โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

5 โรคร้ายที่เคยระบาดหนักในอดีตจนคร่าชีวิตผู้คนมาแล้วนับไม่ถ้วน

Horrorism

อัพเดต 10 มี.ค. 2563 เวลา 00.00 น. • เผยแพร่ 10 มี.ค. 2563 เวลา 07.40 น. • Horrorism

 

       ‘การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ’หนึ่งในคำกล่าวที่ใครหลาย ๆ คนมักคุ้นเคยกันดี และคงไม่มีใครปฏิเสธว่าการมีสุขภาพดี มีค่ากว่าการมีเงินร้อยล้านด้วยซ้ำไป ฉะนั้นแล้ว หลายคนจึงหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ทั้งเลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ หรือหมั่นออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ แต่ถ้าหากย้อนกลับไปยังอดีตแล้ว โลกของเราเคยมีการระบาดของโรคร้ายอย่างหนัก จนคร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมาก เพราะด้วยการแพทย์สมัยนั้นยังไม่พัฒนาเท่าปัจจุบัน ซึ่งโรคระบาดเหล่านี้

       ดังนั้น วันนี้จะพาย้อนอดีตไปดูการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ว่ามีโรคอะไรบ้าง และแต่ละโรคสร้างความเสียหายไว้มากมายแค่ไหนกันค่ะ

 

โรคกาฬมรณะ

 

 

ภาพจำลองเหตุการณ์การระบาดใหญ่ของกาฬมรณะในกรุงลอนดอน

ที่มาของภาพ :history

 

       กาฬมรณะหรือแบล็กเดท (Black Death) เป็นหนึ่งในโรคระบาดที่สร้างความเสียหายให้กับมนุษยชาติมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยกาฬมรณะระบาดรุนแรงมากในช่วงปี ค.ศ. 1346-1353 และทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 75-200 ล้านคน ซึ่งเท่ากับครึ่งหนึ่งของประชากรในทวีปยุโรปในยุคนั้นเลย

       โรคนี้มีหลากหลายอาการขึ้นอยู่กับสถานที่และช่วงเวลาที่พบทำให้การบันทึกแต่ละครั้งแตกต่างกันไป แต่ลักษณะร่วมส่วนมากคือผู้ป่วยจะมีฝีมะม่วงขึ้นบริเวณขาหนีบ คอ และรักแร้ โดยหนองที่ผ่าออกมาจะมีเลือดผสมออกมาด้วย หลังจากนั้นจะมีไข้สูงและอาเจียนเป็นเลือด ผู้ป่วยส่วนมากจะเสียชีวิตภายใน 2-7 วันนับจากติดเชื้อ

       เนื่องจากกาฬมรณะทำให้ผู้คนครึ่งยุโรปเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว จึงส่งผลกระทบในหลาย ๆ ด้าน ทั้งขาดการนำเข้าและส่งออกสินค้าเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ขาดอาหารเพราะไม่มีแรงงาน เกิดโจรขโมยมากมายเพราะขาดแคลนอาหาร ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ความเป็นอยู่ในหลายประเทศตกต่ำลง

 

โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์สเปน (Spanish flu)

 

 

ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์สเปนจำนวนมากที่เข้ามารับการรักษาตัว

ที่มาของภาพ : wowboom

 

       ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์สเปน (Spanish flu) คือชื่อเรียกการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ครั้งใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส (Virulent) ที่มีอันตรายถึงตายสายพันธุ์ A สายพันธุ์ย่อย H1N1 โดยเริ่มมีการระบาดในปี ค.ศ. 1918-1919 ซึ่งเกิดขึ้นหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่าสงครามโลกซะอีก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์สเปนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 40-50 ล้านคน

