โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

4 สัญญาณบอกลางร้ายในความสัมพันธ์ เจอแบบนี้ควร 'เปลี่ยน' อะไรดีนะ?

LINE TODAY

เผยแพร่ 24 มิ.ย. 2562 เวลา 08.41 น.

เขียนโดย @mint.nisara

ไม่มีใครชอบความบาดหมาง และก็ไม่มีใครชอบการแตกหัก ก่อนที่อะไรจะสาย ลองมาตรวจจับ 4 สัญญาณบอกลางร้ายในความสัมพันธ์กันดีกว่า ว่าถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ เราควรปรับหรือเปลี่ยนอะไรให้ทันเวลาได้บ้าง…

สัญญาณที่ 1: ทะเลาะกันเรื่องเล็กน้อย ซ้ำ ๆ เดิม ๆ วนไปวนมา

เป็นเรื่องธรรมดาของคู่รักที่จะต้องทะเลาะกันเหมือนลิ้นกระทบกับฟัน แต่เราเชื่อว่าคงไม่มีใครที่อยากจะดึงเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ มาเป็นหัวข้อในการทะเลาะกันบ่อย ๆ หรอก จริงไหม

ประโยคที่ว่า "ทำไมเธอถึงเก็บของไม่เรียบร้อยเลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องมานั่งเคลียร์ให้ทุกวัน" หรือ "มัวแต่เล่นเกม ไม่สนใจกันเลย" จากปากฝ่ายหญิง หรือประโยคจากฝ่ายชาย อย่างเช่น "ทำไมถึงไม่มีเหตุผล ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่อยู่ได้" ได้ยินทีละนิดทีละหน่อย แต่ก็สามารถบั่นทอนจิตใจและความสัมพันธ์ในระยะยาวได้เหมือนกันนะ

วิธีแก้ : 'ปรับ' พฤติกรรม

สาเหตุที่ปัญหามันเกิดขึ้นแบบวนลูปก็เพราะสิ่งที่เป็นต้นตอไม่ได้รับการแก้ไข การทะเลาะกันแบบจุก ๆ จิก ๆ จะลดลงได้ในทันทีถ้าเราใส่ใจพอที่จะรับฟังสิ่งที่กวนใจอีกฝ่ายและช่วยด้วยการปรับพฤติกรรมของตัวเอง จริงอยู่ที่เขาพูดกันว่า "เวลาอยู่ในความสัมพันธ์ที่สบายใจ เราควรเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด" แต่ถ้าการรักษาตัวตนมันทำให้ปัญหามันทวีคูณไปเรื่อย ๆ การมาเจอกันครึ่งทาง ลดความเป็นตัวเองลงมาหน่อย ช่วยกันปรับ ช่วยกันจูนกันไป ก็น่าจะช่วยให้สุขภาพของความสัมพันธ์ดีขึ้นไม่ใช่น้อย

สัญญาณที่ 2 : #หมดpassion

จากแต่ก่อนที่ตัวติดกันทุกวัน คุณกลับรู้สึกว่าการนัดกินข้าวกับแฟนอาทิตย์ละ 3 วันยังบ่อยไปซะด้วยซ้ำ เวลาเดินด้วยกัน รู้สึกไม่อยากจูงมือ เวลามีปัญหาหรือเรื่องดีใจ เขากลับเป็นคนท้าย ๆ ที่คุณจะนึกถึง พูดง่าย ๆ คือคุณกำลังรู้สึกหมดแพสชั่นในความสัมพันธ์ครั้งนี้นั่นเอง

วิธีแก้ : 'ปรับ' ระยะห่าง

สิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ก็คือภาวะอิ่มตัวของความสัมพันธ์ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก ๆ สำหรับคู่รัก โดยเฉพาะคนที่คบกันมาเป็นเวลานาน วิธีแก้ไขปัญหานี้ไม่ใช่การดันทุรังทำอะไรแบบเดิม ๆ แต่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำก็คือการให้เวลากับตัวเองมากขึ้นและการปรับระยะห่างระหว่างคุณกับคนรักให้พอดี 

