โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หญิงไทยเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก 2,251คน/ปี

NATIONTV

เผยแพร่ 15 ม.ค. 2562 เวลา 03.33 น. • Nation TV
หญิงไทยเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก 2,251คน/ปี

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ชี้เดือนมกราคม เดือนแห่งการรณรงค์มะเร็งปากมดลูก แนะเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เป็นสาเหตุมะเร็งปากมดลูก และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ ตามคำแนะนำของแพทย์

อธิบดีกรมการแพทย์ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ บอกว่า มะเร็งปากมดลูกถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยในปี 2532 มีอุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก 23.4 คนต่อประชากรแสนคน ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับหนึ่งของมะเร็งที่พบในผู้หญิงไทยในยุคนั้น ในอดีตผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ในระยะท้ายของโรค ทำให้การรักษาโรคไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร จึงทำให้มีการผลักดันโครงการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นนโยบายของประเทศขึ้นตั้งแต่ปี 2545 

โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่สำคัญที่ช่วยให้สามารถตรวจหาโรคมะเร็งให้พบตั้งแต่อยู่ในระยะเริ่มแรกหรือในระยะก่อนเป็นมะเร็ง โดยผู้หญิงไทยอายุ 30-60 ปี สามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือโรงพยาบาลใกล้บ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จากดำเนินการโครงการคัดกรองฯ อย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 15 ปี ส่งผลให้ปัจจุบันมีอุบัติการณ์มะเร็งปากมดลูกลดลงเหลือเพียง 11.7 คนต่อประชากรแสนคน จัดเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับสามของมะเร็งที่พบในผู้หญิงไทย โดยมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ 5,513 คน/ปี และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก 2,251คน/ปี

นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า เดือนมกราคม เป็นเดือนที่องค์กรต้านโรคมะเร็งทั่วโลกส่งเสริมให้รณรงค์ต้านภัยมะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากมดลูกมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญมาจากการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) ที่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ การมีคู่นอนหลายคนและการสูบบุหรี่จะทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคเพิ่มอีกด้วย อาการที่เป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ มีเลือดหรือของเหลวออกทางช่องคลอดหรือมีการตกขาวผิดปกติ มีประจำเดือนมามากหรือนานกว่าปกติ และมีเลือดออกทางช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์หรือเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น การป้องกันมะเร็งปากมดลูกสามารถทำได้โดยการฉีดวัคซีน HPV ซึ่งสามารถป้องกันโรคได้ 70-90% อย่างไรก็ตามผู้ที่ฉีดวัคซีนนี้แล้วยังคงต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เป็นสาเหตุมะเร็งปากมดลูกและยังคงต้องรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ 

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...