ทั่วไป

ปิดตำนาน 114 ปี บริษัทลูกอมหลากสีชื่อดัง ประกาศปิดกิจการแล้ว

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์
อัพเดต 11 พ.ย. 2565 เวลา 11.10 น. • เผยแพร่ 11 พ.ย. 2565 เวลา 10.52 น.

บริษัทลูกอมหลากสีชื่อดังของญี่ปุ่น "ซากูมะ ดร็อปส์" (Sakuma’s Drops) ไปต่อไม่ไหว ประกาศปิดกิจการ เซ่นพิษเศรษฐกิจ ปิดตำนาน 114 ปี

ปิดตำนาน 114 ปี ลูกอมหลากสีชื่อดัง ประกาศปิดกิจการแล้ว อีกหนึ่งบริษัทที่ต้องปิดกิจการ หลังจากมีรายงานข่าว ลูกอมหลากสี ที่ชาวญี่ปุ่นกินกันมานานหลายชั่วอายุคน ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนเข้าไปอยู่แอนิเมชั่นชื่อดังของ "จิบลิ" เรื่อง "สุสานหิ่งห้อย" (Grave of the Fireflies) กำลังจะยกเลิกการผลิต เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อในญี่ปุ่น ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น จนบริษัทแบกรับไม่ไหว ต้องประกาศปิดตัวลง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ปิดตำนาน 114 ปี ลูกอมหลากสีชื่อดัง ประกาศปิดกิจการแล้ว

โดย บริษัทซาคุมะเซย์กะ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตลูกอมผลไม้หลากสี ยี่ห้อ "ซากูมะ ดร็อปส์" (Sakuma’s Drops) ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น ได้ออกแถลงการณ์ว่า จะยุติกิจการภายในเดือน ม.ค. ปีหน้า เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการขาดแรงงานผลิตและยอดขายที่ตกต่ำ ทางบริษัทไม่ได้ปรับขึ้นราคาลูกอมดังกล่าวมาหลายปีแล้ว โดยบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากลังเลที่จะปรับขึ้นราคาสินค้า หรือผลักภาระต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นไปให้ลูกค้าทั้งหมด เพราะกลัวสูญเสียลูกค้า

ปิดตำนาน 114 ปี ลูกอมหลากสีชื่อดัง ประกาศปิดกิจการแล้ว
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทั้งนี้ บริษัท ซากุมาเซอิกะ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1908 โดยนักทำขนมหวานชื่อ นายโซจิโร ซากูมะ ซึ่งเขาเคยนำลูกกวาดโปรยลงมาจากเครื่องบินระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ประชาชน จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทสตูดิโอ จิบลิ นำไปเป็นส่วนหนึ่งของแอนิเมชั่นชื่อดัง "สุสานหิ่งห้อย" ที่ฉายเมื่อปี ค.ศ.1988 ซึ่งเรื่องราวของสองพี่น้องที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยที่มีลูกอมซากูมะ ดร็อปส์ เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตของเด็กน้อยทั้งสองเอาไว้
ลูกอมหลากสี ซากูมะ ดร็อปส์ ถือว่าเป็นลูกอมที่มีเอกลักษณ์ เป็นลูกอมแบบเม็ดแข็งรสผลไม้รวม มีทั้งหมด 8 รส บรรจุอยู่ในกระป๋องโลหะทรงสี่เหลี่ยม มีฝาปิดทรงกลมขนาดเล็ก ชาวญี่ปุ่นต่างมองว่าลูกอมชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยและเป็นความทรงจำในวัยเด็กที่สวยงาม
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่tnews

ดูข่าวต้นฉบับ