โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

ตอนที่ 3 วิ่งไล่จับ - เรื่องย่อซีรีส์: "Mother เรียกฉันว่า...แม่"

LINE TODAY

เผยแพร่ 15 มี.ค. 2563 เวลา 17.01 น. • LINE TV

*อ่านเรื่องย่อซีรีส์ "Mother เรียกฉันว่า…แม่" ตอนใหม่! ก่อนใคร ทุกวันจันทร์ ที่ LINE TODAY

ทิชา ขับรถคันเก่าของเธอมาตามถนนเลี่ยงเมือง ฟ้าใสนอนหลับอย่างอ่อนแรงอยู่บนรถ ก่อนหน้านี้ทิชาได้จัดการทำตามแผนครบทุกขั้นตอนแล้ว ทั้งให้ฟ้าใสไปปรากฏตัวใกล้บ่อน้ำเพื่อให้มีพยาน ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ฟ้าใสปลอมตัว ไปเบิกเงินเก็บทั้งหมดออกจากธนาคาร ได้เงินมาประมาณสามแสนบาท ไม่มากไม่น้อยแต่ก็คงจะพอพาตัวเธอกับเด็กผู้หญิงอีกคนหนีไปเริ่มชีวิตใหม่ที่มาเลเซีย ทิชาดันบังเอิญเจอปราชญ์ที่ในเมือง ปราชญ์ดูจะสนใจว่าทิชามีลูกด้วย เดิมที่ไม่อยากเสวนากับนักข่าวคนนี้อยู่แล้วต้องมาเจอในเวลาที่ไม่อยากเจอที่สุด ทิชาเลยตอบห้วน ๆ แล้วรีบเดินหนีไป

แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องเงิน หรือเรื่องนักข่าวจมูกไว สิ่งที่ต้องรีบจัดการเร่งด่วนคือฟ้าใสไม่มีตัวตน ไม่มีพาสปอร์ต การจะเดินทางออกนอกประเทศได้ต้องใช้เอกสารเหล่านี้ ทิชาต้องหาทางจัดการเรื่องนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด

สองข้างทางมืดสนิท ฟ้าใสงัวเงียตื่นขึ้น บ่นว่าอยากเข้าห้องน้ำ ทิชาจึงแวะจอดรถที่ปั๊มริมทาง ก็ดีเหมือนกันจะได้ยืดเส้นยืดสาย เพราะตั้งแต่ออกมาจากน่านช่วงเย็นเธอก็ขับรถยาวไม่ได้หยุดพักเลย แต่ปั๊มน้ำมันที่อยู่ใกล้ที่สุดที่ทิชาแวะจอดมีบรรยากาศค่อนข้างน่ากลัว ทิชาเลยต้องเข้าไปเป็นเพื่อนฟ้าใส  

เพล้ง! เสียงดังมาจากรถ ทิชารีบวิ่งออกมาดู หัวใจแทบจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม กระจกหน้าต่างรถโดนทุบแตกละเอียด ซองเงินที่เพิ่งเบิกออกมาจากธนาคารถูกขโมยไป ทิชาแทบทรุด เงินก้อนนั้นคือเงินเก็บของเธอ รถก็มีน้ำมันเหลืออยู่แค่ครึ่งถัง ลำพังตัวเธอคงหาเงินก้อนนี้ใหม่ได้ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ที่เธอต้องพาฟ้าใสหนีดันมาเกิดเรื่องโชคร้ายแบบนี้ขึ้นได้ ทิชาได้แต่โทษตัวเองที่ประมาทเกินไป

ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ทิชาต้องเดินทางต่อ แต่คงเป็นเพราะโชตชะตาหรือเพราะเบื้องบนรู้ว่าเธอกำลังทำเรื่องที่ผิดอยู่จึงส่งบททดสอบมาให้หลายด่าน คราวนี้มาเป็นด่านจริง ๆ ตำรวจยืนตั้งด่านอยู่ริมถนนโบกเรียกตรวจรถ ทิชาระแวงกลัวว่าตำรวจจะจำหน้าฟ้าใสได้ แต่โชคดีที่คดีเด็กจมน้ำยังไม่เป็นข่าว ตำรวจแค่ตักเตือนเรื่องกระจกที่โดนทุบ ทิชาเลยรอดตัวไป