เชอรีล ลาซารัส Relationship Expert เขียนเอาไว้ในบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ว่า เราทุกคนล้วนมี 'จุดอิ่มตัว' ในความสัมพันธ์ทั้งนั้น ซึ่งความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนใดคนหนึ่งรู้สึกว่าได้รับความใกล้ชิดที่ถลำเส้นมากเกินไป "สิ่งหนึ่งที่คนไม่เข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของความสัมพันธ์คือมันมีจังหวะของมัน" ความสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่การอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่คือความสัมพันธ์ที่รู้ว่าช่วงเวลาไหนควรใช้ร่วมกัน และช่วงเวลาไหนที่ควรเก็บไว้ให้แต่ละคนได้ใช้กับตัวเอง เมื่อไรที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้มันบีบรัดเกินไป รีแอคชั่นของคน ๆ นั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นความเบื่อและการหลีกหนีจากความสัมพันธ์นั้นในทันที

ทางที่ดีที่สุดคือการปรับระยะในความสัมพันธ์ให้พอดี ให้รู้สึกว่าคุณมีระยะห่างตรงกลางให้ได้เจอกันที่พอเหมาะ มีช่วงเวลาที่ให้ได้คิดถึงกัน และในระหว่างเดียวกัน คุณก็ยังมี private zone ที่ได้เอนจอยอะไรที่เป็นตัวเองอยู่

สัญญาณที่ 3 : คุณกับเขาไม่มีเป้าหมายในชีวิตร่วมกันเลย

ที่เขาว่ากันว่าความแตกต่างทำให้ความสัมพันธ์ไม่น่าเบื่อก็ถูกอยู่ เพราะมันทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ จากตัวคนรักอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าสิ่งที่แตกต่างระหว่างคุณทั้งสองคือ 'เป้าหมายในชีวิต' ล่ะ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น คุณอยากสร้างครอบครัวภายใน 2 ปี แต่สิ่งที่เขาอยากทำคือการเก็บเงินเที่ยวและยืนกรานว่าการแต่งงานเป็นเรื่องที่ยังไม่อยู่ในแพลน เป็นต้น เมื่อเป้าหมายไม่ตรงกัน มันก็คงไม่แปลกที่เราจะมองไม่เห็นอนาคตที่มีตัวเขาอยู่ในนั้นด้วย จริงไหม

วิธีแก้ : เปลี่ยนสเตตัส

สิ่งที่ต้องทำเบื้องต้นก็คือการคุยและปรับเข้าใจระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าคุณพยายามประนีประนอมถึงที่สุดแล้วและยังคงไม่เห็นทีท่าว่าเขาจะยอมมาเจอคุณตรงกลาง คบไปเรื่อย ๆ ก็มีแต่จะยื้อให้เสียเวลาของกันและกันไปซะเปล่า ทางที่ดีที่สุดแต่อาจจะไม่ใช่ทางที่สบายใจที่สุดก็คือการลดสเตตัส จากการเป็นคนรักกลับไปเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และเปิดโอกาสครั้งใหม่ให้กับตัวเองน่าจะดีกว่า

สัญญาณที่ 4 : แฟนเป็นคนหัวร้อน ทะเลาะกันทุกครั้งมีแต่เจ็บตัวและเจ็บใจ

อย่างที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ว่าการคบกัน ทะเลาะกัน เป็นเรื่องธรรมดาของคู่รักทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าเมื่อไร การทะเลาะกันมันยกระดับความรุนแรงไปถึงขั้นการด่าทอเสีย ๆ หาย ๆ การประจานทางโซเชียลมีเดีย การลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกัน นี่คือสัญญาณอันตรายขีดแดงของความสัมพันธ์นั้น ๆ แล้ว

วิธีแก้ : เปลี่ยนคนรัก

ความรักคือการอดทนแต่มันก็ต้องมีบางเรื่องที่เราไม่ควรยอม หลายคนที่จำใจยอมรับความรุนแรงจากคนรักเพราะยึดติดกับไอเดียที่ว่า และจากการศึกษาเรื่องความรุนแรงระหว่างคู่รัก หลายคนใช้ชีวิตอยู่กับความคาดหวังว่าคนรักของตนเองจะเห็นความดีและกลับตัวกลับใจได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว วิธีการเปลี่ยนพฤติกรรมที่รุนแรงในตัวคน ไม่ใช่การเป็นกระสอบทรายรองรับอารมณ์ให้กับเขา แต่คือการบำบัดและรักษาโดยจิตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ เพราะฉะนั้น ถ้าความสัมพันธ์ครั้งนี้มันทำให้คุณเจ็บตัวและเจ็บใจมากเกินจะทน อย่าตั้งตัวเองอยู่บนความคาดหวัง ถอยออกมาก่อนที่อะไรจะแย่ลงไปน่าจะดีที่สุด

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0