โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

อย่าลืมเงินทอน - พระมหาสมปอง

THINK TODAY

อัพเดต 24 ส.ค. 2561 เวลา 05.12 น. • เผยแพร่ 20 มิ.ย. 2561 เวลา 04.00 น. • พระมหาสมปอง

ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุก ๆ ท่าน 

อาตมาเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านกำลังให้ความสนใจเรื่องเงินทอนวัด อาตมาก็สนใจเหมือนกัน ขนาดหลวงตาที่วัดยังผวาเรื่องเงินทอนวัดเหมือนกัน 

เรื่องมีอยู่ว่า หลวงตาท่านไม่สบาย เลยไปซื้อยาที่ร้านขายยาหน้าวัด ท่านซื้อยาไป 450 บาท ท่านให้แบงค์ 500 ไปหนึ่งใบ แล้วท่านก็เดินออกจากร้านขายยาไปเลย เภสัชกรที่เรียกตามหลังว่า "หลวงตาครับๆ ไม่เอาเงินทอนหรือครับ" หลวงตาสะดุ้ง ตะโกนกลับเสียงดังว่า "ให้โยมเลย อาตมายังไม่อยากสึก" 

เห็นไหมโยมอิทธิพลเงินทอนวัดมันรุนแรงขนาดไหน ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าก่อนว่าเงินทอนวัดคืออะไร?   

เงินทอนวัดคือ เงินที่วัดต้องมอบคืนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในกรณีที่วัดใช้งบประมาณเงินอุดหนุนไม่หมด ส่วนที่เหลือต้องส่งคืน เรียกว่า เงินทอนวัด 

อธิบายความคือ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะมีการจัดสรรงบที่เรียกว่า “เงินอุดหนุน” ที่จ่ายให้กับวัดในประเทศไทย โดยการของบเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อนำไปปฏิบัติบูรณะซ่อมแซม เพื่อการศึกษาพระปริยัติธรรม และเพื่อการเผยแผ่ดำเนินกิจกรรมทางศาสนา

จากข่าวที่ว่า “ทุจริตเงินทอนวัด” ยกตัวอย่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดสรรงบที่เรียกว่า 

“เงินอุดหนุน” ให้วัดหนึ่งจำนวนเงิน 50 ล้าน แต่เมื่อตรวจสอบแล้วทางวัดใช้เงินไป 40 ล้าน เหลืออีก 10 ล้าน ทางวัดต้องส่งคืนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แต่เมื่อไปตรวจสอบปรากฏว่าเงินนั้นไม่มีเพราะถูกโอนไปยังบัญชีคนอื่น จึงถือว่าเป็นการทุจริตเงินทอนวัด   

จากกรณีดังกล่าว เพื่อความเป็นธรรม เราอย่าเพึ่งสึกท่านได้ไหม เพราะบางรูปบวชมาตั้งแต่เด็กๆ ท่านมีความพอใจในสมณะ ต้องให้เจ้าหน้าที่พิจารณาคดีให้เสร็จก่อนว่าท่านผิดจริงแล้วค่อยสึก แบบนี้ไม่มีใครขัดขืน  

ที่อาตมาพูดนี้ไม่ใช่ว่าเป็นพระ แล้วเข้าข้างพระ อาตมาเข้าข้างความถูกต้อง ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก แต่ต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน เพราะผิดพลาดมาความบอบช้ำเกิดขึ้นแก่พุทธศาสนาแน่นอน  

จากกรณีดังกล่าวเราจะมองได้ 2 ประเด็นคือ   

1. ทำผิดเพราะไม่รู้ พระเถระผู้ใหญ่บางรูปไม่ได้มายุ่งเกี่ยวเรื่องเงิน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระที่รับผิดชอบ หรือไม่ก็เป็นไวยาวัจกรวัด เป็นคนดูแล เมื่อเราพิจารณาแล้ว ท่านก็ไม่มีเจตนาในการทุจริต 

ในพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า "กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา" พุทธศาสนสุภาษิตว่า "เจตนาหํ กมฺมํ วทามิ" แปลว่า "เจตนานั่นแหละเป็นกรรม" แต่ถ้ามีเจตนาที่จะโกงก็นับว่าผิด ก็ว่าไปตามกฎหมาย   

2. รู้ว่าผิดแต่ก็ทำ แต่ถ้ารู้ว่าเงินที่ได้มาใช้เท่าไหร่ ที่เหลือต้องคืน และตนเองเป็นผู้บริหารเงินทั้งหมด แต่ยังกระทำผิดก็ต้องรับผลที่ตนเองกระทำนั้น ไม่ว่าเราจะหนีไปอยู่ไหนก็ย่อมหนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น  

เพราะกฎแห่งกรรมยุติธรรมที่สุด 

เจริญพร

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0