ฝั่งทรายที่ได้รับแจ้งอุบัติเหตุเด็กหญิงจมน้ำก็รีบไปที่เกิดเหตุทันที ทรายได้แต่รอด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง หน่วยกู้ภัยพบเพียงกระเป๋าเป้สีฟ้าที่มีชื่อของขวัญเขียนอยู่ แต่ไม่พบร่างของเด็ก ทรายนั่งนิ่งเงียบเก็บอาการ มันเป็นธรรมชาติของเธอที่เมื่อรู้สึกตกใจมาก ๆ เสียขวัญ จะหุบปากนิ่งสนิท เก็บงำความรู้สึก ซึ่งในสายตาของตำรวจเห็นว่าเป็นเรื่องแปลกที่ทรายดูไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้ง ๆ ที่ปกติคนเป็นแม่ ควรจะแสดงอาการมากกว่านี้ ลูกหายตัวไปทั้งคน แต่เมื่อตั้มมาถึงที่เกิดเหตุ ทรายโผผวากอดตั้ม ตั้มปลอบโยนทราย ถ้าใครได้รู้ว่าปกติครอบครัวนี้อยู่กันยังไง ภาพตั้มที่ดูอบอุ่นต่างหากที่ผิดธรรมชาติ แต่ภาพนั้นก็ทำให้ตำรวจคลายความสงสัยในตัวทรายไปได้

ช่วงสาย ๆ ทิชาที่คิดมาทั้งคืนว่าจะแก้ปัญหาต่อไปยังไงดี ก็ตัดสินใจเอารถคันเก่าไปขายเต็นท์รถมือสอง แต่จากสภาพรถที่เก่า แถมกระจกฝั่งหนึ่งถูกปะด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ กับท่าทางร้อนเงินของทิชา รถคันเก่าจึงถูกตีราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ทิชาไม่มีทางเลือกนอกจากต่อรองให้ได้มากที่สุด รับเงิน และรีบเดินทางต่อ 

สองแม่ลูก ต้องนั่งรถทัวร์มุ่งหน้าสู่กรุงเทพ ฯ ทิชามีแผนว่าจะจัดการหาที่ทางทำพาสปอร์ต ก่อนจะพาฟ้าใสนั่งรถไฟสายบัตเตอร์เวอร์ธตรงสู่กัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย เดินทางโดยรถไฟน่าจะปลอดภัยกว่าเครื่องบิน ทิชาคิดเช่นนั้น แต่ก่อนจะออกเดินทาง เธอยังต้องการเงินก้อนใหญ่อีกก้อน ทิชาจำใจต้องกลับไปหา วรินทรา แม่เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพลของเธอ เธอคงจะขอยืมเงินจากแม่ได้ไม่ยาก แต่มันจะเป็นการหยิบยืมไม่ใช่การขอ เพราะเธอไม่อยากให้แม่กลับมาปกครองชีวิตของเธอได้อีก

ตำรวจเริ่มตั้งข้อสันนิษฐานว่าบางทีการหายตัวไปของของขวัญอาจมีเหตุผลเบื้องหลัง ไม่ใช่การจมน้ำธรรมดา เพราะนอกจากจะหาศพไม่เจอแล้ว ทั้งแม่และพ่อเลี้ยงดูมีพิรุธ น่าจะปิดบังความจริงบางอย่างเอาไว้ ข่าวการหายตัวของของขวัญกระจายออกไป โลกโซเชียลกระหน่ำวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อนและคนที่ตกเป็นเป้าของการโจมตีมากที่สุดก็คือ ทราย

ปราชญ์รู้สึกสนใจคดีนี้มากเป็นพิเศษ เขาพยายามไปสอบถามทั้งจากครูที่โรงเรียน และจากทราย