       จริง ๆ แล้วตอนนั้นเกิดการระบาดโรคนี้ในหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศสและอเมริกา แต่เพราะประเทศเหล่านั้นเพิ่งเข้าร่วมสงครามโลกจึงไม่อยากรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตในปริมาณมาก ๆ แต่ประเทศสเปนที่ไม่ได้เข้าร่วมด้วย สามารถรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตได้ตามปกติ ทำให้คนในยุคนั้นรู้สึกเหมือนคนสเปนเสียชีวิตเยอะกว่าที่อื่น ๆ จึงทำให้เกิดชื่อเล่นว่าไข้หวัดใหญ่สเปน ในขณะที่ประเทศสเปนเองกลับเรียกไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดรอบนั้นว่า ‘ทหารแห่งเนเปิลส์’ ซึ่งเป็นชื่อเพลงจากละครเวทีที่กำลังฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ในขณะนั้น

       ตอนนั้น 1 ใน 3 ของประชากรโลกติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์สเปน และร้อยละ 20 ของผู้ติดเชื้อจะเสียชีวิต นอกจากแถบทวีปยุโรปและอเมริกาแล้ว ยังระบาดไปถึงอินเดีย ญี่ปุ่น หรือแม้แต่หมู่เกาะเล็ก ๆ อย่างประเทศซามัวก็ได้รับผลกระทบรุนแรงเช่นกัน

 

 

อหิวาตกโรค

 

 

ศพของผู้ที่ป่วยเป็นอหิวาตกโรคถูกนำมาทิ้งไว้ในบริเวณลานวัดสระเกศ

ที่มาของภาพ : goldenmountt

 

       อหิวาตกโรค (Cholera) ระบาดรุนแรงครั้งแรกช่วงปี ค.ศ. 1817-1824 โดยเริ่มจากบริเวณเมืองโกลกาตาในประเทศอินเดียก่อนจะแพร่ไปทั่วทั้งเอเชียกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออกไกล แอฟริกาตะวันออก และประเทศแถบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน อหิวาตกโรคเป็นโรคระบาดในพื้นที่ประเทศอินเดียมาช้านานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่แพร่ระบาดไปไกลถึงครึ่งโลก ทำให้ไม่มีตัวเลขแน่นอนสำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตจากการระบาดครั้งนี้ แต่นักวิจัยในปัจจุบันคาดว่าน่าจะถึงหลักล้านคนได้ และประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน คาดว่าในสมัยนั้นมีผู้เสียชีวิตในกรุงเทพมากถึง 3 หมื่นคนเลยทีเดียว

       อหิวาตกโรคเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้เล็ก มักเกิดจากการกินอาหารที่ปรุงไม่สุก ดื่มน้ำที่ไม่สะอาด และมีสุขอนามัยที่ไม่สะอาด ผู้ป่วยจะท้องเสียอย่างรุนแรงหลายวัน อาเจียน และอาจปวดตามกล้ามเนื้อได้ ซึ่งการท้องเสียนาน ๆ นั้นจะส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำและสารอาหารจนเป็นอันตรายได้

 

วัณโรค

 

 

ผู้ป่วยเป็นวัณโรคจะมีอาการไอและจามอย่างรุนแรง

ที่มาของภาพ :childanddevelopment

 

       วัณโรค (Tuberculosis) หรือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้โดยการไอหรือจาม หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ผู้ติดเชื้อจะมีอัตราเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 50 ลักษณะอาการที่พบบ่อยคือไอเป็นเลือด มีไข้ และมีเหงื่อออกเยอะตอนนอน จนถึงปัจจุบันยังมีประชากร 1 ใน 3 ของโลกติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้อยู่ โดยส่วนมากจะอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา

