โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ชิมช้อปใช้4 อัด3.5หมื่นล้าน ลงทะเบียน1เม.ย.

ฐานเศรษฐกิจ

เผยแพร่ 28 ก.พ. 2563 เวลา 04.00 น. • Thansettakij

 

 

 

คลังเตรียมเสนอครม. 3 มี.ค. ใช้งบ 8,500 ล้านบาท ทำโครงการบัตรคนจนรอบ 2 พร้อมเปิดลงทะเบียน 23 มี.ค.- 26 เม.ย.นี้ ยันคำนวณรา/ยได้รายครัวเรือน ส่วนสัปดาห์ถัดไป ดัน “ชิมช้อปใช้ ช่วยชาติ” กระตุ้นใช้จ่ายในประเทศ ก่อนให้ลงทะเบียน 1 เมษายน-30 มิถุนายน คาดใช้งบ 35,000 ล้านบาท 

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังระบุว่า กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 มีนาคม พิจารณาโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2563 หรือลงทะเบียนบัตรสวัสดิการรอบ 2 ที่จะเปิดให้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนระหว่างวันที่  23 มีนาคม-26 เมษายน 2563 โดยกระทรวงการคลังจะดำเนินการสำรวจผู้มีรายได้น้อยที่เป็นข้อมูลปัจจุบันให้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่กำหนดใหม่ เพื่อให้เกิดความแม่นยำในการให้ผู้มีรายได้น้อยตัวจริงได้รับบัตรมากที่สุด โดยคาดว่าจะใช้เม็ดเงินประมาณ 8,500 ล้านบาท ใช้เม็ดเงินจากงบกลาง ในรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินปี 2563 มาดำเนินการ 

ทั้งนี้การลงทะเบียนเพื่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบนี้ จะมีการตรวจสอบรายได้เป็นรายครัวเรือน เพื่อแก้ปัญหาผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่มีครอบครัวดูแล ขณะเดียวกันจะมีการทบทวนข้อมูลของผู้ถือบัตรเพื่อให้เป็นปัจจุบันมากขึ้นและกระทรวงการคลังสามารถตัดสิทธิและเพิ่มสิทธิผู้ถือบัตรได้ตลอดเวลา ส่วนสวัสดิการต่างๆ ของผู้ถือบัตรจะยังคงใช้สวัสดิการเดิมที่มีในปัจจุบัน แต่จะกำหนดให้ตรงกลุ่มเป้าหมายและความจำเป็นของผู้มีรายได้น้อยแต่ละบุคคลมากขึ้น

 

เปิดลงทะเบียนคนจนรอบ2

นอกจากนั้น ในการประชุมครม.ครั้งต่อไป วันที่ 10 มีนาคม กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการชิมช้อปใช้ ช่วยชาติ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยวในประเทศ โดยจะเปิดกว้างให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิระหว่างวันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายน 2563 ซึ่งคาดว่าจะใช้เม็ดเงินในการดำเนินการ 35,000 ล้านบาท โดยจะใช้งบกลางในการดำเนินการเช่นกัน 

รายงานข่าวระบุว่า ในเดือนเมษายน กระทรวงการคลังยังจะเสนอครม.พิจารณา โครงการประชารัฐสร้างไทย เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้กองทุนหมู่บ้านระดับ A B C หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท โดยธนาคาร
เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน วงเงิน 71,742 ล้านบาท ซึ่งรัฐจะชดเชยเงินตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังต่อไป รวมถึงพิจารณาการกู้เงินเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หนี้สาธารณะ เพื่อลงทุนในระบบถนน นํ้าและการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ วงเงิน 1 แสนล้านบาท

 

2ปีใช้เงินรวม 9.87 แสนล.

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมาครม. ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อนุมัติวงเงินไปแล้วกว่า 9.87 แสนล้านบาท ในการกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างปี 2562-2563 โดยปี 2563 ได้ออกมาตรการต่อเติมเสริมทุน SMEs สร้างไทย เพื่อช่วยเหลือ SMEs ที่ต้องการสภาพคล่อง โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) จะมีวงเงินคํ้าประกัน 60,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายค่าชดเชยความเสียหายไม่เกิน 40% ของวงเงินคํ้าประกัน ซึ่ง
สามารถคํ้าประกันให้กับลูกหนี้ที่มีศักยภาพ แต่มีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง รวมถึงลูกหนี้ที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลูกหนี้ Re-finance ที่มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และได้รับอนุมัติสินเชื่อเพิ่มเติมจากสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อสนับสนุนให้ SMEs ที่มีศักยภาพแต่ขาดสภาพคล่องให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ พร้อมทั้งวงเงินสินเชื่อของสถาบันการเงินของรัฐ 

การขยายระยะเวลาประกันสำหรับ SMEs ที่กำลังจะถูกฟ้อง ตามโครงการ PGS 5 ถึง PGS 7 ที่จะขยายระยะเวลาการคํ้าประกันในโครงการ PGS 5 ถึง PGS 7 ออกไปอีก 5 ปี รวมถึงยกเลิกเงื่อนไขที่กำหนดให้ บสย. จ่ายค่าประกันชดเชยเมื่อสถาบันการเงินดำเนินคดีกับ SMEs โดยให้สถาบันการเงินสามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ SMEs เพื่อให้ SMEs สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และการให้ความช่วยเหลือ SMEs ที่มีศักยภาพ
ทั้งโครงการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนและโครงการคํ้าประกันสินเชื่อต่างๆ ซึ่งมีวงเงินช่วยเหลือและวงเงินสินเชื่อในการดำเนินการรวมทั้งหมด 260,000 ล้านบาท

มาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ ซึ่งเป็นการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน ด้วยการให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายเพื่อการลงทุนในเครื่องจักรได้ 250% หรือ 2.5 เท่า ของรายจ่ายตามจำนวนที่จ่ายจริง สำหรับรายจ่ายที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2563 พร้อมยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร 146 รายการ และสินเชื่อจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ โดยมีวงเงินในการดำเนินการรวม 110,000 ล้านบาท

 

ออกมาตรการช่วยท่องเที่ยว 

มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา(Covid-19) ด้วยการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91 สำหรับบุคคลธรรมดา ที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีภายในเดือนมีนาคมของปี 2563 ให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปเป็นภายในเดือนมิถุนายน ของปี 2563 รวมทั้งมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการอบรมสัมมนาภายในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 31 ธันวาคม 2563 เป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง โดยมีวงเงินช่วยเหลือและสินเชื่อรวม 123,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังยังมีแผนการเสนอครม.พิจารณาเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาผลกระทบจาก Covid-19 ให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวและแรงงานจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผ่านมาตรการภาษีและมาตรการทางการเงินด้วย

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,552 วันที่ 27 - 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...