เข้าสู่ปีใหม่กันแล้วนะคะ เชื่อว่าทุกองค์กรคงกำลังวางแผนพัฒนาคน และจัดการองค์กรสำหรับปีหน้ากันอยู่แน่ ๆ จริงหรือไม่ที่การวางแผนสมัยนี้มักมองระยะสั้น ๆ ไม่ได้ทำแผน 10-20 ปีเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่เรายังคงคาดหวังผลทั้งระยะสั้นและยาวอยู่เหมือนเดิม
ในเมื่อเทรนด์เปลี่ยนเร็ว การวางแผนก็ต้องปรับตามเช่นกัน วันนี้เลยจะหยิบเอาเทรนด์การพัฒนาคนและองค์กรที่สำคัญๆ มาเล่าให้ฟังกันค่ะ
เทรนด์ที่ 1 ภาวะผู้นำที่ไม่มีผู้นำ (Self-Leadership)
สิ่งที่ผู้บริหารทั้งหลายฝันอยากเห็นองค์กรเป็นมากที่สุด คงหนีไม่พ้นการที่มีพนักงานที่รู้หน้าที่ ทำงานเองได้ และไม่ต้องมีผู้จัดการ หรือหัวหน้ามาคอยบอกคอยสั่งว่าต้องทำอะไรบ้าง (Self-Organization & Self-Management)
โทนี่ เช (Toney Hsieh) CEO ของ Zappos.com ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า สิ่งที่ยากในการทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงคือ การที่คนในองค์กรต้องแบ่งภาคตัวเองให้อยู่ในทั้งสองระบบได้ในเวลาเดียวกัน ในขณะที่คนได้รับอำนาจเต็มที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง แต่หัวหน้างานก็ได้รับอำนาจในการบริหารพนักงานด้วยเช่นกัน เขาได้เรียนรู้ว่า เวลาเปลี่ยนองค์กร จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งระบบจึงจะสำเร็จ
นอกจากทักษะในการบริหารตนเองแล้ว โลกยังเบนเข็มมาให้ความสนใจในเรื่องภายในตนเองอย่าง Wellness, Mindfulness, และ Happiness ซึ่งเชื่อว่าเป็นสูตรสำเร็จของความสำเร็จของคนทำงานในยุคปัจจุบัน ที่ต้องสำเร็จทั้งงานและส่วนตัวอีกด้วยค่ะ
เทรนด์ที่ 2 เรียบง่าย (Simple)
ในยุคที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ความยาก และความเปลี่ยนแปลงเร็ว มีเครื่องมือ มีวิธีบริหารจัดการที่เป็นระบบระเบียบเกิดขึ้นใหม่ๆมากมาย ก็ถึงเวลาแล้วที่องค์กรต้องกลับมาทบทวน “ความเรียบง่าย (Simple)” ขององค์กรดูบ้าง
แนวคิดในการจัดการองค์กรแบบ Holacracy ที่มุ่งเน้นการบริหารตนเอง กระจายอำนาจ ไม่มีลำดับชั้นงาน และทำงานตามบทบาทที่ได้รับมากกว่า Job Description ดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีบริษัทระดับโลกอย่าง Zappos.com, Medium, Twitter หรือแม้แต่ Google เป็นองค์กรต้นแบบ
องค์กรแบบนี้นอกจากจะรวดเร็วแล้ว ยังช่วยลดปัญหาระหว่างหน่วยงาน (Silo Mentality) ที่เป็นปัญหาระดับคลาสสิกของไทยลงไปได้อีกด้วยค่ะ
เทรนด์ที่ 3 รวดเร็ว (Speed)
แนวคิดเรื่องการเรียนรู้จากการลงมือทำ (Learning by Doing) ยังคงมาแรงในปีนี้ โดยจะดึงจุดที่ไม่ใช่แค่การเรียนรู้อย่างเดียวเหมือนปีที่ผ่านมา ความรวดเร็วจากการลงมือทำจริง (Take Action) ต่อด้วยการเรียนรู้ร่วมกัน (Knowledge Sharing) และการคิดค้นวิธีที่ดีกว่าในการทำงาน (Innovation) เป็นกระบวนการเรียนรู้และสร้างนวัตกรรมที่องค์กรส่วนใหญ่ให้ความสนใจ