       การระบาดที่น่าสนใจในยุคนี้คือเมื่อปี ค.ศ. 2007 มีผู้เป็นวัณโรคมากถึง 13.7 ล้านคนทั่วโลก ประเทศที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือประเทศสวาซิแลนด์ ทุก ๆ 1 แสนคนจะมีผู้ป่วยเป็นวัณโรคถึง 1,200 คนเลยทีเดียว แม้ผู้ป่วยส่วนมากจะอยู่ในทวีปแอฟริกาและเอเชีย แต่ในปีนั้นก็พบได้มากในประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นกัน อย่างสหราชอาณาจักรมีผู้เป็นวัณโรคมากถึง 15 คนต่อประชากร 1 แสนคน สเปนและโปรตุเกสมีผู้ป่วยเป็นวัณโรค 30 คนต่อประชากร 1 แสนคน ส่วนประเทศที่มีคนเยอะอย่างจีนก็มีจำนวนผู้ป่วยมากถึง 98 คนต่อประชากร 1 แสนคน

       แต่ในอดีตนั้นวัณโรคเป็นโรคระบาดรุนแรงในทวีปยุโรปโดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 18-19 ประชากร 1 ใน 4 ของทวีปยุโรปเสียชีวิตจากวัณโรค รวมทั้งชนชั้นสูงและบุคคลมีชื่อเสียงในสังคมต่างก็เสียชีวิตด้วยโรคนี้เช่นกัน ทำให้โรคนี้กลายเป็นโรคยอดฮิตของตัวละครเอกในวรรณกรรมหลายชิ้นของยุคนั้น เช่น บทละครเรื่อง The Lady of the Camelliasที่ดัดแปลงมาเป็นภาพยนตร์เรื่อง Moulin Rouge! นางเอกก็เสียชีวิตจากวัณโรค หรือคุณหญิงกีรติจากเรื่องข้างหลังภาพก็เสียชีวิตเพราะวัณโรคเช่นกัน

 

โรคเอดส์

 

 

ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV จะมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง

ที่มาของภาพ : hellokhunmor

 

       เอดส์ (AIDS) เป็นโรคระบาดที่ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1981 โรคเอดส์เกิดจากเชื้อไวรัส HIV ที่คาดว่ามีต้นกำเนิดจากประเทศคองโก แม้จะระบาดไปทั่วทุกมุมโลกจนถึงปัจจุบัน และทำให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 35 ล้านคน แต่บริเวณที่ระบาดหนักที่สุดคือในทวีปแอฟริกา โดย 2 ใน 3 ของประชากรในแอฟริกาติดเชื้อ HIV โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ของทวีปมีอัตราการติดเชื้อสูงที่สุด

       ช่วงเวลาที่เชื้อระบาดหนักที่สุดคือในปี ค.ศ. 2005 ที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์สูงสุดถึง 2.2 ล้านคนทั่วโลก แต่หลังจากการพัฒนาด้านการวิจัย และการให้ความรู้เพื่อให้ตระหนักถึงโรคนี้มากขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อ HIV จำนวนผู้เป็นโรคเอดส์ และจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์จึงลดลงเรื่อย ๆ

       เชื้อ HIV สามารถติดต่อกันได้ผ่านเลือด และสารคัดหลั่งทางอวัยวะสืบพันธุ์ แต่ผู้ที่มีเชื้อ HIV ไม่จำเป็นต้องเป็นเอดส์เสมอ มีผู้ที่มีเชื้อ HIV หลายคนที่ไม่ได้เป็นโรคเอดส์ มีสุขภาพที่ดี และสามารถมีลูกได้ แถมลูกและคู่ชีวิตก็ไม่ติดเชื้อ HIV ด้วย

 

       5 โรคระบาดที่หยิบยกมาให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกันในครั้งนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีโรคระบาดอีกเยอะแยะมากมาย บางโรคก็สามารถผลิตยามารักษาให้หายขาดได้ บางโรคก็กลายพันธุ์จนยากเกินกว่าจะรักษา ดังนั้น เราทุกคนควรหันมาดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้โรคภัยต่าง ๆ เกิดขึ้นกับเราได้เด็ดขาดเลยนะคะ

 

ข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบ : 5 โรคร้ายที่เคยระบาดหนักในอดีตจนคร่าชีวิตผู้คนมาแล้วนับไม่ถ้วน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...