั้งหมด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการทำลายความไว้วางใจที่มีต่อกัน พอพิมาลามารู้ทีหลังก็เกิดการระแวง คลางแคลงสงสัยไม่สิ้นสุด เพราะฉะนั้นถ้ารักกันก็อย่าโกหก 

โกหกหนึ่งครั้ง ก็ต้องโกหกไปตลอด 

หลังจากที่พี่ฤกษ์เดินตกหลุมที่ใจเริงวางแผนไว้ ก็ต้องปั้นเรื่องสารพัดเพื่อความอยู่รอดของชีวิตคู่ โกหกครั้งแรก ยังไง ๆ ก็ต้องมีครั้งที่สอง ที่สาม ที่สี่ และโกหกไปเรื่อย ๆ ต่อไป จนกว่าอีกคนจะรู้ความจริง นั่นแหละคือจุดสิ้นสุด ถ้าเลือกที่จะมีชีวิตคู่ที่ราบรื่นก็อย่าเริ่มโกหกครั้งแรกเด็ดขาด

ตบมือข้างเดียวไม่ดังก็จริง แต่น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันก็กร่อน

ในเรื่องเราจะเห็นว่าใจเริงทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ตัวพี่ฤกษ์กลับมาเป็นของตัวเอง ยอมโดนด่า โดนเกลียด แต่ก็ยังหน้าด้านหน้าทน โนสน โนแคร์เพื่อให้ได้สิ่งที่เธอตั้งใจไว้มาครอบครอง แรก ๆ พี่ฤกษ์ก็เกลียด แค้น และไม่สนใจ แต่ยั่วไปยั่วมาก็ตบะแตก เข้าเพลงน้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อนพอดีเป๊ะ  

ถ้าดูอย่างเดียวก็คงไม่เห็นอะไรที่ซ่อนอยู่ในตัวละครใจเริง แต่ถ้าดูให้ลึกจะเห็นว่าตัวละครตัวนี้มีความน่าสนใจ ถึงจะถูกเลี้ยง ถูกตามใจมาแบบผิด ๆ ใช้เงินเป็นเบี้ย มีวิธีการเอาตัวรอดแบบแปลก ๆ แต่สิ่งที่สอดแทรกอยู่ในตัวใจเริงก็คือความพยายามที่เป็นเลิศ ถึงจะออกแนวหน้าด้านหน่อย ๆ ก็ตาม ซึ่งถ้าเลือกเอาเฉพาะความพยายาม ความอยากได้อะไรก็ต้องได้ของใจเริงมาใช้ในทางที่ดี ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับการใช้ชีวิตไม่น้อย เพราะสุดท้ายใจเริงก็ได้พี่ฤกษ์กลับมาจริง ๆ  

ถ้ายังแค้น ยังเกลียด ก็แปลว่ายังคิดถึง

หลังจากพี่ฤกษ์โดนใจเริงทิ้งไปแต่งงานกับคนที่รวยกว่าก็ทำให้เกิดความเกลียดชังและความแค้นในใจ ซึ่งแปลว่าใจเริงไม่ได้ออกไปจากใจของฤกษ์เลย เพราะถ้าแค้น ถ้าเกลียดแปลว่าเรายังวนเวียนอยู่กับคน ๆ นั้น แม้พี่ฤกษ์จะแต่งงานกับพิมาลาไปแล้วอย่างปกติสุขดี แต่เมื่อใจเริงเข้ามายั่วยวน ความแค้น ความเกลียดก็เปลี่ยนเป็นความโหยหาและจุดไฟปรารถนาที่เก็บงำไว้ขึ้นมา 

กรณีแบบนี้มีให้เห็นทั่วไปแม้แต่ในจิตใจเราเอง เมื่อเกลียดใคร จริงอยู่ที่ไม่อยากเข้าใกล้ แต่เราก็จะไม่หลุดพ้นจากคน ๆ นั้นไปเสียที การทำให้ไม่เกลียดนั้นยาก แต่ถ้าเลือกที่จะปล่อยวาง ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น

“ถ้าผู้หญิงเรามีสติและปล่อยวางได้ ก็จะไม่ต้องวิ่งไล่ตามไขว่คว้าให้ใจเป็นทุกข์ ทุกข์แบบนั้นมันเหนื่อย และการปล่อยวาง วางเฉยไม่ได้ทำให้เราดูโง่ในสายตาคนอื่น แต่การที่เราพยายามมองทุกอย่างดีเกินไป ทั้งทีความจริงมันไม่ดี แสดงว่าเรายังไม่เห็นความจริง แล้วการที่เราพยายามคิดให้มันดี ก็เท่ากับหลอกตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง ก่อนที่จะปล่อยวาง เราต้องเรียนรู้ที่จะเห็นความเป็นจริงเสียก่อน ต้องรู้ เห็น และเข้าใจ แล้วเราจะปล่อยวางได้เอง โดยไม่ต้องพยายามอะไรเลย” 

คำว่า “ดูละครแล้วย้อนดูตัว” ยังใช้ได้ดีเสมอ ยิ่งละครสมัยนี้ไม่ได้สรุปข้อคิดดี ๆ กันแบบตรง ๆ แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าอะไรที่ไม่ดี แล้วเลือกที่จะไม่ทำตามหรือไม่ไปยุ่งกับมัน นี่แหละสิ่งที่ละครสอนเราได้ แค่เลือกเสพย์ให้ถูกก็เท่านั้น ทำไมละครบ้านเราจะสู้ประเทศอื่นไม่ได้ จริงไหม..     

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0