“ของขวัญน่ะเป็นเด็กดี เรียบร้อย ครูไม่เชื่อค่ะว่าแกจะลงไปเล่นน้ำหรือซนจนพลัดตกน้ำไป” ครูเหมียวออกความเห็นและยังโชว์รูปที่่ถ่ายไว้ให้ดู “เนี่ย ดูสิน้องมีรอยแบบนี้มาประจำ ล่าสุดถึงกับเลือดไหลออกกกหู ไม่รู้ว่าโดนมาขนาดไหน เด็กไม่ยอมพูดเลย ครูไปเยี่ยมที่บ้านกับครูทิชาครูประจำช้ันเค้าวันก่อนจะเกิดเรื่อง แต่ก็ยังไม่ได้ความอะไร บ้านนี้มันมีปัญหา เด็กถูกทำร้ายร่างกายทั้งคน แต่ครูกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย”

ปราชญ์ได้ข้อสันนิษฐานว่าของขวัญอาจถูกทารุณกรรมมาเป็นเวลานาน โดยที่ทรายผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้แสดงความพยายามที่จะปกป้องหรือช่วยเหลือใดๆ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ติดใจปราชญ์คือเบาะแสหลายอย่างโยงใยไปถึงทิชาผู้หญิงที่เขาเพิ่งเจอวันเกิดเหตุ ปราชญ์เอะใจว่าทิชากำลังทำเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่แน่ ๆ

ก่อนที่ทิชาจะไปพบวรินทรา มีผู้หญิงอีกคนมาขอเข้าพบวรินทราก่อน เธอคือ มัลลิกา หญิงวัย 50 ปลาย ๆ เธอเอากระเช้าของขวัญมาสวัสดีปีใหม่วรินทราแต่นั่นเป็นเพียงข้ออ้าง มัลลิกา ส่งข่าวหน้าหนึ่งที่ตัดมาจากหนังสือพิมพ์ให้วรินทราดูว่าเหยื่อสาววัย 30 กว่า ๆ ใช่ทิชา ลูกของเธอหรือไม่!

วรินทราหยุดความคิดฟุ้งซ่านของมัลลิกา วรินทราบอกว่าทิชาสบายดีและทิชาจะมาร่วมงานแต่งงานของเมย์ ลูกสาวคนกลางของเธอ วรินทราย้ำข้อตกลงกับมัลลิกาว่าห้ามมัลลิกาแสดงตัวหรือบอกใคร ๆ ว่ามัลลิกาเป็นแม่ที่แท้จริงของทิชา

ทิชาพาฟ้าใสเดินทางมาถึงกรุงเทพ ทิชาให้ฟ้าใสรออยู่ที่ร้านสะดวกซื้อเพราะเธอไม่สามารถพาฟ้าใสไปเจอวรินทราได้ ทิชาย้ำไม่ให้ฟ้าใสพูดคุยกับใครทั้งนั้น ตอนนี้ต้องระวังตัวให้มากเพราะคดีของฟ้าใสเป็นข่าวไปทั่วแล้ว ฟ้าใสรับปากรับคำเชื่อฟังแม่ ทิชาเดินออกจากร้านที่อยู่ตรงข้ามกับตึกสำนักงานของวรินทรา มัลลิกาที่เพิ่งออกมาจากตึกสำนักงานเห็นทิชาพอดี มัลลิกาจดจำทิชาได้ทันทีในเสี้ยววินาที เธอรู้สึกปลาบปลื้มซึ้งใจมากที่เห็นทิชาอยู่ดีมีสุข และก็ต้องประหลาดใจที่เห็นเด็กผู้หญิงเล็ก ๆ อีกคนกำลังโบกมือให้ นี่..ทิชามีลูกแล้ว… มัลลิการู้สึกปลาบปลื้มท่วมท้น เธอไม่ได้แสดงตัวใดๆ เพียงยิ้มน้อยๆให้เมื่อทิชาเดินผ่าน แล้วก็รีบเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ อย่างน้อยก็ขอแค่ได้มองดูหลานสาวของเธอให้เต็มตา

