*บทความนี้เพียงแต่บอกเล่าในมุมมองเชิงจิตวิทยาเท่านั้น มิได้ยุยงส่งเสริมให้เกิดการนอกใจแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*
“คนประมาณ 50% ล้วนเคยนอกใจคู่รักของตนเองมาแล้วทั้งนั้น” - John Howard ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์กล่าวไว้
เมื่อคนสองคนต้องมาใช้ชีวิตคู่ หรือมีความสัมพันธ์เกิดขึ้นระหว่างกัน ด้วยความแตกต่างของแต่ละคน อาจทำให้เกิดปัญหาระหว่างการร่วมทางได้เป็นปกติธรรมดา ซึ่งก็ต้องหาทางออกกันไป และปัญหาหนึ่งที่พบได้จากหลาย ๆ คู่คือ เรื่องความไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน หรือการนอกใจคู่รักของตน แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดทั้งนั้น ยิ่งในสังคม Monogamy หรือผัวเดียวเมียเดียว ในประเทศไทยเมืองพุทธแห่งนี้แล้วดูเหมือนจะเป็นเรื่องบาปมหันต์เอามาก เพราะถือว่าทำผิดศีล ใด ๆ ก็ตามในบทความนี้จะขอเล่าถึง ‘การนอกใจ’ มุมมองเชิงจิตวิทยาว่ามันมีอะไรเป็นเบื้องลึกเบื้องหลังของพฤติกรรมเหล่านี้บ้าง
งานวิจัยของต่างประเทศบอกว่า ถ้าตัดเรื่องเพศชายหรือหญิงออกไป คนที่จะมีแนวโน้มนอกใจคู่รัก มักมีเหตุผลส่วนหนึ่งมาจากความต้องการเรื่องเพศเป็นส่วนสำคัญ อีกส่วนเป็นเรื่องความต้องการด้านอารมณ์ ในขณะที่ผู้หญิงจะเกิดการนอกใจเพราะไม่พอใจความสัมพันธ์ที่มีอยู่ ส่วนผู้ชายมักจะเป็นเรื่องทางเพศเป็นสำคัญ แม้ว่าจริง ๆ แล้วความหมายของการนอกใจมันค่อนข้างกว้าง ไม่ได้มุ่งแค่เซ็กซ์เพียงอย่างเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าเซ็กซ์ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหานี้ สิ่งที่น่าประหลาดใจอีกอย่างคือ เราชอบเข้าใจผิดว่า คนที่นอกใจมักเกิดจากความสัมพันธ์ที่ไม่อบอุ่น แต่ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Rutgers บอกว่า 56% ของผู้ชายมีโอกาสนอกใจได้แม้ว่าชีวิตคู่ตัวเองจะแฮปปี้อยู่แล้วก็ตาม ผ่าม! แต่ว่า (อีกแล้ว) คนที่ไม่มีความสุขในชีวิตคู่ กล้าที่จะนอกใจแถมยังรู้สึกผิดน้อยกว่าด้วย
Joshua Klapow นักจิตวิทยาคลินิกชาวอเมริกันได้ทำการสังเกตและทดลองเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับการนอกใจ ไว้ว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไรบ้าง ดังนี้
นอกใจเพราะอยากหนีจากความขัดแย้ง
ในความสัมพันธ์ แน่นอนว่าไม่ได้ราบรื่นทุกวันใช่ไหมล่ะคะ คบกันไปก็ต้องมีทะเลาะกันบ้าง หรือมีเรื่องในใจที่เก็บสะสมไว้จนรู้สึกไม่โอเค หรือเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้สักทีไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน จึงอาจเป็นบ่อเกิดของการนอกใจได้เพราะอยากหลีกหนีจากความขัดแย้งเหล่านี้แทน ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากเผชิญหน้า ไม่กล้าจะเคลียร์กันเพราะกลัวแตกหักบานปลาย จึงเลือกที่จะอยู่ในโลกอีกใบของตัวเองที่มีคนใหม่ ๆ เข้ามาดีกว่า
รู้สึกสิ้นหวัง ไร้ทางออก