ดังนั้นผู้นำต้องสอนงาน โค้ช และให้อำนาจให้พนักงานจริง กระบวนการนี้จึงจะเกิดได้อย่างที่ตั้งใจ เชื่อหรือไม่ว่า องค์กรส่วนใหญ่คิดได้ก่อนคู่แข่ง แต่ลงมือทำช้ากว่าก็กลายเป็นผู้ตามไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งโลกเปลี่ยนไปเร็วเท่าไหร่ การพัฒนาผู้นำก็เป็นเรื่องที่รอไม่ได้เช่นกัน
เทรนด์ที่ 4 ทักษะแห่งอนาคต (Future Skills )
ปี 2018 เป็นปีที่องค์กรส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับเรื่องการพัฒนาคน โดยมุ่งเน้นการกำหนดทักษะแห่งอนาคต และมองหาผู้นำรุ่นใหม่ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กร
ในปี 2019 เราต้องเริ่มลงมือพัฒนาทักษะเหล่านั้นจริงจังเสียที ผ่านกระบวนการสร้างผู้นำที่ไม่เหมือนเดิม การเรียนรู้รูปแบบใหม่ ๆ เช่น On-Demand Learning, Micro Learning เป็นที่นิยมมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งมีการผสมผสานระหว่างความสนใจส่วนตัว ไลฟ์สไตล์ของผู้เรียน และความคาดหวังจากองค์กรเข้าไปอยู่ในโปรแกรมการเรียนรู้อย่างชัดเจนมากขึ้น
เทรนด์ที่ 5 ทำน้อยได้มาก (Digital Transformation x Leadership Acceleration x 3D Branding)
ปลายปี 2018 เราเริ่มเห็นข่าวองค์กรใหญ่ ๆ ในเมืองไทยได้ออกมาเปิดตัวการทรานส์ฟอร์มองค์กรไปสู่ยุคดิจิทัลผ่านการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ โดยมีการนำเสนอสินค้าและบริการรูปแบบใหม่ที่มีความเป็นโซลูชั่น (Solutions) มากขึ้น โดยเปิดเผยถึงที่มาของนวัตกรรมเหล่านั้นว่าเกิดจากกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ที่ผ่านการพัฒนากระบวนการเร่งรัดสุดสร้างสรรค์แบบสตาร์ทอัพ ไม่ว่าจะเป็น Hackathon, Design Thinking, Incubation Program เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังเปิดตัวพนักงานเหล่านั้นผ่านการเล่าเรื่อง (Storytelling) เพื่อยิงนกทีเดียวได้ทั้ง Personal Brand, Corporate Brand, และ Employer Brand ด้วยเลย
ในปี 2019 นี้ ก็คาดว่าจะมีแคมเปญที่ “ทำน้อยได้มาก” ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างหลาย ๆ ศาสตร์ จากความร่วมมือระหว่างแผนกจากองค์กรที่ประยุกต์ใช้แนวคิดแบบไร้โครงสร้างออกมาให้เห็นกันมากขึ้นอย่างแน่นอน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเทรนด์ทั้ง 5 ที่หยิบมาเล่าให้ฟังกัน ดูท่าปี 2019 คงจะมีเรื่องสนุก ๆ ให้ทำกันหลายอย่างเลยทีเดียวค่ะ ถ้ามีแนวคิดไหนตรงกับทิศทางที่กำลังจะไปก็ลองนำไปใช้ดูค่ะ อย่าลืมว่าไม่มีทางลัดสู่ความสำเร็จเท่าการ “ลงมือทำ” นะคะ