วรินทราก็ดีใจไม่แพ้กันที่ทิชามาปรากฏตัวตรงหน้า เธอทั้งคิดถึง ห่วงหาอาทรลูกเลี้ยงคนนี้มาก เมื่อทิชาเอ่ยปากขอยืมเงิน 1 ล้านบาทวรินทราก็ตอบตกลงแทบจะทันที “แม่จะไม่ถามหนูหรอกนะ ว่าหนูจะเอาเงินไปใช้ทำอะไรเพราะถ้าไม่ลำบากจริง ๆ คงไม่มาหาแม่ หลายปีท่ีผ่านมาหนูไม่เคยยอมรับเงินจากแม่เลย” ก่อนหน้านี้แม้วรินทราจะพยายามเท่าไหร่ทิชาก็ไม่เคยยอมรับเงินจากวรินทราเลย เธอเสนอให้เงินที่มากกว่านี้โดยขอให้ทิชามาร่วมงานแต่งของเมย์ แต่ทิชาปฏิเสธพร้อมบอกว่าถึงเวลานั้น เธอคงอยู่มาเลเซียแล้ว “ถ้างั้น แม่ขอมีเงื่อนไขเล็กๆน้อยๆสำหรับเงินก้อนน้ีได้มั้ย” ทิชานิ่งสงสัย

“แม่จะให้ทิชาครึ่งนึงก่อน แล้ว…ระหว่างน้ีแม่ขอให้ทิชามาหาแม่กับน้องๆให้บ่อยท่ีสุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก่อนจะเดินทาง แม่จะให้อีกครึ่งท่ีเหลือ โอเคมั้ยจ๊ะ” ทิชายอมรับเงื่อนไขนี้เพราะเธอก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว แค่มาพบเจอให้วรินทราสบายใจ แค่นี้เธอคงจะพอทำให้แม่ที่เลี้ยงดูเธอมาได้

ฟ้าใสเจอสมุดที่ถูกใจในร้านสะดวกซื้อ สมุดจดของที่ชอบเล่มเก่าถูกทิ้งเอาไว้ที่น่าน ไม่ได้เอาติดตัวมาด้วย แต่ฟ้าใสมีเงินไม่พอซื้อสมุด มัลลิกาที่แอบดูอยู่เลยช่วยออกเงินซื้อสมุดให้ ฟ้าใสไม่ยอมรับในตอนแรกเพราะแม่สั่งเอาไว้ว่าไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า แต่พอมัลลิกาชนของในร้านล้ม ฟ้าใสก็รีบช่วยเก็บของ และสังเกตเห็นว่ามัลลิกาใส่เสื้อคลุมกลับตะเข็บ ฟ้าใสหลุดหัวเราะและเรียกมัลลิกาว่า “คุณยายซุ่มซ่าม”

มัลลิกานั่งอยู่เป็นเพื่อนฟ้าใสพยายามชวนฟ้าใสคุย ถามนู่นนี่ จนทิชาเสร็จธุระลงมารับฟ้าใส ทิชาไม่ค่อยสบายใจนักที่ฟ้าใสคุยกับคนแปลกหน้า แต่มัลลิกาก็รีบออกตัวว่าเธอเป็นฝ่ายต้องขอบคุณฟ้าใสที่ช่วยเธอเก็บของ มัลลิกาบอกทิชาว่าเธอเปิดร้านทำผมอยู่ตรงหัวมุมใกล้ ๆ นี่เอง ทิชาไม่ค่อยสนใจฟังนักมัลลิกาแอบเศร้าใจที่ทิชาจำเธอผู้ให้กำเนิดไม่ได้ แต่ก็โล่งใจที่เห็นทิชามีชีวิตที่ดูสุขสบายดีแถมมีลูกที่น่ารัก

- จบตอนที่ 3 วิ่งไล่จับ -

>> คลิกกลับไปหน้าหลัก >> https://today.line.me/th/pc/article/Zn1p5Q 

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...