ความสัมพันธ์ที่เริ่มอิ่มตัว จะเลิกก็ไม่ได้ จะคบต่อก็ไม่ไหว มันฝืนใจไปหมด ไม่ว่าจะพยายามหาเหตุผลอะไรมาสนับสนุนการมีอยู่ของความสัมพันธ์นี้ก็ตาม เขาจึงคิดว่าการมองหาความสัมพันธ์ใหม่ ๆ น่าจะเป็นทางออกในเวลานั้น ว่าง่าย ๆ คือ ใจมันอยากมองหาความซู่ซ่าให้ชีวิตนั่นเอง
เซ็กซ์เข้ากันไม่ได้ก็มีส่วน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องเซ็กซ์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคู่ ความต้องการทางเพศย่อมแตกต่างไปตามแต่ละบุคคล การจะหาคู่รักที่เข้ากันได้ดีในทุกเรื่องก็อาจจะไม่ง่ายสักเท่าไหร่ บางคนคบกันมานาน รักกันมาก เวิร์คไปหมด แต่ติดเรื่องบนเตียง จูนกันไม่ติด สไตล์ไม่ได้ ความสม่ำเสมอไม่พอ ก็อาจเป็นสาเหตุของการเบื่อหน่ายจนนำไปสู่การนอกใจกันก็ได้ค่ะ
นอกใจเพราะอยากคุมเกม
ในความสัมพันธ์ของคนสองคน อาจจะมีฝ่ายใดฝ่ายนึงเป็นเสมือนผู้มีอำนาจเหนือกว่า จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดใจ และไม่มีพลัง สะสมไปเรื่อย ๆ จนเขารู้สึกว่าเป็นฝ่ายด้อยกว่าไปแล้ว จึงเบนเข็มไปหาคนอื่นเพื่อที่จะเป็นฝ่ายมีอำนาจขึ้นมาแทน เพราะไม่อยากถูกควบคุมจากใครอีกต่อไปแล้ว
คิดว่าการนอกใจไม่ใช่เรื่องใหญ่
คนเคยนอกใจบางคนอาจรู้สึกว่า ก็แค่ไปคุยกับคนอื่นเอง ก็แค่นอกกายชั่วคราวเท่านั้นเอง ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ไม่ได้สานสัมพันธ์อะไรต่อ พูดกันกไปก็คือพยายามลดทอนความรุนแรงของการนอกใจลงมาให้เป็นเพียงปัญหาธรรมดาที่อาจเกิดขึ้นได้กับชีวิตคู่ แต่อย่าลืมว่าทุกครั้งที่ความเชื่อใจถูกทำลาย นั่นคือการสร้างแผลบางอย่างให้กับอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
เป็นพวกหลงตัวเอง หรือไม่ก็เชื่อมั่นในตนเองต่ำ
คนสองประเภทนี้มีแนวโน้มนอกใจได้มากกว่าเพราะเป็นพวกชอบตามหาพลังพิเศษมาเติมเต็มความรัก โดยเฉพาะเรื่องความใส่ใจ ความใกล้ชิด รวมถึงความสนใจจากผู้อื่น เพราะว่าคนเหล่านี้จะมองตนเองว่ามีคุณค่าน้อย จึงต้องการการเติมเต็มจากคนอื่นเยอะ ๆ ลำพังแค่คู่รักอาจไม่เพียงพอสำหรับเขานั่นเอง
นอกจากนี้ Forste and Tanfer ยังบอกว่า ผู้หญิงที่มีระดับการศึกษาสูงกว่าผู้ชายที่เป็นคู่รัก มักมีโอกาสเป็นฝ่ายนอกใจได้มากกว่า เช่นเดียวกับครอบครัวที่ฝ่ายหญิงเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว หรือมีหน้าที่การงานที่สมบูรณ์กว่าฝ่ายชาย เพราะลึก ๆ มาจากความรู้สึกที่ว่าตนเองมีฐานะทางสังคมที่เพียบพร้อมกว่านั่นเอง
การไม่ซื่อสัตย์ต่อกันและกันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดและซับซ้อน คนที่นอกใจอาจจะมีเหตุผลผสมปนเปกันมากมาย แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่เรื่องที่น่ายอมรับได้สังคมบ้านเราแน่นอนค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคู่จะมีวิธีดีลหรือรับมือกันอย่างไร ก็สามารถดีไซน์กันได้ตามความสะดวกใจเลย ความรักบางทีมันก็พูดยากนะคะ ยังไงก็ขอให้ทุกคนมีชีวิตรักที่ดี มีความสุขกันถ้วนหน้าค่ะ
.
อ้างอิง
